"วันนี้ วันพระ"

วันนี้วันพระ (มาโพสช้าไปนิดขออภัยด้วยนะคะ)


วันเสาร์ ที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๘
วันนี้นำภาพพระสีวลีมาเป็นสิริมงคลวันพระ
....................................................
ประวัติพระสีวลี อรหันต์แห่งโชคลาภ

พระสีวลี หรือ พระสิวลี เป็นโอรสของพระนางสุปปวาสาซึ่งราชธิดาแห่งโกลิยนครตั้งแต่ท่านจุติลงถือปฎิสนธิในครรภ์ของพระมารดาได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอย่างมาก

พระสีวลีทรงอาศัยอยู่ในครรภ์ของพระมารดานานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน
ครั้นเมื่อใกล้เวลาพระสีวลีจะประสูติพระมารดาได้รับทุกขเวทนาเป็นอันมาก

พระนางจึงทูลขอให้พระสวามีไปกราบบังคลทูลขอพรจากพระพุทธเจ้าและทรงได้ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า

“ขอพระนางสุปปวาสาพระราชธิดาแห่งโกลิยนครจงเป็นหญิงที่มีความสุขปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระโอรสที่หาโรคมิได้เถิด”

และด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพจึงทำให้ทุกเวทนาของพระนางอันตรธานหายไป พระนางสามารถประสูติพระโอรสได้อย่างง่ายดายดุจน้ำที่ไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานนามพระราชโอรถของพระนางสุปปวาสาว่า “พระสีวลีกุมาร”

และเมื่อพระนางสุปปวาสามีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว จึงมีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานเป็นระยะเวลา 7 วันติดต่อกัน จึงแจ้งความประสงค์แก่พระสวามีให้กราบทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ตลอดระยะเวลา 7 วัน

ซึ่งในวันที่ถวายมหาทานนั้นพระสิวลีกุมารทรงมีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้มีพระชนม์ 7 พรรษา ได้ทรงช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่างๆ มีการนำธมกรก (กระบอกรองน้ำ) มากรองน้ำดื่มและอังคาสพระบรมศาสดาและบรรดาพระภิกษุสงฆ์ ในขณะที่พระสีวลีกุมารช่วยพระบิดาและพระมารดาอยู่นั้นพระสารีบุตรได้สังเกตุดูอยู่ตลอดเวลา และทรงเกิดความพึงพอพระทัยในตัวพระสีวลีกุมารเป็นอย่างมาก

ครั้นถึงวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการถวายมหาทาน พระเถระได้สนทนากับพระสีวลีกุมารแล้วชักชวนให้มาบวช พระสีวลีกุมารผู้ซึ่งมีจิตอ่อนน้อมไปในการบวชอยู่แล้วเมื่อพระเถระชักชวนจึงกราบทูลขออนุญาตพระบิดาและพระมารดา เมื่อทรงได้รับอนุญาตแล้วจึงติดตามพระเถระไปยังพระอารามของพระสารีบุตรเถระ ผู้รับภาระเป็นพระอุปัชฌาย์

จากนั้นก็ได้สอนพระกรรมฐานเบื้องต้น คือ ปัญจกรรมฐานทั้ง 5 อันได้แก่ เกศา (ผม), โลมา (ขน), นขา (เล็บ), ทันตา (ฟัน) ตะโจ (หนัง) ให้ทรงพิจารณาของทั้ง 5 สิ่งนี้ว่าเป็นของไม่งามหรือของสกปรก ไม่ควรเข้าไปยึดติดหลงใหลในสิ่งเหล่านี้ พระสิวลีกุมารได้สดับพระกรรมฐานนั้นแล้วนำไปพิจารณา

ในขณะที่กำลังจรดมีดโกนเพื่อโกนผม ครั้งแรกนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน

จรดมีดโกนลงครั้งที่สองท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี

จรดมีดโกนลงครั้งที่สามท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี

และเมื่อทรงโกนผมสร็จท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

เมื่อท่านอุปสมบทแล้วปรากฎว่าท่านเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะมากมาย ด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านที่สั่งสมมา ลาภสักการเหล่านี้ก็ได้เผื่อแผ่ไปยังพระสาวกท่านอื่นๆด้วย

แม้พระพุทธเจ้าเมื่อทรงพาหมู่พระภิกษุสงฆ์เสด็จทางไกลกันดาร ถ้ามีพระสีวลีร่วมเดินทางไปด้วยก็จะไม่พบกับความขาดแคลนอาหารและที่พักอาศัยเกิดขึ้นเลย

เช่นในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์จำนวน 500 รูปไปเยี่ยมพระเรวตะผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง 2 แพร่งพระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญถ้าเสด็จไปทางอ้อมระยะทางไกล 60 โยชน์ มีประชาชนอาศัยอยู่มาก พระภิกษุจะไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ 30 โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัยมีสภาพเป็นป่าใหญ่มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยอภิกขาจร”

พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามว่า
“ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่”

พระอานนท์เถระก็ได้กราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสีวลีนั้นมากับเราด้วยพระเจ้าข้า”

พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า
“ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัดไม่ต้องห่วงไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะว่าเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทางจะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตนทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลีนั้นด้วย”

และด้วยอำนาจบุญที่พระสีวลีได้บำเพ็ญสั่งสมอบรมตั้งแต่อดีตชาติ เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยาดา นาค ครุฑ และมนุษย์ทั้งหลายนำมาถวายโดยมิขาดตกบกพร่อง

ไม่ว่าพระสีวลีจะอยู่ในที่ใดๆไม่ว่าจะเป็นในป่า, ในบ้าน, ในน้ำ หรือบนบกเป็นต้น และด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงประกาศให้ปรากฎในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านในตำแหน่ง เอตทัคคะผู้เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทางผู้มีลาภมาก

นับว่าพระสีวลีเถระเป็นพระมหาสาวกอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการพระพุทธศาสนาและแบ่งเบาภาระของพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก พระสีวลีดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพานในเวลาต่อมา

อ้างอิงจาก: นิตยสารพระนะโม, ช่อง 7 สี

ขอบพระคุณภาพจากกลุ่มรสธรรมค่ะ

https://www.facebook.com/DharmaRasa?ref=hl&ref_type=bookmark
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่