ไพรสัณฑ์พิศวง ตอนที่๑
https://ppantip.com/topic/37402992/comment3
**ตอนที่๒**
ความเดิมตอนที่แล้วหลังจากดร.แม็กและกัมพูได้ครอบครองปัถพีธาตุ(หินธาตุดิน)ไว้ในมือ เขาทั้ง2จึงนอนพักเพื่อคืนนี้เขาทั้ง2จะตะลุยค้นหากันต่อ
เมื่อแสงจันทร์ได้ส่องสว่างเขาทั้ง2นั้นได้ตื่นจากการนอนพักเป็นเวลานานพอสมควร
''กัมพู..กัมพูตื่นได้แล้ว"
ดร.แม็กพูด
''ตื่นแล้วๆ"
กัมพูพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"ไปกันได้แล้ว!!!ว่าแต่วันนี้เราจะไปหาธาตุอะไรกัน"
ดร.แม็กกล่าว
"วันนี้หน่ะหรอเราต้องขึ้นภูเขานรสิงห์ ไม่รู้เจ้าจะขึ้นไหวไหมน้า และวันนี้เราก็จะไปหาวารีธาตุ(หินธาตุน้ำ)มากัน"
กัมพูพูด
"ขึ้นภูเขานะหรอสบายมากเจ้านำทางไปเลย"
ดร.แม็คพูด
จากนั้นเขาทั้ง2จึงออกเดินทางพร้อมเก็บเสบียงอาหารที่เต็มไปด้วยผลไม ทำตามฤาษีที่ได้บอกไว้
เมื่อทั้ง2เดินทางได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
เขาทั้ง2ก็ต้องหยุดฉงักเพราะมียักษ์สีแดง ตัวสูงมากว่าต้นตาลตั้งหลายเท่า
ใหญ่เทียบเท่าช้างเอราวัญ มีตะบองตาลอยู่ข้างกาย เขาทั้ง2จำเป็นที่จะต้องผ่านยักษ์ตัวนี้ไปเพื่อที่จะไปภูเขานรสิงห์
"กัมพูข้ากับเจ้าจะผ่านไปยังไงเนี้ย"
ดร.แม็กพูด
"เจ้าเงียบๆก่อนเถอะ เดี๋ยวธานินทรอสูรก็ตื่นหรอก"
กัมพูพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอนจากความกลัว
"งั้นแสดงว่าเจ้าก็รู้จักยักษ์ตัวนี้ดีละสิ"
ดร.แม็กถาม
"คือ...เจ้าธานินทรอสูรนี้หากผู้ใดไปกวนตอนมันหลับ และทำให้มันตื่นเนี้ยมันเพียงมองตาก็ทำให้ผู้นั้นกลายเป็นหินได้เลย
และธานินทรนี้ยังจะสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ได้ทุกชนิดเลย แต่ส่วนมากธานินทรจะใช้เวลาไปกับการหลับ
แต่ผู้ใดทำมันตื่นมันจะไล่ฆ่าจนกว่ามันจะได้ลิ้มลองเลือดของผู้นั้นและมันจึงจะนอนต่อ"
กัมพูพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
"เอ่อ....แล้วเราจะผ่านไปได้ยังไงละ"
ดร.แม็กถาม
"ข้าสามารถบินผ่านไปได้แต่เจ้านี้แหละที่ผ่านไปอย่างไร ตัวใหญ่เท่าช้างเอราวัญขนาดนั้น"
กัมพูบอก
"อ้าว! แล้วเจ้าจะทิ้งข้าหรอ?"
ดร.แม็กพูด
"ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก เดี๋ยวข้าจะเรียกเพื่อนข้ามาช่วย"
กัมพูบอก
เมื่อกัมพูพูดจบกัมพูจึงบินไปบนฟ้าและหายไปสักพัก กัมพูได้พากรินทร์ปักษา(ช้างมีปีกบินได้)บินมาเพื่อที่จะให้ ดร.แม็กขึ้นหลังกรินทร์ปักษาและบินข้าม
ธานินทรอสูร
"นี้นะหรอเพื่อนเจ้า"
ดร.แม็กถาม
"ใช่นี้แหละเพื่อข้ากรินทร์ปักษา เจ้าจะต้องรีบขึ้นและเดินทางกันต่อ"
กัมพูพูดด้วยความรีบเร่ง
"เมื่อคืนก่อนข้าก็ขี่คชสิงห์(หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์) คืนนี้ข้าขี่กรินทร์ปักษาแล้วพรุ่งนี้เจ้าจะให้ข้าขี่อะไรเนี้ย"
ดร.แม็กบ่น
"เจ้าอย่าบ่นหน่าขึ้เถอะแล้วไปกัน"
กัมพูพูด
เมื่อดร.แม็กนั้นขึ้นกรินทร์ปักษา เมื่อกำลังบินผ่านธานินทรอสูร กรินทร์ปักษานั้นกับขนล่วงแล้วไปตกอยู่ตรงจมูกของธานินทรอสูร ธานินทรนั้นจึงระคายเคืองจึงจามแล้วสะดุ้งตื่น จึงเกิดความโกรธอย่างนักเขาจึงมองไปรอบๆ จึงเห็นกัมพูและดร.แม็กที่กำลังขี่กรินทร์ปักษาอยู่ที่กำลังหนีไป ธานินทรจึงใช้มือเอื้อมไปเพื่อที่จะคว้าพวกของดร.แม็ก แต่กลับคว้าไม่ถึง จึงทำให้ธานินทรอสูรโกรธอย่างหนัก จึงลุกขึ้นแล้วใช้ตะบองตาลฟาดไป แต่ด้วยความงัวเงียที่พึ่งตื่นจึงทำให้ไม่โดนใครเลย แต่ทันใดนั้น กรินทร์ปักษา ก็ได้ไปเผลอสบตากับธานินทรอสูร จึงทำให้กรินทร์ปักษานั้นแข็งและทำให้ ดร.แม็กล่วงลงมาตกลงพื้นด้วย
"โอ้ยยยยย...เจ็บขาจังเลย"
ดร.แม็กร้องด้วยความโอดโอย
กัมพูเห็นเช่นนั้นจึงรีบบินไปหาดร.แม็ก แต่เมื่อกัมพูกำลังบินไปนั้นก็โดนตะบองตาลจากธานินทรฟาดเข้าจังๆ จึงทำให้กัมพูนั้นสลบลง
ดร.แม็กเห็นเช่นนั้นจะตะโกนไปว่า
"กัมพู!!!!"
เมื่อธานินทรเข้าใกล้มาธานินทรอสูรจึงจับกรินทร์ปักษาเขมือบไปทั้งตัวดร.แม็กเห็นนั้นจึงคลานไปหลบในโพรงไม้ใหญ่ ดร.แม็กจึงส่องรูจากโพรงไม้เพื่อที่จะดูว่าธานินทรนั้นมาใกล้หรือยังแต่เมื่อมองก็เห็น ธานินทรอสูรมุ่งหน้าไปหากัมพู และหยิบกัมพูขึ้นมาแล้วกลืนกัมพูไปทั้งตัว ดร.แม็กเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธแล้วเสียใจเมื่อเห็นเช่นนั้นว่า
"ไอยักษ์ชั่วแกฆ่าเพื่อนฉัน!!!!"
ธานินทรได้ยินจึงหันแล้วมุ่งหน้าตรงเข้ามาทางดร.แม็กทันทีดร.แม็กวิ่งหนีสุดชีวิตจนลืมอาการบาดเจ็บที่ขาไปเลย และไม่สามารถหันกลับไปมองเพราะถ้ามองตาของยักษ์ชั่วตัวนั้นก็จะกลายเป็นหินได้ แต่ทันใดนั้นธานินทรก็ไฟลุกไปทั้งตัว ดร.แม็กจึงหันไปดูแล้วเห็นว่า ยักษ์ตัวนั้นโดนไฟคลอกกำลังเผาร่างไปเรื่อยๆทันใดนั้นเอง กัมพูกก็ได้ผงาดออกมาจากกองเพลิงที่เผาร่างนั้น แต่เมื่อดร.แม็กมองแล้ว กัมพูกลับดูตัวใหญ่ขึ้นราวกับนกอินทรี ทั้งตัวเต็มไปด้วยไฟที่ร้อนระอุราวดังเปลวไฟในนรก จากนั้นธานินทรก็ได้ล้มและตายลงด้วยไฟของกัมพู จากนั้นไฟของกัมพูก็ค่อยๆมอดลงและค่อยๆแปลงสภาพกลับเป็นแบบเดิม กัมพูจึงหันมาถามดร.ว่า
"ดร.เป็นไงบ้าง?โอเครหรือป่าว"
ดร.แม็กจึงตอบว่า "ข้าเจ็บขานิดหน่อยเจ้าละไหวไหม"
"ข้าไหว...เราเดินทางกันต่อเถอะ"
กัมพูพูด
"ได้งั้นเจ้านำทางไปเลย"
ดร.แม็กพูด
หลังจากเขาทั้ง2ได้ข้ามผ่านเหตุการณ์ที่ลุ้นระทึกเขาจึงเดินทางมาถึงตีนเขานรสิงห์ ดร.แม็กจึงปีนเขาด้วยความเจ็บที่ขาแต่ด้วยความพยายามเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จให้ได้ แต่ทันใดนั้นภูเขานรสิงห์ก็ได้สั่นไหวขึ้นแล้วมีน้ำไหลผ่านนตามช่องเขามาอย่างรวดเร็ว ดร.แม็กจึงโดนพลัดตกไปกับสายน้ำที่ไหลลงมา กัมพูเห็นเช่นนั่นจึงรีบบินแล้วไปคาบวารีธาตุมาแต่ทันใดนั้นเอง น้ำที่ไหลตามช่องเขาที่แรงอยู่แล้วกลับแรงทวีคูณโหมกระหน่ำ ภูเขานรสิงห์นั้นก็ถูกน้ำที่ไหลลงมาเรื่อยๆนั้นปิดมิดยอดเขา กัมพูจึงมองหาดร.แม็กจึงเห็นดร.แม็ก ไหลไปตามทางน้ำแล้วกำลังไหลไปในแม่น้ำยมุนา กัมพูเห็นเช่นนั้นจึงคิดว่าจะทำยังไงดีในเมื่อปากก็คาบหินธาตุอยู่ กัมพูตัดสินใจเห็นเพื่อนสำคัญกว่าจึงจะบินไปแล้วปล่อยหินธาตุลงบนต้นไม้ที่ไหนสักทีแล้วค่อยออกหาใหม่ แต่ทันใดนั้นเองก็มีกุมภีนิมิตร(ส่วนบนเป็นคน ส่วนล่างเป็นจระเข้) เข้ามาช่วยก็ได้คาบชายเสื้อของดร.แม็กแล้วไปปล่อยวางไว้ตรงโคนต้นตาล กัมพูจึงรีบบินไปแต่ยังไม่ทันเอ่ยคำขอบคุณ กุมภีนิมิตรก็ได้ดำน้ำหายไปเสียแล้ว
"เจ้าๆ...ยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี้ย"
กัมพูพูด
ดร.แม็กสำลักน้ำออกมาแล้วจึงลืมตาแล้วเมื่อได้สติ กัมพูจึงเล่าให้ฟังว่า
"ตัวเป็นคนไปเอาหินธาตุน้ำมาจึงทำให้น้ำแรงขึ้นจึงเป็นความผิดตนถ้าไม่ได้กุมภีนิมิตรมาช่วยเจ้าข้าคงต้องทิ้งหินธาตุไว้ที่ไหนสักแห่งแล้วแหละ"
ดร.แม็กได้ยินอย่างนั้นจึงบอกกับกัมพูว่า
"เจ้าหน่ะทำดีที่สุดแล้วถ้าเจ้าไม่ไปคาบหินธาตุมาแล้วใครจะไปเอา5555 ก็คงเหมือนท่านว่าแหละข้าปีนไม่ไหวจริงๆด้วยๆ ส่วนที่กุมภีนิมิตรมาช่วยข้านี้คงเป็นเพราะบุญช่วยข้านี้แหละ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากกว่าที่เจ้าช่วยทำให้ภาระกิจของข้าและเจ้าสำเร็จไปในวันนี้"
"อะนี้หินวารีธาตุ"
กัมพูวางหินธาตุบนมือของดร.แม็ก
"ตอนนี้เราก็ได้ทั้งปัถพีธาตุ(หินธาตุดิน) และ วารีธาตุมาแล้ว และนี้ก็ยังไม่เช้าอีกด้วย งั้นเจ้าลองดูสิ้ว่าหินไหนอยู่ใกล้ๆเรา และเราจะออกเดินทางกันต่อในรุ่งสายข้าขอพักเรี่ยวแรง และอาการเจ็บขอของข้าก่อน"
ดร.แม็กพูด
หลังจากนั้นกำพูจึงบินไปบนฟ้าและมองหาหินธาตุที่เปล่งแสง ก็พบว่าวาโยธาตุ(หินธาตุลม)นั้นใกล้กว่าอัคคีธาตุ(หิธาตุไฟ)จึงบินไปบอกกับดร.แม็กว่า
"ในการเดินทางในยามราตรีต่อไปการเดินทางครั้งนี้จะต้องผ่านแม่น้ำคงคา ที่เต็มไปด้วยมัจฉาที่ดีและชั่วร้ายตอนนี้ท่านก็ทานผลไม้ที่เก็บมาเสียก่อนเถอะ"
"ได้ๆเจ้าก็มากินด้วยกันสิ้"
ดร.แม็กชวนกัมพูมากินผลไม้
"ไม่ละเจ้ากินก่อนเลยเดี๋ยวข้าไปหาอาหารมาเพิ่ม"
กัมพูกล่าวแล้วบินไปหาอาหาร
ดร.แม็กก็กินผลไม้อย่างโดดเดี่ยวแต่เรื่องก็ยังไม่จบลงด้วยดีด้วยความมืด ดร.แม็กจึงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเก็บอะไรมาบ้าง ดร.แม็กกับไปกินหนอนที่อยู่ในผลไม้แต่หนอนตัวนี้มีพิษ ถึงขั้นทำให้ผู้ที่กินมันหรือโดนพิษของมันจะทำให้หัวใจหยุดเต้นทันที เมื่อกัมพูกลับมาก็เห็นดร.แม็กนอนอยู่ตอนแรกก็นึกว่าจะหลับไปเสียแล้วแต่พอมองดีๆตัวของ ดร.แม็กนั้นกลับซีดและเริ่มเขียว กัมพูรู้จากอาการน่าจะโดนพิษจากหนอนในผลไม้จึงรีบบินไปที่ ป่าวิทยาธร เพื่อที่จะไปขอยาจากเหล่าวิทยาธรทั้งหลายแต่เส้นทางนั้นก็ยาวไกลพอสมควร
เรื่องราวจะเป็นยังไงดร.แม็กหัวใจจะหยุดเต้นก่อนหรือไม่แล้วกัมพูจะต้องเจออะไรกับการเดินทางเพียงผู้เดียวแต่เขาทั้ง2พบหินธาตุไปแล้วตั้ง2ธาตุคือ ปัถพีธาตุ และ วารีธาตุ(หินธาตุน้ำ) ในการเดินทางต่อไปของเขาทั้ง2จะไปตามล่าไขว้คว้าหินวาโยได้หรือไม่
เรื่องราวกำลังดำเนินไปด้วยความทรหด เข้มข้น เขาทั้ง2เจอทั้งดีและร้ายเขาทั้ง2จะได้หินธาตุครบหรือไม่ แล้วดร.แม็กจะเป็นอย่างไร
***โปรดติดตามชมตอนต่อไป***
ตอนที่๒"จบ"
ขอบคุณครับ...
ไพรสัณฑ์พิศวง ตอนที่๒
**ตอนที่๒**
ความเดิมตอนที่แล้วหลังจากดร.แม็กและกัมพูได้ครอบครองปัถพีธาตุ(หินธาตุดิน)ไว้ในมือ เขาทั้ง2จึงนอนพักเพื่อคืนนี้เขาทั้ง2จะตะลุยค้นหากันต่อ
เมื่อแสงจันทร์ได้ส่องสว่างเขาทั้ง2นั้นได้ตื่นจากการนอนพักเป็นเวลานานพอสมควร
''กัมพู..กัมพูตื่นได้แล้ว"
ดร.แม็กพูด
''ตื่นแล้วๆ"
กัมพูพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"ไปกันได้แล้ว!!!ว่าแต่วันนี้เราจะไปหาธาตุอะไรกัน"
ดร.แม็กกล่าว
"วันนี้หน่ะหรอเราต้องขึ้นภูเขานรสิงห์ ไม่รู้เจ้าจะขึ้นไหวไหมน้า และวันนี้เราก็จะไปหาวารีธาตุ(หินธาตุน้ำ)มากัน"
กัมพูพูด
"ขึ้นภูเขานะหรอสบายมากเจ้านำทางไปเลย"
ดร.แม็คพูด
จากนั้นเขาทั้ง2จึงออกเดินทางพร้อมเก็บเสบียงอาหารที่เต็มไปด้วยผลไม ทำตามฤาษีที่ได้บอกไว้
เมื่อทั้ง2เดินทางได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
เขาทั้ง2ก็ต้องหยุดฉงักเพราะมียักษ์สีแดง ตัวสูงมากว่าต้นตาลตั้งหลายเท่า
ใหญ่เทียบเท่าช้างเอราวัญ มีตะบองตาลอยู่ข้างกาย เขาทั้ง2จำเป็นที่จะต้องผ่านยักษ์ตัวนี้ไปเพื่อที่จะไปภูเขานรสิงห์
"กัมพูข้ากับเจ้าจะผ่านไปยังไงเนี้ย"
ดร.แม็กพูด
"เจ้าเงียบๆก่อนเถอะ เดี๋ยวธานินทรอสูรก็ตื่นหรอก"
กัมพูพูดด้วยเสียงที่สั่นคลอนจากความกลัว
"งั้นแสดงว่าเจ้าก็รู้จักยักษ์ตัวนี้ดีละสิ"
ดร.แม็กถาม
"คือ...เจ้าธานินทรอสูรนี้หากผู้ใดไปกวนตอนมันหลับ และทำให้มันตื่นเนี้ยมันเพียงมองตาก็ทำให้ผู้นั้นกลายเป็นหินได้เลย
และธานินทรนี้ยังจะสามารถแปลงกายเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ได้ทุกชนิดเลย แต่ส่วนมากธานินทรจะใช้เวลาไปกับการหลับ
แต่ผู้ใดทำมันตื่นมันจะไล่ฆ่าจนกว่ามันจะได้ลิ้มลองเลือดของผู้นั้นและมันจึงจะนอนต่อ"
กัมพูพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
"เอ่อ....แล้วเราจะผ่านไปได้ยังไงละ"
ดร.แม็กถาม
"ข้าสามารถบินผ่านไปได้แต่เจ้านี้แหละที่ผ่านไปอย่างไร ตัวใหญ่เท่าช้างเอราวัญขนาดนั้น"
กัมพูบอก
"อ้าว! แล้วเจ้าจะทิ้งข้าหรอ?"
ดร.แม็กพูด
"ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก เดี๋ยวข้าจะเรียกเพื่อนข้ามาช่วย"
กัมพูบอก
เมื่อกัมพูพูดจบกัมพูจึงบินไปบนฟ้าและหายไปสักพัก กัมพูได้พากรินทร์ปักษา(ช้างมีปีกบินได้)บินมาเพื่อที่จะให้ ดร.แม็กขึ้นหลังกรินทร์ปักษาและบินข้าม
ธานินทรอสูร
"นี้นะหรอเพื่อนเจ้า"
ดร.แม็กถาม
"ใช่นี้แหละเพื่อข้ากรินทร์ปักษา เจ้าจะต้องรีบขึ้นและเดินทางกันต่อ"
กัมพูพูดด้วยความรีบเร่ง
"เมื่อคืนก่อนข้าก็ขี่คชสิงห์(หัวเป็นช้างตัวเป็นสิงห์) คืนนี้ข้าขี่กรินทร์ปักษาแล้วพรุ่งนี้เจ้าจะให้ข้าขี่อะไรเนี้ย"
ดร.แม็กบ่น
"เจ้าอย่าบ่นหน่าขึ้เถอะแล้วไปกัน"
กัมพูพูด
เมื่อดร.แม็กนั้นขึ้นกรินทร์ปักษา เมื่อกำลังบินผ่านธานินทรอสูร กรินทร์ปักษานั้นกับขนล่วงแล้วไปตกอยู่ตรงจมูกของธานินทรอสูร ธานินทรนั้นจึงระคายเคืองจึงจามแล้วสะดุ้งตื่น จึงเกิดความโกรธอย่างนักเขาจึงมองไปรอบๆ จึงเห็นกัมพูและดร.แม็กที่กำลังขี่กรินทร์ปักษาอยู่ที่กำลังหนีไป ธานินทรจึงใช้มือเอื้อมไปเพื่อที่จะคว้าพวกของดร.แม็ก แต่กลับคว้าไม่ถึง จึงทำให้ธานินทรอสูรโกรธอย่างหนัก จึงลุกขึ้นแล้วใช้ตะบองตาลฟาดไป แต่ด้วยความงัวเงียที่พึ่งตื่นจึงทำให้ไม่โดนใครเลย แต่ทันใดนั้น กรินทร์ปักษา ก็ได้ไปเผลอสบตากับธานินทรอสูร จึงทำให้กรินทร์ปักษานั้นแข็งและทำให้ ดร.แม็กล่วงลงมาตกลงพื้นด้วย
"โอ้ยยยยย...เจ็บขาจังเลย"
ดร.แม็กร้องด้วยความโอดโอย
กัมพูเห็นเช่นนั้นจึงรีบบินไปหาดร.แม็ก แต่เมื่อกัมพูกำลังบินไปนั้นก็โดนตะบองตาลจากธานินทรฟาดเข้าจังๆ จึงทำให้กัมพูนั้นสลบลง
ดร.แม็กเห็นเช่นนั้นจะตะโกนไปว่า
"กัมพู!!!!"
เมื่อธานินทรเข้าใกล้มาธานินทรอสูรจึงจับกรินทร์ปักษาเขมือบไปทั้งตัวดร.แม็กเห็นนั้นจึงคลานไปหลบในโพรงไม้ใหญ่ ดร.แม็กจึงส่องรูจากโพรงไม้เพื่อที่จะดูว่าธานินทรนั้นมาใกล้หรือยังแต่เมื่อมองก็เห็น ธานินทรอสูรมุ่งหน้าไปหากัมพู และหยิบกัมพูขึ้นมาแล้วกลืนกัมพูไปทั้งตัว ดร.แม็กเห็นเช่นนั้นจึงตะโกนสุดเสียงด้วยความโกรธแล้วเสียใจเมื่อเห็นเช่นนั้นว่า
"ไอยักษ์ชั่วแกฆ่าเพื่อนฉัน!!!!"
ธานินทรได้ยินจึงหันแล้วมุ่งหน้าตรงเข้ามาทางดร.แม็กทันทีดร.แม็กวิ่งหนีสุดชีวิตจนลืมอาการบาดเจ็บที่ขาไปเลย และไม่สามารถหันกลับไปมองเพราะถ้ามองตาของยักษ์ชั่วตัวนั้นก็จะกลายเป็นหินได้ แต่ทันใดนั้นธานินทรก็ไฟลุกไปทั้งตัว ดร.แม็กจึงหันไปดูแล้วเห็นว่า ยักษ์ตัวนั้นโดนไฟคลอกกำลังเผาร่างไปเรื่อยๆทันใดนั้นเอง กัมพูกก็ได้ผงาดออกมาจากกองเพลิงที่เผาร่างนั้น แต่เมื่อดร.แม็กมองแล้ว กัมพูกลับดูตัวใหญ่ขึ้นราวกับนกอินทรี ทั้งตัวเต็มไปด้วยไฟที่ร้อนระอุราวดังเปลวไฟในนรก จากนั้นธานินทรก็ได้ล้มและตายลงด้วยไฟของกัมพู จากนั้นไฟของกัมพูก็ค่อยๆมอดลงและค่อยๆแปลงสภาพกลับเป็นแบบเดิม กัมพูจึงหันมาถามดร.ว่า
"ดร.เป็นไงบ้าง?โอเครหรือป่าว"
ดร.แม็กจึงตอบว่า "ข้าเจ็บขานิดหน่อยเจ้าละไหวไหม"
"ข้าไหว...เราเดินทางกันต่อเถอะ"
กัมพูพูด
"ได้งั้นเจ้านำทางไปเลย"
ดร.แม็กพูด
หลังจากเขาทั้ง2ได้ข้ามผ่านเหตุการณ์ที่ลุ้นระทึกเขาจึงเดินทางมาถึงตีนเขานรสิงห์ ดร.แม็กจึงปีนเขาด้วยความเจ็บที่ขาแต่ด้วยความพยายามเพื่อที่จะทำให้มันสำเร็จให้ได้ แต่ทันใดนั้นภูเขานรสิงห์ก็ได้สั่นไหวขึ้นแล้วมีน้ำไหลผ่านนตามช่องเขามาอย่างรวดเร็ว ดร.แม็กจึงโดนพลัดตกไปกับสายน้ำที่ไหลลงมา กัมพูเห็นเช่นนั่นจึงรีบบินแล้วไปคาบวารีธาตุมาแต่ทันใดนั้นเอง น้ำที่ไหลตามช่องเขาที่แรงอยู่แล้วกลับแรงทวีคูณโหมกระหน่ำ ภูเขานรสิงห์นั้นก็ถูกน้ำที่ไหลลงมาเรื่อยๆนั้นปิดมิดยอดเขา กัมพูจึงมองหาดร.แม็กจึงเห็นดร.แม็ก ไหลไปตามทางน้ำแล้วกำลังไหลไปในแม่น้ำยมุนา กัมพูเห็นเช่นนั้นจึงคิดว่าจะทำยังไงดีในเมื่อปากก็คาบหินธาตุอยู่ กัมพูตัดสินใจเห็นเพื่อนสำคัญกว่าจึงจะบินไปแล้วปล่อยหินธาตุลงบนต้นไม้ที่ไหนสักทีแล้วค่อยออกหาใหม่ แต่ทันใดนั้นเองก็มีกุมภีนิมิตร(ส่วนบนเป็นคน ส่วนล่างเป็นจระเข้) เข้ามาช่วยก็ได้คาบชายเสื้อของดร.แม็กแล้วไปปล่อยวางไว้ตรงโคนต้นตาล กัมพูจึงรีบบินไปแต่ยังไม่ทันเอ่ยคำขอบคุณ กุมภีนิมิตรก็ได้ดำน้ำหายไปเสียแล้ว
"เจ้าๆ...ยังมีชีวิตอยู่ไหมเนี้ย"
กัมพูพูด
ดร.แม็กสำลักน้ำออกมาแล้วจึงลืมตาแล้วเมื่อได้สติ กัมพูจึงเล่าให้ฟังว่า
"ตัวเป็นคนไปเอาหินธาตุน้ำมาจึงทำให้น้ำแรงขึ้นจึงเป็นความผิดตนถ้าไม่ได้กุมภีนิมิตรมาช่วยเจ้าข้าคงต้องทิ้งหินธาตุไว้ที่ไหนสักแห่งแล้วแหละ"
ดร.แม็กได้ยินอย่างนั้นจึงบอกกับกัมพูว่า
"เจ้าหน่ะทำดีที่สุดแล้วถ้าเจ้าไม่ไปคาบหินธาตุมาแล้วใครจะไปเอา5555 ก็คงเหมือนท่านว่าแหละข้าปีนไม่ไหวจริงๆด้วยๆ ส่วนที่กุมภีนิมิตรมาช่วยข้านี้คงเป็นเพราะบุญช่วยข้านี้แหละ ข้าต้องขอบใจเจ้ามากกว่าที่เจ้าช่วยทำให้ภาระกิจของข้าและเจ้าสำเร็จไปในวันนี้"
"อะนี้หินวารีธาตุ"
กัมพูวางหินธาตุบนมือของดร.แม็ก
"ตอนนี้เราก็ได้ทั้งปัถพีธาตุ(หินธาตุดิน) และ วารีธาตุมาแล้ว และนี้ก็ยังไม่เช้าอีกด้วย งั้นเจ้าลองดูสิ้ว่าหินไหนอยู่ใกล้ๆเรา และเราจะออกเดินทางกันต่อในรุ่งสายข้าขอพักเรี่ยวแรง และอาการเจ็บขอของข้าก่อน"
ดร.แม็กพูด
หลังจากนั้นกำพูจึงบินไปบนฟ้าและมองหาหินธาตุที่เปล่งแสง ก็พบว่าวาโยธาตุ(หินธาตุลม)นั้นใกล้กว่าอัคคีธาตุ(หิธาตุไฟ)จึงบินไปบอกกับดร.แม็กว่า
"ในการเดินทางในยามราตรีต่อไปการเดินทางครั้งนี้จะต้องผ่านแม่น้ำคงคา ที่เต็มไปด้วยมัจฉาที่ดีและชั่วร้ายตอนนี้ท่านก็ทานผลไม้ที่เก็บมาเสียก่อนเถอะ"
"ได้ๆเจ้าก็มากินด้วยกันสิ้"
ดร.แม็กชวนกัมพูมากินผลไม้
"ไม่ละเจ้ากินก่อนเลยเดี๋ยวข้าไปหาอาหารมาเพิ่ม"
กัมพูกล่าวแล้วบินไปหาอาหาร
ดร.แม็กก็กินผลไม้อย่างโดดเดี่ยวแต่เรื่องก็ยังไม่จบลงด้วยดีด้วยความมืด ดร.แม็กจึงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเก็บอะไรมาบ้าง ดร.แม็กกับไปกินหนอนที่อยู่ในผลไม้แต่หนอนตัวนี้มีพิษ ถึงขั้นทำให้ผู้ที่กินมันหรือโดนพิษของมันจะทำให้หัวใจหยุดเต้นทันที เมื่อกัมพูกลับมาก็เห็นดร.แม็กนอนอยู่ตอนแรกก็นึกว่าจะหลับไปเสียแล้วแต่พอมองดีๆตัวของ ดร.แม็กนั้นกลับซีดและเริ่มเขียว กัมพูรู้จากอาการน่าจะโดนพิษจากหนอนในผลไม้จึงรีบบินไปที่ ป่าวิทยาธร เพื่อที่จะไปขอยาจากเหล่าวิทยาธรทั้งหลายแต่เส้นทางนั้นก็ยาวไกลพอสมควร
เรื่องราวจะเป็นยังไงดร.แม็กหัวใจจะหยุดเต้นก่อนหรือไม่แล้วกัมพูจะต้องเจออะไรกับการเดินทางเพียงผู้เดียวแต่เขาทั้ง2พบหินธาตุไปแล้วตั้ง2ธาตุคือ ปัถพีธาตุ และ วารีธาตุ(หินธาตุน้ำ) ในการเดินทางต่อไปของเขาทั้ง2จะไปตามล่าไขว้คว้าหินวาโยได้หรือไม่
เรื่องราวกำลังดำเนินไปด้วยความทรหด เข้มข้น เขาทั้ง2เจอทั้งดีและร้ายเขาทั้ง2จะได้หินธาตุครบหรือไม่ แล้วดร.แม็กจะเป็นอย่างไร
***โปรดติดตามชมตอนต่อไป***
ตอนที่๒"จบ"
ขอบคุณครับ...