เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ปะปนกับเสียงกรีดร้องร่ำไห้ของผู้คนในดินแดนไอยคุปต์ ในยามราตรีอันสงัด มันดังก้องไปแทบทั่วผืนปฐพี...
เสียงเหล่านั้น กัปตันวันชนะและคณะ ได้ยินมาแต่ไกล หลังจากที่ได้นำยานขึ้นไปจอดไว้ในที่ลับแห่งหนึ่งเหนือหุบผากษัตริย์ อันเป็นสถานที่ที่ชาวอียิปต์โบราณนิยมฝังพระศพของฟาโรห์หลายพระองค์ แล้วพากันเดินลงมาจากบนหุบเขาสู่เบื้องล่าง
มันเป็นเสียงที่สร้างความรันทดหดหู่อย่างหนักแก่ผู้ที่ได้ยิน เพราะมันคือเสียงแห่งการสูญเสียจำนวนมากเกินจะนับได้
ไกลออกไปจากหุบผากษัตริย์ราวหนึ่งกิโลเมตร เป็นจุดที่ตั้งของกระท่อมและที่พักคนงานก่อสร้างชาวฮิบรูและชาวยิวซึ่งอพยพเข้ามาทำงานเยี่ยงทาสในอียิปต์จำนวนหนึ่งซึ่งปลูกสร้างเรียงรายอยู่รวมกัน และเสียงร้องระงมเหล่านั้น ส่วนหนึ่งดังมาจากชุมชนแห่งนี้
"พวกเรา กำลังจะเจอกับเหตุการณ์อะไรกันแน่นี่ ?" กัปตันวันชนะเอ่ยขึ้น หลังจากพาทุกคนลงมาถึงเชิงเขา ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่มีการก่อสร้างรูปปั้นของฟาโรห์ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จเรียงกันอยู่พอสมควร
"คำนวณดูจากระยะเวลาจากปัจจุบันของพวกเรา มาถึงตอนนี้ 3,300 ปี ก็จะอยู่ประมาณยุคสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1 กับฟาโรห์รามิเซสที่ 2 ซึ่งเป็นพระโอรสครับ เจ้านาย" แอนดี้ตอบ
"ตอนนี้ พวกเรา แต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าแบบของชาวอินเดียสมัยพุทธกาลอยู่ ซึ่งก็นับว่าเก่าแก่มากแล้ว แต่ก็ต้องแตกต่างจากของชาวไอยคุปต์ ณ เวลานี้ อย่างแน่นอน"
"ใช่ค่ะ กัปตัน" สาวจอยกล่าวเสริม "และที่สำคัญ ในพวกเรา ไม่มีใครพูดภาษาอียิปต์ได้แน่ๆ อย่าว่าแต่อียิปต์โบราณเลยค่ะ อียิปต์ปัจจุบันยังไม่ได้ซักคำ"
"มีซี่......เพื่อน! มีคนนึง" สาวเล็กแย้งและยิ้ม เหลือบตามองไปที่แอนดี้
จอยมองตามเพื่อนแล้วก็อุทาน "อ๊ะ! จริงสิเนาะ เค้าอัพเกรดแล้วนี่นา"
แอนดี้ก้มหัวให้ก่อนจะบอก
"ใช่ครับ นายหญิงทั้งสอง ผมอัพเกรดแล้ว สามารถพูดภาษาโบราณได้ เท่าที่ข้อมูลมีอยู่ครับ"
"เท่าที่ข้อมูลมีอยู่ ?" จอยทำหน้าสงสัย "หมายความว่า ไม่ได้รู้หมดทุกคำเหรอ ?"
"คงไม่หมดทุกคำหรอกครับ" กัปตันช่วยตอบแทนและอธิบาย "ภาษาเก่าโบราณมากๆ ชนิดหาคนพูดแทบไม่มีในยุคสมัยของเรา ส่วนมากเป็นภาษาเขียนและถูกบันทึกโดยนักภาษาศาสตร์ นักโบราณคดี จำนวนคำก็จะค่อนข้างจำกัด แต่โดยหลักๆก็น่าจะพอสื่อสารได้อยู่ครับ"
จากนั้นจึงหันมาหาลูกน้องแอนดรอยด์อัจฉริยะ และเริ่มสั่งงาน
"แอนดี้ นายไปที่หมู่บ้านที่เขาจุดไฟกันทางโน้นนะ" เขากล่าวพลางชี้มือ "เห็นกองไฟสว่างเป็นจุดๆโน่นน่ะ คาดว่าน่าจะมีคนอยู่กันหลายคน นายไปหาพวกเขานะ แล้วพยายามติดต่อผูกมิตรกับพวกเขา เพื่อหางานหาที่พักให้พวกเราต่อไป ฉันกับทุกๆคนจะรอนายอยู่ตรงนี้แหละ"
"ได้ครับเจ้านาย งั้นผมไปก่อนนะครับ"
"มีเรื่องอะไรด่วนก็รายงานวิทยุมาเลยนะ ฉันสแตนด์บายรออยู่"
แอนดี้ทำท่าวันทยาหัตถ์ พอเจ้านายผู้สร้างตนพยักหน้าให้แล้วจึงกลับหลังหันแล้วออกตัววิ่งไป มุ่งหน้าสู่ชุมชนซึ่งตนแลเห็นแสงไฟจากกองไฟวับๆแวมๆไกลออกไปข้างหน้า
"พวกเราก็ค่อยๆเดินไปกันเถอะครับ"
กัปตันพูดชวนลูกน้องแล้วตนเองก็ออกเดินนำหน้า
เสียงกรีดร้องและตะโกนของผู้คนยังดังมาเป็นระยะๆ สร้างความสงสัยให้แก่ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนจึงต่างเดินไปพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันไป
เหลืออีกประมาณห้าร้อยเมตรก็จะถึง กัปตันจึงได้ยินเสียงแอนดี้วิทยุเข้ามาในหู
"เจ้านายครับ"
"ว่าไงแอนดี้ ?"
"ทราบเรื่องแล้วครับ กำลังมีการ
สังหารหมู่เกิดขึ้นครับผม!"
"สังหารหมู่ ?" กัปตันกล่าวทวนคำแล้วถามต่อ "รู้ไหม ใครทำ และทำกับใคร ?"
คำถามของกัปตันทำให้ทุกคนหูผึ่ง และหยุดเดิน
"รู้ครับ เป็นพวกทหารของฟาโรห์ กำลังไล่ฆ่าเด็กผู้ชายที่เพิ่งเกิดใหม่ และที่ยังเล็กยังเดินไม่ได้ ซึ่งเป็นลูกๆของพวกฮิบรูและพวกยิว*ครับผม"
"ทำไมฟาโรห์ถึงสั่งให้ฆ่าเด็ก รู้ไหม ?"
"รู้ครับผม เพราะมีข่าวลือเรื่องคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้นำเกิดมาในวันนี้ เขาจะปลดปล่อยและพาพวกทาสออกไปจากอียิปต์ครับ"
"เป็นฟาโรห์ เซติที่ 1 ค่ะ กัปตัน" เล็กบอกกับเจ้านายหลังจากงัดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตออกมาเปิดหาข้อมูลที่เก็บไว้จนเจอ
"กัปตันครับ ให้ผมช่วยพวกเด็กๆที่ยังไม่ถูกฆ่าไหมครับ ?" แอนดี้วิทยุถามเข้ามา
"ช่วยไปเลย แอนดี้! เพราะพวกเขาบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย สงสารเด็กๆนะ ช่วยๆไปก่อน พวกฉันกำลังตามมาแล้ว"
"โอเคครับผม งั้นเลิกกันก่อนนะครับ"
"โอเค เลิกกัน แล้วค่อยเจอกันอีกที"
จบการสนทนากับแอนดี้แล้วกัปตันก็ชวนลูกน้องทั้ง 4 คนไปต่อ
"ใกล้จะถึงหมู่บ้านคนงานแล้ว รีบตามไปสมทบกับแอนดี้กันเถอะครับ"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จากกระท่อมหลังหนึ่งสู่อีกหลังหนึ่ง แอนดี้ได้ช่วยขัดขวางทหารของฟาโรห์ไม่ให้ลงมือสังหารเด็กน้อยๆทั้งหลาย เขาแย่งดาบจากมือทหารนายหนึ่งได้และใช้ดาบเล่มนั้นต่อสู้และเข่นฆ่าทหารตายไปหลายนาย แต่ก็ยังมีทหารอีกเป็นจำนวนมากเหลืออยู่ เมื่อรู้ว่ามีผู้ขัดขวาง ทหารเหล่านั้นก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมแอนดี้เอาไว้
ทหารนายหนึ่ง ท่าทางเหมือนเป็นผู้นำ โขยกม้าเข้ามาใกล้แล้วถือดาบชี้หน้าตะคอกใส่
"เจ้าเป็นใคร ? เหตุไฉนจึงบังอาจขัดขวางทหารแห่งองค์ฟาโรห์ ? จงทิ้งดาบในมือของเจ้าเสีย และยอมให้พวกข้าจับกุมแต่โดยดี หาไม่แล้ว เจ้าต้องตายแน่!"
แอนดี้ยิ้มให้ ก่อนจะตอบช้าๆด้วยสำเนียงแปลกหูสำหรับนายทหารนั้นกับพรรคพวก
"ข้าเห็นว่า เด็กทั้งหลาย เป็นผู้บริสุทธิ์ จึงขัดขวางมิให้พวกท่านฆ่า พวกท่าน กลับไปเสียเถิด เพราะพวกท่าน สู้ข้าไม่ได้เป็นแน่!"
"ชะ! บังอาจมาก! เจ้าตัวคนเดียวเช่นนี้น่ะหรือ จะมีชัยต่อพวกข้าซึ่งมีนับร้อย!"
"หากท่านไม่เชื่อ ก็จงลองดูเถิด!" แอนดี้ท้าทาย
"หนอย...ช่างบังอาจนัก! ทหาร!"
"ขอรับ!" นายทหารที่เหลือต่างขานรับพร้อมเพรียงกัน
"เข้าไปสังหารมัน สักห้าคนก่อน!"
"รับบัญชา!"
นายทหารห้าคน ลงจากหลังม้า ถือดาบย่างสามขุมเข้าล้อมกรอบแอนดี้ ผู้เป็นบุรุษลึกลับในสายตาของพวกตน
"เจ้าหนุ่มน้อย..." หนึ่งในห้าคนนั้นเอ่ยปาก "เจ้าจะสู้กับพวกข้าได้อย่างไรเล่า ดูเถิด! ใบหน้าเจ้า ช่างเกลี้ยงเกลา สดใสราวกับอิสตรี! ผิวรึ ก็ดูนวลเนียน ผุดผ่อง ราวกับอิสตรีเช่นกัน! ไร้ซึ่งริ้วรอยแห่งบาดแผลอันเกิดจากการสู้รบประดาบ ไม่มีเลยแม้เท่ารอยเล็บแห่งวิฬารข่วน! บุรุษเยี่ยงเจ้านี้ สมควรอยู่ในสำนักปรนเปรอสาวแก่แม่หม้ายหรือสตรีทึนทึกแท้เทียว! แล้วเจ้าจักได้รับค่าจ้างตอบแทนอย่างงาม!"
"หรือไม่ก็...มาเป็นบุรุษบำเรอปรนเปรอผู้นิยมเสพบุรุษ เฉกเช่นตัวข้านี้! ก็คงจะสร้างความหฤหรรษ์ไม่น้อย!!" นายทหารอีกคนกล่าวด้วยสายตาแวววาวหื่นกระหาย
แอนดี้ยังคงยิ้ม แล้วตอบกลับ "พวกท่าน ไม่เห็นเหล่าสหายของพวกท่าน ที่นอนตายเกลื่อน เหล่านั้นหรือ ?" พูดแล้วชี้ปลายดาบไปยังศพทหารนับสิบ แล้วกล่าวท้าทายต่อ "หากพวกท่านสามารถจับกุมตัวข้าได้ ก็เชิญเข้ามาเถิด!"
นายทหารทั้งห้าคนแยกเขี้ยว แล้วพร้อมกันส่งเสียงร้องขู่คุกคาม จู่โจมฟันดาบเข้ามาจากทิศทางรอบตัวของแอนดี้
วินาทีนั้น ทั้งห้าคนก็ต้องหงายหลังเมื่อดาบของแต่ละคนถูกปัดด้วยดาบเพียงเล่มเดียวในมือของ "บุรุษแปลกหน้า" ซึ่งเต็มไปด้วยพลกำลังมหาศาลเกินความคาดหมายของทุกคน
"เคร้งงงงงงง...."
พวกเขาเซถลาไปคนละทิศละทาง และยังไม่ทันได้ตั้งตัวติด ปลายดาบของแอนดี้ก็กวาดเข้ามาเชือดคอหอยแต่ละคนๆในพริบตาเดียว!
"ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!"
"อ๊อก....อ่อก...คร........คค.......ค...."
ทหารอาสาสมัครห้าคนแรก ค่อยๆพากันล้มลงกับพื้น ไม่นานก็สิ้นลม ต่อหน้านายทหารผู้เป็นแม่ทัพนายกองและนายทหารที่เหลือซึ่งล้วนตะลึงลาน!
"เจ้าหนุ่ม....เจ้าเก่งมาก!" แม่ทัพนางกองนั้นคำราม "แต่เจ้า คงไม่อาจต้านทานทหารหมดทั้งกองของข้าได้ พวกเรา ฆ่ามันให้จงได้!!"
สิ้นคำประกาศิตนั้น ทหารทุกนายก็กลุ้มรุมเข้าหาแอนดี้ ดุจฝูงสุนัขป่ากลุ้มรุมหมายขย้ำเหยื่อให้แหลกราญ!
เมื่อเห็นเหล่าทหารมีจำนวนมากมายเต็มไปหมดกรูกันเข้ามาเช่นนั้น แอนดี้จึงตัดสินใจทิ้งดาบ แล้วปล่อยพลังไอพ่นขับดันจากสองฝ่ามือและฝ่าเท้า ส่งตัวเองพุ่งขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ แล้วพ่นไฟเป็นลำจากกลางฝ่ามือลงไปยังเหล่าทหารเบื้องล่างซึ่งกำลังยืนตะลึงแหงนดูอยู่
"ฟู่ว์........."
"อ๊าาาากกกกกกกกก....."
ทหารทุกนายร้องโหยหวน แตกกระจายไม่เป็นขบวนวิ่งเตลิดหนี บ้างก็ล้มลงไปร้องดีดดิ้นอยู่บนพื้นดินด้วยความปวดแสบปวดร้อน
แล้วแอนดี้ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล
"แอนดี้...!!"
เขาเหลียวไปดู แล้วก็ยิ้ม ที่แท้เป็นกัปตันผู้เป็นเจ้านายและคณะนั่นเอง
แอนดี้เหาะเข้าไปหาแล้วลอยตัวลงมายืนอยู่บนพื้น
"ผมจัดการพวกทหารไปหมดแล้วครับ" เขารายงานต่อเจ้านายและทุกๆคน
กัปตันและคณะ มองไปยังทิศทางที่แอนดี้เหาะจากมา แล้วก็ได้เห็นพวกทหารอียิปต์นอนตายเกลื่อน ที่ยังไม่ตายก็ร้องโอดโอยอยู่ด้วยพิษไฟที่แอนดี้พ่นเข้าใส่ พยายามตะเกียกตะกายหนีไปอยู่
"เราได้ประกาศศึกกับฟาโรห์แล้วสินะ!" กัปตันกล่าว "แต่ก็ยังมีที่อื่นๆอีก ที่พวกทหารเหล่าอื่นไปไล่ฆ่าเด็กๆ"
"แล้วเรา จะเอายังไงกันต่อดีครับ ?" เอกถาม
"เอางี้ละกัน" กัปตันตัดสินใจ หันมาหาแอนดี้ "แอนดี้ นายไปเอายานมารับพวกฉันตรงนี้ก่อน แล้วจากนั้นเราจะตระเวนดูให้ทั่ว ทั้งอียิปต์ตอนบนและตอนล่าง** เจอพวกทหารไล่ฆ่าเด็กๆที่ไหน ก็จัดการให้เรียบ!"
"ครับผม" แอนดี้ทำท่าวันทยาหัตถ์ แล้วเหาะไปยังเหนือหุบผากษัตริย์ทันที
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*
ฮิบรู กับยิว อาจเป็นชนพวกเดียวกัน หรือคนละพวก เป็นข้อที่สับสนอยู่ ในภาพยนตร์เรื่อง "บัญญัติสิบประการ" (THE TEN COMMANMENTS) ก็บอกว่าโมเสสเป็นชาวฮิบรู
ซึ่งก็ไม่แน่ เพราะคนที่พูดภาษาฮิบรู อาจมีทั้งที่เป็นยิวและไม่ใช่ เดิมชาวไอยคุปต์เรียกคนชาติอื่นผู้ไม่มีอาณาจักรเป็นของตนเอง ต้องมาพึ่งใบบุญอียิปต์ รวมถึงทาสและเชลยศึกที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองว่า
อะปิรู (APIRU) คำๆนี้บางแห่งคัดลอกผิดเป็น
"ฮัปปิรู" (HAPIRU) หรือ
"ฮาปิรู" (HABIRU) จนในที่สุดเพี้ยนมาเป็นคำว่า
"ฮีบรู" (HEBREW) ซึ่งต่างกับคำว่า ยิว (JEW) ที่มาจากคำว่า เยฮูดิ (YEHUDI) อันเป็นภาษาฮีบรูแท้ ๆ หมายถึงคนของตระกูล
จูดาห์ (โรมัน เรียก จูเดีย สถานที่ตั้งกรุงเยรูซาเล็ม) ซึ่งเป็นชื่อบุตรชาย 1 ใน 12 คนของยาโคบ (Jacob) ที่กลายเป็นอีกอาณาจักรแยกออกจากอิสราเอลเมื่อกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เรื่องของชนชาวฮีบรูมีปรากฎหลักฐานทางฝ่ายอียิปต์ฝ่ายเดียว ที่เดียวและบรรทัดเดียวในบทโศลกบนแผ่นศิลาจารึกชื่อ ISRAEL STELA (ขุดพบปี 1895 ที่เมืองลักซอร์) ของฟาโรห์ เมเรนปทาห์ (ปี 1224 - 1214 BC) ว่า ISRAEL IS LAID WASTE, HIS SEED IS NOT
ซึ่งไม่สามารถสื่อ ถึงอะไรได้นอกจากชาวอิสราเอลเคยอาศัยอยู่ในอียิปต์จริง ส่วนพระคัมภีร์ (ไบเบิ้ลฉบับพันธสัญญาเดิม-The Old Testament) เล่าว่า ชาวฮีบรู เดิมเร่ร่อนอยู่ในปาเลสไตน์ แล้วอพยพหนีความแห้งแล้งไปตั้งรกรากใหม่ทางดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ฟากตะวันออก (ข้อมูลจาก
https://sites.google.com/site/christianthaisite/moses-khux-khir-ni-prawatisastr) พระเจ้าก็ตรัสบอกโมเสสว่าจงไปช่วย "ชาวฮีบรู" ซึ่งหมายถึงชาวยิวหรืออิสราเอล
** อียิปต์โบราณ ก่อนสมัยจักรวรรดิ มีการแบ่งเป็นอียิปต์บนซึ่งอยู่ทางทิศใต้ กับอียิปต์ล่างซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ที่เรียกสลับกันเพราะการไหลของกระแสน้ำในแม่น้ำไนล์ซึ่งจะท่วมทั้ง 2 ฝั่งและลดลงสู่ทะเลเมดิเตอเรเนียนซึ่งอยู่ทางทิศเหนือในเดือนตุลาคม การ "ไหลลง" นี้จึงทำให้เรียกอียิปต์ที่อยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอเรเนียนว่า "อียิปต์ล่าง"
(มีต่อครับ)
⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-22 "เผชิญภัยแดนไอยคุปต์ (ตอนที่ 1)" ⚡️💦⚡️
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ปะปนกับเสียงกรีดร้องร่ำไห้ของผู้คนในดินแดนไอยคุปต์ ในยามราตรีอันสงัด มันดังก้องไปแทบทั่วผืนปฐพี...
เสียงเหล่านั้น กัปตันวันชนะและคณะ ได้ยินมาแต่ไกล หลังจากที่ได้นำยานขึ้นไปจอดไว้ในที่ลับแห่งหนึ่งเหนือหุบผากษัตริย์ อันเป็นสถานที่ที่ชาวอียิปต์โบราณนิยมฝังพระศพของฟาโรห์หลายพระองค์ แล้วพากันเดินลงมาจากบนหุบเขาสู่เบื้องล่าง
มันเป็นเสียงที่สร้างความรันทดหดหู่อย่างหนักแก่ผู้ที่ได้ยิน เพราะมันคือเสียงแห่งการสูญเสียจำนวนมากเกินจะนับได้
ไกลออกไปจากหุบผากษัตริย์ราวหนึ่งกิโลเมตร เป็นจุดที่ตั้งของกระท่อมและที่พักคนงานก่อสร้างชาวฮิบรูและชาวยิวซึ่งอพยพเข้ามาทำงานเยี่ยงทาสในอียิปต์จำนวนหนึ่งซึ่งปลูกสร้างเรียงรายอยู่รวมกัน และเสียงร้องระงมเหล่านั้น ส่วนหนึ่งดังมาจากชุมชนแห่งนี้
"พวกเรา กำลังจะเจอกับเหตุการณ์อะไรกันแน่นี่ ?" กัปตันวันชนะเอ่ยขึ้น หลังจากพาทุกคนลงมาถึงเชิงเขา ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณที่มีการก่อสร้างรูปปั้นของฟาโรห์ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จเรียงกันอยู่พอสมควร
"คำนวณดูจากระยะเวลาจากปัจจุบันของพวกเรา มาถึงตอนนี้ 3,300 ปี ก็จะอยู่ประมาณยุคสมัยของฟาโรห์เซติที่ 1 กับฟาโรห์รามิเซสที่ 2 ซึ่งเป็นพระโอรสครับ เจ้านาย" แอนดี้ตอบ
"ตอนนี้ พวกเรา แต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าแบบของชาวอินเดียสมัยพุทธกาลอยู่ ซึ่งก็นับว่าเก่าแก่มากแล้ว แต่ก็ต้องแตกต่างจากของชาวไอยคุปต์ ณ เวลานี้ อย่างแน่นอน"
"ใช่ค่ะ กัปตัน" สาวจอยกล่าวเสริม "และที่สำคัญ ในพวกเรา ไม่มีใครพูดภาษาอียิปต์ได้แน่ๆ อย่าว่าแต่อียิปต์โบราณเลยค่ะ อียิปต์ปัจจุบันยังไม่ได้ซักคำ"
"มีซี่......เพื่อน! มีคนนึง" สาวเล็กแย้งและยิ้ม เหลือบตามองไปที่แอนดี้
จอยมองตามเพื่อนแล้วก็อุทาน "อ๊ะ! จริงสิเนาะ เค้าอัพเกรดแล้วนี่นา"
แอนดี้ก้มหัวให้ก่อนจะบอก
"ใช่ครับ นายหญิงทั้งสอง ผมอัพเกรดแล้ว สามารถพูดภาษาโบราณได้ เท่าที่ข้อมูลมีอยู่ครับ"
"เท่าที่ข้อมูลมีอยู่ ?" จอยทำหน้าสงสัย "หมายความว่า ไม่ได้รู้หมดทุกคำเหรอ ?"
"คงไม่หมดทุกคำหรอกครับ" กัปตันช่วยตอบแทนและอธิบาย "ภาษาเก่าโบราณมากๆ ชนิดหาคนพูดแทบไม่มีในยุคสมัยของเรา ส่วนมากเป็นภาษาเขียนและถูกบันทึกโดยนักภาษาศาสตร์ นักโบราณคดี จำนวนคำก็จะค่อนข้างจำกัด แต่โดยหลักๆก็น่าจะพอสื่อสารได้อยู่ครับ"
จากนั้นจึงหันมาหาลูกน้องแอนดรอยด์อัจฉริยะ และเริ่มสั่งงาน
"แอนดี้ นายไปที่หมู่บ้านที่เขาจุดไฟกันทางโน้นนะ" เขากล่าวพลางชี้มือ "เห็นกองไฟสว่างเป็นจุดๆโน่นน่ะ คาดว่าน่าจะมีคนอยู่กันหลายคน นายไปหาพวกเขานะ แล้วพยายามติดต่อผูกมิตรกับพวกเขา เพื่อหางานหาที่พักให้พวกเราต่อไป ฉันกับทุกๆคนจะรอนายอยู่ตรงนี้แหละ"
"ได้ครับเจ้านาย งั้นผมไปก่อนนะครับ"
"มีเรื่องอะไรด่วนก็รายงานวิทยุมาเลยนะ ฉันสแตนด์บายรออยู่"
แอนดี้ทำท่าวันทยาหัตถ์ พอเจ้านายผู้สร้างตนพยักหน้าให้แล้วจึงกลับหลังหันแล้วออกตัววิ่งไป มุ่งหน้าสู่ชุมชนซึ่งตนแลเห็นแสงไฟจากกองไฟวับๆแวมๆไกลออกไปข้างหน้า
"พวกเราก็ค่อยๆเดินไปกันเถอะครับ"
กัปตันพูดชวนลูกน้องแล้วตนเองก็ออกเดินนำหน้า
เสียงกรีดร้องและตะโกนของผู้คนยังดังมาเป็นระยะๆ สร้างความสงสัยให้แก่ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนจึงต่างเดินไปพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันไป
เหลืออีกประมาณห้าร้อยเมตรก็จะถึง กัปตันจึงได้ยินเสียงแอนดี้วิทยุเข้ามาในหู
"เจ้านายครับ"
"ว่าไงแอนดี้ ?"
"ทราบเรื่องแล้วครับ กำลังมีการสังหารหมู่เกิดขึ้นครับผม!"
"สังหารหมู่ ?" กัปตันกล่าวทวนคำแล้วถามต่อ "รู้ไหม ใครทำ และทำกับใคร ?"
คำถามของกัปตันทำให้ทุกคนหูผึ่ง และหยุดเดิน
"รู้ครับ เป็นพวกทหารของฟาโรห์ กำลังไล่ฆ่าเด็กผู้ชายที่เพิ่งเกิดใหม่ และที่ยังเล็กยังเดินไม่ได้ ซึ่งเป็นลูกๆของพวกฮิบรูและพวกยิว*ครับผม"
"ทำไมฟาโรห์ถึงสั่งให้ฆ่าเด็ก รู้ไหม ?"
"รู้ครับผม เพราะมีข่าวลือเรื่องคำพยากรณ์ว่าจะมีผู้นำเกิดมาในวันนี้ เขาจะปลดปล่อยและพาพวกทาสออกไปจากอียิปต์ครับ"
"เป็นฟาโรห์ เซติที่ 1 ค่ะ กัปตัน" เล็กบอกกับเจ้านายหลังจากงัดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตออกมาเปิดหาข้อมูลที่เก็บไว้จนเจอ
"กัปตันครับ ให้ผมช่วยพวกเด็กๆที่ยังไม่ถูกฆ่าไหมครับ ?" แอนดี้วิทยุถามเข้ามา
"ช่วยไปเลย แอนดี้! เพราะพวกเขาบริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย สงสารเด็กๆนะ ช่วยๆไปก่อน พวกฉันกำลังตามมาแล้ว"
"โอเคครับผม งั้นเลิกกันก่อนนะครับ"
"โอเค เลิกกัน แล้วค่อยเจอกันอีกที"
จบการสนทนากับแอนดี้แล้วกัปตันก็ชวนลูกน้องทั้ง 4 คนไปต่อ
"ใกล้จะถึงหมู่บ้านคนงานแล้ว รีบตามไปสมทบกับแอนดี้กันเถอะครับ"
จากกระท่อมหลังหนึ่งสู่อีกหลังหนึ่ง แอนดี้ได้ช่วยขัดขวางทหารของฟาโรห์ไม่ให้ลงมือสังหารเด็กน้อยๆทั้งหลาย เขาแย่งดาบจากมือทหารนายหนึ่งได้และใช้ดาบเล่มนั้นต่อสู้และเข่นฆ่าทหารตายไปหลายนาย แต่ก็ยังมีทหารอีกเป็นจำนวนมากเหลืออยู่ เมื่อรู้ว่ามีผู้ขัดขวาง ทหารเหล่านั้นก็กรูกันเข้ามาห้อมล้อมแอนดี้เอาไว้
ทหารนายหนึ่ง ท่าทางเหมือนเป็นผู้นำ โขยกม้าเข้ามาใกล้แล้วถือดาบชี้หน้าตะคอกใส่
"เจ้าเป็นใคร ? เหตุไฉนจึงบังอาจขัดขวางทหารแห่งองค์ฟาโรห์ ? จงทิ้งดาบในมือของเจ้าเสีย และยอมให้พวกข้าจับกุมแต่โดยดี หาไม่แล้ว เจ้าต้องตายแน่!"
แอนดี้ยิ้มให้ ก่อนจะตอบช้าๆด้วยสำเนียงแปลกหูสำหรับนายทหารนั้นกับพรรคพวก
"ข้าเห็นว่า เด็กทั้งหลาย เป็นผู้บริสุทธิ์ จึงขัดขวางมิให้พวกท่านฆ่า พวกท่าน กลับไปเสียเถิด เพราะพวกท่าน สู้ข้าไม่ได้เป็นแน่!"
"ชะ! บังอาจมาก! เจ้าตัวคนเดียวเช่นนี้น่ะหรือ จะมีชัยต่อพวกข้าซึ่งมีนับร้อย!"
"หากท่านไม่เชื่อ ก็จงลองดูเถิด!" แอนดี้ท้าทาย
"หนอย...ช่างบังอาจนัก! ทหาร!"
"ขอรับ!" นายทหารที่เหลือต่างขานรับพร้อมเพรียงกัน
"เข้าไปสังหารมัน สักห้าคนก่อน!"
"รับบัญชา!"
นายทหารห้าคน ลงจากหลังม้า ถือดาบย่างสามขุมเข้าล้อมกรอบแอนดี้ ผู้เป็นบุรุษลึกลับในสายตาของพวกตน
"เจ้าหนุ่มน้อย..." หนึ่งในห้าคนนั้นเอ่ยปาก "เจ้าจะสู้กับพวกข้าได้อย่างไรเล่า ดูเถิด! ใบหน้าเจ้า ช่างเกลี้ยงเกลา สดใสราวกับอิสตรี! ผิวรึ ก็ดูนวลเนียน ผุดผ่อง ราวกับอิสตรีเช่นกัน! ไร้ซึ่งริ้วรอยแห่งบาดแผลอันเกิดจากการสู้รบประดาบ ไม่มีเลยแม้เท่ารอยเล็บแห่งวิฬารข่วน! บุรุษเยี่ยงเจ้านี้ สมควรอยู่ในสำนักปรนเปรอสาวแก่แม่หม้ายหรือสตรีทึนทึกแท้เทียว! แล้วเจ้าจักได้รับค่าจ้างตอบแทนอย่างงาม!"
"หรือไม่ก็...มาเป็นบุรุษบำเรอปรนเปรอผู้นิยมเสพบุรุษ เฉกเช่นตัวข้านี้! ก็คงจะสร้างความหฤหรรษ์ไม่น้อย!!" นายทหารอีกคนกล่าวด้วยสายตาแวววาวหื่นกระหาย
แอนดี้ยังคงยิ้ม แล้วตอบกลับ "พวกท่าน ไม่เห็นเหล่าสหายของพวกท่าน ที่นอนตายเกลื่อน เหล่านั้นหรือ ?" พูดแล้วชี้ปลายดาบไปยังศพทหารนับสิบ แล้วกล่าวท้าทายต่อ "หากพวกท่านสามารถจับกุมตัวข้าได้ ก็เชิญเข้ามาเถิด!"
นายทหารทั้งห้าคนแยกเขี้ยว แล้วพร้อมกันส่งเสียงร้องขู่คุกคาม จู่โจมฟันดาบเข้ามาจากทิศทางรอบตัวของแอนดี้
วินาทีนั้น ทั้งห้าคนก็ต้องหงายหลังเมื่อดาบของแต่ละคนถูกปัดด้วยดาบเพียงเล่มเดียวในมือของ "บุรุษแปลกหน้า" ซึ่งเต็มไปด้วยพลกำลังมหาศาลเกินความคาดหมายของทุกคน
"เคร้งงงงงงง...."
พวกเขาเซถลาไปคนละทิศละทาง และยังไม่ทันได้ตั้งตัวติด ปลายดาบของแอนดี้ก็กวาดเข้ามาเชือดคอหอยแต่ละคนๆในพริบตาเดียว!
"ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!"
"อ๊อก....อ่อก...คร........คค.......ค...."
ทหารอาสาสมัครห้าคนแรก ค่อยๆพากันล้มลงกับพื้น ไม่นานก็สิ้นลม ต่อหน้านายทหารผู้เป็นแม่ทัพนายกองและนายทหารที่เหลือซึ่งล้วนตะลึงลาน!
"เจ้าหนุ่ม....เจ้าเก่งมาก!" แม่ทัพนางกองนั้นคำราม "แต่เจ้า คงไม่อาจต้านทานทหารหมดทั้งกองของข้าได้ พวกเรา ฆ่ามันให้จงได้!!"
สิ้นคำประกาศิตนั้น ทหารทุกนายก็กลุ้มรุมเข้าหาแอนดี้ ดุจฝูงสุนัขป่ากลุ้มรุมหมายขย้ำเหยื่อให้แหลกราญ!
เมื่อเห็นเหล่าทหารมีจำนวนมากมายเต็มไปหมดกรูกันเข้ามาเช่นนั้น แอนดี้จึงตัดสินใจทิ้งดาบ แล้วปล่อยพลังไอพ่นขับดันจากสองฝ่ามือและฝ่าเท้า ส่งตัวเองพุ่งขึ้นไปลอยอยู่กลางอากาศ แล้วพ่นไฟเป็นลำจากกลางฝ่ามือลงไปยังเหล่าทหารเบื้องล่างซึ่งกำลังยืนตะลึงแหงนดูอยู่
"ฟู่ว์........."
"อ๊าาาากกกกกกกกก....."
ทหารทุกนายร้องโหยหวน แตกกระจายไม่เป็นขบวนวิ่งเตลิดหนี บ้างก็ล้มลงไปร้องดีดดิ้นอยู่บนพื้นดินด้วยความปวดแสบปวดร้อน
แล้วแอนดี้ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกมาแต่ไกล
"แอนดี้...!!"
เขาเหลียวไปดู แล้วก็ยิ้ม ที่แท้เป็นกัปตันผู้เป็นเจ้านายและคณะนั่นเอง
แอนดี้เหาะเข้าไปหาแล้วลอยตัวลงมายืนอยู่บนพื้น
"ผมจัดการพวกทหารไปหมดแล้วครับ" เขารายงานต่อเจ้านายและทุกๆคน
กัปตันและคณะ มองไปยังทิศทางที่แอนดี้เหาะจากมา แล้วก็ได้เห็นพวกทหารอียิปต์นอนตายเกลื่อน ที่ยังไม่ตายก็ร้องโอดโอยอยู่ด้วยพิษไฟที่แอนดี้พ่นเข้าใส่ พยายามตะเกียกตะกายหนีไปอยู่
"เราได้ประกาศศึกกับฟาโรห์แล้วสินะ!" กัปตันกล่าว "แต่ก็ยังมีที่อื่นๆอีก ที่พวกทหารเหล่าอื่นไปไล่ฆ่าเด็กๆ"
"แล้วเรา จะเอายังไงกันต่อดีครับ ?" เอกถาม
"เอางี้ละกัน" กัปตันตัดสินใจ หันมาหาแอนดี้ "แอนดี้ นายไปเอายานมารับพวกฉันตรงนี้ก่อน แล้วจากนั้นเราจะตระเวนดูให้ทั่ว ทั้งอียิปต์ตอนบนและตอนล่าง** เจอพวกทหารไล่ฆ่าเด็กๆที่ไหน ก็จัดการให้เรียบ!"
"ครับผม" แอนดี้ทำท่าวันทยาหัตถ์ แล้วเหาะไปยังเหนือหุบผากษัตริย์ทันที
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
* ฮิบรู กับยิว อาจเป็นชนพวกเดียวกัน หรือคนละพวก เป็นข้อที่สับสนอยู่ ในภาพยนตร์เรื่อง "บัญญัติสิบประการ" (THE TEN COMMANMENTS) ก็บอกว่าโมเสสเป็นชาวฮิบรู ซึ่งก็ไม่แน่ เพราะคนที่พูดภาษาฮิบรู อาจมีทั้งที่เป็นยิวและไม่ใช่ เดิมชาวไอยคุปต์เรียกคนชาติอื่นผู้ไม่มีอาณาจักรเป็นของตนเอง ต้องมาพึ่งใบบุญอียิปต์ รวมถึงทาสและเชลยศึกที่ไม่มีทรัพย์สินเงินทองว่า อะปิรู (APIRU) คำๆนี้บางแห่งคัดลอกผิดเป็น "ฮัปปิรู" (HAPIRU) หรือ "ฮาปิรู" (HABIRU) จนในที่สุดเพี้ยนมาเป็นคำว่า "ฮีบรู" (HEBREW) ซึ่งต่างกับคำว่า ยิว (JEW) ที่มาจากคำว่า เยฮูดิ (YEHUDI) อันเป็นภาษาฮีบรูแท้ ๆ หมายถึงคนของตระกูล จูดาห์ (โรมัน เรียก จูเดีย สถานที่ตั้งกรุงเยรูซาเล็ม) ซึ่งเป็นชื่อบุตรชาย 1 ใน 12 คนของยาโคบ (Jacob) ที่กลายเป็นอีกอาณาจักรแยกออกจากอิสราเอลเมื่อกษัตริย์โซโลมอนสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เรื่องของชนชาวฮีบรูมีปรากฎหลักฐานทางฝ่ายอียิปต์ฝ่ายเดียว ที่เดียวและบรรทัดเดียวในบทโศลกบนแผ่นศิลาจารึกชื่อ ISRAEL STELA (ขุดพบปี 1895 ที่เมืองลักซอร์) ของฟาโรห์ เมเรนปทาห์ (ปี 1224 - 1214 BC) ว่า ISRAEL IS LAID WASTE, HIS SEED IS NOT ซึ่งไม่สามารถสื่อ ถึงอะไรได้นอกจากชาวอิสราเอลเคยอาศัยอยู่ในอียิปต์จริง ส่วนพระคัมภีร์ (ไบเบิ้ลฉบับพันธสัญญาเดิม-The Old Testament) เล่าว่า ชาวฮีบรู เดิมเร่ร่อนอยู่ในปาเลสไตน์ แล้วอพยพหนีความแห้งแล้งไปตั้งรกรากใหม่ทางดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ฟากตะวันออก (ข้อมูลจาก https://sites.google.com/site/christianthaisite/moses-khux-khir-ni-prawatisastr) พระเจ้าก็ตรัสบอกโมเสสว่าจงไปช่วย "ชาวฮีบรู" ซึ่งหมายถึงชาวยิวหรืออิสราเอล
** อียิปต์โบราณ ก่อนสมัยจักรวรรดิ มีการแบ่งเป็นอียิปต์บนซึ่งอยู่ทางทิศใต้ กับอียิปต์ล่างซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ ที่เรียกสลับกันเพราะการไหลของกระแสน้ำในแม่น้ำไนล์ซึ่งจะท่วมทั้ง 2 ฝั่งและลดลงสู่ทะเลเมดิเตอเรเนียนซึ่งอยู่ทางทิศเหนือในเดือนตุลาคม การ "ไหลลง" นี้จึงทำให้เรียกอียิปต์ที่อยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอเรเนียนว่า "อียิปต์ล่าง"
(มีต่อครับ)