ทั้งลำแสงเลเซอร์ และขีปนาวุธอื่นๆ ซึ่งตามสมทบ กระหน่ำยิงขึ้นมาจากภาคพื้นสู่เบื้องบนโดยมีเป้าหมายเดียวคือ THE FUGITIVE ราวกับห่าฝนซึ่งสาดซัดทวนทิศทางจากดินสู่ฟ้าแทนที่จะเป็นจากฟ้าสู่ดินโดยไม่ขาดระยะ และความเข้มของรังสีมฤตยูอันมากพอที่จะหวังผลแห่งการทำลายล้างได้ ทำให้ยาน "ผู้ลี้ภัย" ซึ่งขณะนี้กลายเป็นยาน "ตามหาและกอบกู้เพื่อน" ไปแล้ว ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระสาย โอนเอนไปมากลางอากาศในระดับชั้นบรรยากาศอันสูงลิบ แม้ว่ายานจะมีกำแพงบาเรียปกป้องตัวเอง สรรพาวุธทั้งหลายยังไม่อาจเจาะทะลุเข้าไประคายผิวของยานได้เลยในขณะนี้ก็ตาม แต่การถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อกัปตันวันชนะและชาวคณะอย่างแน่นอน มันหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าตอนที่รับการโจมตีจากฝูงบินของรัฐบาลเผด็จการและชาติมหาอำนาจสามชาติที่เคยผ่านมาหลายเท่า เพราะนี่คือการโจมตีโดยวิทยาการล้ำยุคล้ำสมัยของชาวแอตแลนติส ซึ่งเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ได้ !!
"เอาไงดีครับกัปตัน ? ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิเริ่มร้อนขึ้นแล้วนะครับ" หนุ่มแซมร้องถามด้วยความวิตกกังวล คนอื่นๆ ในยานก็เช่นเดียวกัน
"หนีขึ้นสู่อวกาศก่อนดีไหมคะที่รัก อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะติดตามพวกเราไปถึงในอวกาศข้างนอกนั่นไหม" เอ็มม่าถามผู้เป็นสามีซึ่งกำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด เขานึกไม่ถึงว่าชนโบราณตั้งหมื่นสองพันปีก่อนปัจจุบันกาลที่ตนและพวกพ้องจากมา จะมีวิทยาการสูงล้ำถึงปานนี้!
"หรือไม่อย่างนั้น เราก็น่าจะตอบโต้บ้างไหมคะกัปตัน" รัชนี แฝดผู้น้องเสนอแนะ
"นั่นสิคะกัปตัน ให้พวกเขาได้เห็นศักยภาพของยานของเราบ้าง เผื่อจะออมมือลงแล้วอาจจะมีการติดต่อเข้ามาก็ได้ จะได้คุยกัน"
"ใช่ๆค่ะ จอยเห็นด้วย" พระพี่นางของพระขนิษฐาออเรร่ากล่าวสนับสนุน "พวกเขามีความศิวิไลซ์ถึงขนาดนี้ จิตใจคงไม่ป่าเถื่อนหรอกน่า...น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง"
"พวกเรากำลังรบกับชาวแอตแลนติสหรือเพคะ พระพี่นาง ?" ออเรร่าเอ่ยถามเป็นภาษาอียิปต์โบราณ และมีหน้าตาตื่น
"เรายังไม่ได้ปล่อยอาวุธใดๆ เลยจ้ะ" สาวจอยตอบด้วยภาษาเดียวกันซึ่งได้รื้อฟื้นความทรงจำมาแล้วโดยสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากมหาเอกและการช่วยหนุนจากสาวแอนนาก่อนหน้านี้ "แต่เรากำลังบอกกับท่านวันชนะ 'ท่านผู้นำ' ของเราอยู่ว่า เราน่าจะตอบโต้พวกเขาบ้าง ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาโจมตีเราฝ่ายเดียว"
"แล้วท่านวันชนะ ว่าอย่างไรเพคะ ?"
"กำลังคิดอยู่จ้ะ" สาวจอยตอบแล้วยกมือลูบผมยาวสลวยของนาง กล่าวกับนางต่อ "นี่...ออเรร่าจ๊ะ เราไม่ได้อยู่ในอียิปต์แล้วนะ น้องเดิมทีก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ นี่นา พูดกับพี่สาวด้วยคำสามัญชนเถิด ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์แล้ว โอเค..เอ๊ย ตกลงไหม ?"
"ตกลงเพคะ เอ๊ยเจ้าค่ะ พี่สาว" นางตอบยิ้มๆ แล้วเอนหน้าซบไหล่สาวจอยด้วยความรักใคร่
"แอนดี้" กัปตันวันชนะร้องเรียกลูกน้องคนเก่ง
"ครับ เจ้านาย มีอะไรครับ ?" แอนดรอยด์ผู้ใกล้ความเป็นมนุษย์เต็มทีหันมาถาม
"บาเรียจะต้านทานการโจมตีได้อีกนานเท่าไร ?"
"จากนี้ไป ไม่เกินครึ่งชั่วโมง บาเรียจะสลายตัวครับ!"
คำตอบของแอนดี้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ทุกคนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งตัวของกัปตันเองด้วย
"งั้นก็...ลองลุยกับพวกเขาสักตั้ง !!" กัปตันตัดสินใจ "ส่งผลไม้บรรณาการลงไปให้พวกเขาสักสองสามลูกซิ แอนดี้ !!"
"ครับผม จัดให้เดี๋ยวนี้ครับ" แอนดรอยด์สุดหล่อยิ้มให้เจ้านายของเขา แล้วกดปุ่ม LAUNCH ซึ่งมีวงกลมสีดำเป็นภาพประกอบบนปุ่ม
ส่วนหนึ่งของใต้ท้องยานเปิดออกเล็กน้อย พอให้ "ผลไม้บรรณาการ" ลูกหนึ่งลอดลงไปได้! แล้วผลไม้สามลูกก็ถูกส่งดิ่งละลิ่วลงไป
บึ้มมม !!!.......บึ้มมม !!!.......บึ้มมม !!!.......
"ผลไม้" ทั้งสามลูก ถูกยิงสกัดทำลายเรียบกลางอากาศ ก่อนที่พวกมันจะลงไปบอมบ์ใส่กองทัพของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ !!
"ระเบิดถูกทำลายกลางอากาศ ไม่ทันลงถึงภาคพื้นครับเจ้านาย!"
"เปิดระบบเลเซอร์รอบทิศทางข้างใต้ยาน แอนดี้!!"
"เปิดแล้วครับเจ้านาย!"
จากนั้น วงแหวนภายในขอบยานข้างใต้ก็สว่างวาบ พราวไปด้วยดวงไฟนับร้อยรอบวงแหวน และหมุนติ้วพร้อมกับปล่อยแสงเลเซอร์จากทุกจุดของดวงไฟเหล่านั้นสาดลงไปข้างล่าง !!
วิ้ววววววๆๆๆๆๆๆๆๆ......................
แซ่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........................
ถึงคราวที่ฝ่ายเจ้าถิ่นได้รับความระส่ำระสายบ้าง! อย่างน้อยที่สุด THE FUGITIVE ก็ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะด้วยเทคโนโลยีจากดาวเนโอโซรอส! มิใช่ยานที่สร้างโดยชาวโลกธรรมดาเหมือนระยะแรกๆ อีกแล้ว !! แสงเลเซอร์นับร้อยๆ ลำ แม้จะลำเล็ก แต่ทุกลำล้วนมีความเข้มข้นสร้างพลานุภาพมหาศาล ยิงกราดโดนฐานทัพและอากาศยานนับสิบๆ ลำซึ่งจอดอยู่บนลานจอดและคร่าชีวิตนักรบเวหาของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ไปนับร้อย !!
บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......
เหล่าทหารของจักวรรดิส่งเสียงร้องทั้งโวยวายและโอดโอยดังระงม!
"นักรบกลางหาว หน่วยที่หนึ่ง บินขึ้นประจันบาน เดี๋ยวนี้!! และสอยยานผู้บุกรุกให้ได้ !!!" ผู้บัญชาการกองทัพอากาศแห่งจักรวรรดิตะโกนสั่งการผ่านเครื่องขยายเสียงดังก้องไปแทบทั่วทั้งนครหลวง! ไม่ถึงสองนาทีจากนั้น ฝูงบินจำนวนนับร้อยก็บินขึ้นสู่ฟ้า แต่ละลำมีรูปทรงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว สีเงินสะท้อนแสงอาทิตย์วาววับ ตรงดิ่งเข้าหา THE FUGITIVE แต่ก็ต้องคอยหลบหลีกลำแสงพิฆาตจากยาน "ผู้ลี้ภัย" กันจ้าละหวั่นและยิงลำแสงตอบโต้สวนกลับ!!
แต่หลายลำ ก็ถูกกัปตันวันชนะและแอนดี้สอยร่วงไปเหมือนกัน!
ดูเหมือนว่า THE FUGITIVE ยังสามารถต่อสู้กับฝูงยานของจักรวรรดิได้ แต่...เวลาของกำแพงบาเรีย ใกล้จะหมดลงไปทุกทีๆ !!
ทางด้านกองทัพจักรวรรดิก็มีความวิตกกังวลเช่นเดียวกัน เพราะคาดไม่ถึงว่ายานบินของผู้บุกรุกลำนี้จะมีพลานุภาพมากมายถึงเพียงนี้ เหล่าเสนาธิการประชุมปรึกษากันอย่างเร่งด่วนและเคร่งเครียด โดยมีจักรพรรดิเนรอส และ "เทพพยากรณ์" ออเรเคิล รวมทั้ง "หัวหน้าขันฑีหลวง" เลโอนีดาส ร่วมประชุมอยู่ด้วย
"เทพพยากรณ์" ออเรเคิล เป็นหญิงสาวชุดดำร่างสมส่วน สวมชุดหนังเสือ ห้อยสายสร้อยลูกประคำยาวจนถึงกลางสะดือซึ่งแต่ละเม็ดทำด้วยเพชรทั้งสิ้น ไว้เล็บยาวและตกแต่งเป็นอย่างดี ทาสีแดงสด กราบทูลต่อจักรพรรดิเนรอสผู้อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน พระฉวีขาวเนียนอย่างคนที่ไม่เคยทำการงานใดๆ ไว้พระมัสสุเฟิ้มอันทรงได้รับการตัดแต่ง ทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศ มงกุฏทองคำประดับเพชรและอัญมณีล้ำค่าแพรวพราว ฉลองพระองค์สีเงินมันปลาบประดับลวดลายพราวด้วยอัญมณีหลากหลาย ทรงถือคทาเพชรในพระหัตถ์ แววพระเนตรกร้าวแกร่ง ดูทรงน่าเกรงขาม!
"ขอเดชะ ฝ่าบาท! หม่อมฉันเล็งเห็นว่า อาคันตุกะผู้บุกรุกผู้มาจากแดนไกลแสนไกล ทรงวิทยาการสูง หากพระองค์ได้พวกเขาเป็นข้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาทแล้วไซร้ จะเป็นคุณานุประการมากมายต่อจักรวรรดิของเราเพคะ!"
"เป็นเช่นนั้นรึ ท่านเทพพยากรณ์ ?" จักรพรรดิตรัสถามให้แน่พระทัย
"ทูลฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ"
"อืม..." จักรพรรดิผู้ทรงมีพระพักตรเฮี่ยมเกรียมทรงยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระมัสสุ แล้วทรงพยักพระพักตร "ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าได้ช้า จงมีคำสั่งไปยังเหล่าทหารบนภาคพื้นและเหล่านักรบกลางเวหา ให้หยุดโจมตี และส่งการติดต่อไปยังยานของอาคันตุกะลำนั้น โดยเร็วที่สุด!!"
"ขอเดชะ พะยะฮ่ะ...ฝาบาท ขอประทานอภัยโทษที่หม่อมฉันบังอาจสอดแทรก พะยะฮ่ะ!" หัวหน้าขันฑีเลโอนีดาสประกบสองมือพนมและก้มลงกราบทูล
"มีอันใดรึ ท่านหัวหน้าขันฑีหลวง ? ว่ามาเถิด!" จักรพรรดิทรงโบกพระหัตถ์เป็นเชิงอนุญาต
"หม่อมฉันสงสัยว่า พวกเขาจะเจรจากับพวกเรารู้เรื่องหรือไม่ก็มิอาจทราบได้นะพะยะฮ่ะ!"
"ไม่มีปัญหาดอก ท่านหัวหน้าขันฑีหลวง! อย่ากังวลไปเลย เรามีผู้เชี่ยวชาญทางภาษาหลายภาษา ผิดนัก ก็ยังมีผู้สื่อสารทางจิตได้อยู่!! ดังนั้น เราจะสามารถติดต่อเจรจากับอาคันตุกะเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง!"
"พะยะฮ่ะ! ทรงพระปรีชายิ่งแล้วพะยะฮ่ะ!" เลโอนีดาสโน้มกายถวายคารวะอีกครั้งแล้วเงียบเสียงไป
"ท่าน
หัวหน้าเสนาธิการ บาราคูดัส!" จักรพรรดิทรงร้องเรียกนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญอีกนายหนึ่ง
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" หัวหน้าเสธฯ ร่างกำยำล่ำสันผิวดำแดงกำหมัดขวาแนบอกแล้วโน้มกายลง
"ทำตามที่ข้าบอกเมื่อสักครู่นี้ ณ บัดนี้โดยพลัน!"
"รับพระบัญชา พระเจ้าข้า!"
ดังนั้น การกระหน่ำโจมตีทางภาคพื้นจึงถูกสั่งให้หยุด และเหล่าฝูงบินแห่ง "นักรบกลางหาว" ของจักรวรรดิก็ได้รับคำสั่งให้หยุดโจมตีเช่นเดียวกัน แต่ยังบินวนล้อมกรอบยาน THE FUGITIVE อยู่
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่กำแพงบาเรียของยานเสื่อมสภาพและเริ่มสลายตัวพอดี !!
"แปลก! ทำไมพวกเขาถึงหยุดยิงไปดื้อๆ ????" ยูไล เกลเลอร์ เอ่ยขึ้นด้วยความกังขา
กัปตันวันชนะนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยสิ่งที่คิดให้บรรดาลูกทีมฟัง "ผมว่า บางทีพวกเขา อาจเปลี่ยนกลยุทธ จากการรบ เป็นการเจรจากัน ก็อาจเป็นได้ครับ จากภาพที่ซูมลงไปข้างล่าง เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้รับความเสียหายจากการตอบโต้ของเราบ้างเหมือนกัน ถ้าความคิดของผมถูกต้อง เราจะได้รับการติดต่อจากพวกเขาในอีกไม่ช้าไม่นาน อย่างแน่นอนครับ!"
"ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็โชคดีมากๆ เลยนะครับ เพราะเกราะบาเรียของยาน หมดเวลาป้องกันพอดีเลย!" มหาเอกกล่าวอย่างโล่งอก
"ใช่แล้วค่ะคุณเอก" เอ็มม่าตอบแทนที่สามี "ถ้าพวกเขาโจมตีต่อไป พวกเราคงต้องแย่แน่ๆ"
"มันเป็นผลจากการโต้ตอบของเรานั่นเองแหละครับ" หนุ่มแซมกล่าวสรุป "พอเราปล่อยอาวุธของเราโต้ตอบลงไปบ้าง และสร้างความเสียหายให้พวกเขาได้ พวกเขาก็ต้องหวั่นเกรงพวกเราบ้างแหละครับ! ถึงได้พากันหยุดยิงอย่างที่เห็นนี่"
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้นครับ คุณแซม" กัปตันวันชนะพยักหน้า "ตอนนี้ เราก็รอดูกันต่อไป พวกเขาก็บินล้อมรอบพวกเราอยู่โดยไม่ทำอะไร"
"ผมว่ากัปตันเป็นคนดวงแข็งจริงๆครับ และมีผลมาปกป้องยาน และพวกเราทุกคนด้วย" มหาเอกวิจารณ์
(ต่อครับ)
💫🕛💫🚀 แดนศิวิไลซ์ ( หลงกาล ภาค 2 ) ตอนที่ 7 🚀💫🕛💫
"เอาไงดีครับกัปตัน ? ผมรู้สึกว่าอุณหภูมิเริ่มร้อนขึ้นแล้วนะครับ" หนุ่มแซมร้องถามด้วยความวิตกกังวล คนอื่นๆ ในยานก็เช่นเดียวกัน
"หนีขึ้นสู่อวกาศก่อนดีไหมคะที่รัก อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะติดตามพวกเราไปถึงในอวกาศข้างนอกนั่นไหม" เอ็มม่าถามผู้เป็นสามีซึ่งกำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด เขานึกไม่ถึงว่าชนโบราณตั้งหมื่นสองพันปีก่อนปัจจุบันกาลที่ตนและพวกพ้องจากมา จะมีวิทยาการสูงล้ำถึงปานนี้!
"หรือไม่อย่างนั้น เราก็น่าจะตอบโต้บ้างไหมคะกัปตัน" รัชนี แฝดผู้น้องเสนอแนะ
"นั่นสิคะกัปตัน ให้พวกเขาได้เห็นศักยภาพของยานของเราบ้าง เผื่อจะออมมือลงแล้วอาจจะมีการติดต่อเข้ามาก็ได้ จะได้คุยกัน"
"ใช่ๆค่ะ จอยเห็นด้วย" พระพี่นางของพระขนิษฐาออเรร่ากล่าวสนับสนุน "พวกเขามีความศิวิไลซ์ถึงขนาดนี้ จิตใจคงไม่ป่าเถื่อนหรอกน่า...น่าจะพูดคุยกันรู้เรื่อง"
"พวกเรากำลังรบกับชาวแอตแลนติสหรือเพคะ พระพี่นาง ?" ออเรร่าเอ่ยถามเป็นภาษาอียิปต์โบราณ และมีหน้าตาตื่น
"เรายังไม่ได้ปล่อยอาวุธใดๆ เลยจ้ะ" สาวจอยตอบด้วยภาษาเดียวกันซึ่งได้รื้อฟื้นความทรงจำมาแล้วโดยสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากมหาเอกและการช่วยหนุนจากสาวแอนนาก่อนหน้านี้ "แต่เรากำลังบอกกับท่านวันชนะ 'ท่านผู้นำ' ของเราอยู่ว่า เราน่าจะตอบโต้พวกเขาบ้าง ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาโจมตีเราฝ่ายเดียว"
"แล้วท่านวันชนะ ว่าอย่างไรเพคะ ?"
"กำลังคิดอยู่จ้ะ" สาวจอยตอบแล้วยกมือลูบผมยาวสลวยของนาง กล่าวกับนางต่อ "นี่...ออเรร่าจ๊ะ เราไม่ได้อยู่ในอียิปต์แล้วนะ น้องเดิมทีก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ นี่นา พูดกับพี่สาวด้วยคำสามัญชนเถิด ไม่ต้องใช้ราชาศัพท์แล้ว โอเค..เอ๊ย ตกลงไหม ?"
"ตกลงเพคะ เอ๊ยเจ้าค่ะ พี่สาว" นางตอบยิ้มๆ แล้วเอนหน้าซบไหล่สาวจอยด้วยความรักใคร่
"แอนดี้" กัปตันวันชนะร้องเรียกลูกน้องคนเก่ง
"ครับ เจ้านาย มีอะไรครับ ?" แอนดรอยด์ผู้ใกล้ความเป็นมนุษย์เต็มทีหันมาถาม
"บาเรียจะต้านทานการโจมตีได้อีกนานเท่าไร ?"
"จากนี้ไป ไม่เกินครึ่งชั่วโมง บาเรียจะสลายตัวครับ!"
คำตอบของแอนดี้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ทุกคนมากยิ่งขึ้น รวมทั้งตัวของกัปตันเองด้วย
"งั้นก็...ลองลุยกับพวกเขาสักตั้ง !!" กัปตันตัดสินใจ "ส่งผลไม้บรรณาการลงไปให้พวกเขาสักสองสามลูกซิ แอนดี้ !!"
"ครับผม จัดให้เดี๋ยวนี้ครับ" แอนดรอยด์สุดหล่อยิ้มให้เจ้านายของเขา แล้วกดปุ่ม LAUNCH ซึ่งมีวงกลมสีดำเป็นภาพประกอบบนปุ่ม
ส่วนหนึ่งของใต้ท้องยานเปิดออกเล็กน้อย พอให้ "ผลไม้บรรณาการ" ลูกหนึ่งลอดลงไปได้! แล้วผลไม้สามลูกก็ถูกส่งดิ่งละลิ่วลงไป
บึ้มมม !!!.......บึ้มมม !!!.......บึ้มมม !!!.......
"ผลไม้" ทั้งสามลูก ถูกยิงสกัดทำลายเรียบกลางอากาศ ก่อนที่พวกมันจะลงไปบอมบ์ใส่กองทัพของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ !!
"ระเบิดถูกทำลายกลางอากาศ ไม่ทันลงถึงภาคพื้นครับเจ้านาย!"
"เปิดระบบเลเซอร์รอบทิศทางข้างใต้ยาน แอนดี้!!"
"เปิดแล้วครับเจ้านาย!"
จากนั้น วงแหวนภายในขอบยานข้างใต้ก็สว่างวาบ พราวไปด้วยดวงไฟนับร้อยรอบวงแหวน และหมุนติ้วพร้อมกับปล่อยแสงเลเซอร์จากทุกจุดของดวงไฟเหล่านั้นสาดลงไปข้างล่าง !!
วิ้ววววววๆๆๆๆๆๆๆๆ......................
แซ่ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.........................
ถึงคราวที่ฝ่ายเจ้าถิ่นได้รับความระส่ำระสายบ้าง! อย่างน้อยที่สุด THE FUGITIVE ก็ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะด้วยเทคโนโลยีจากดาวเนโอโซรอส! มิใช่ยานที่สร้างโดยชาวโลกธรรมดาเหมือนระยะแรกๆ อีกแล้ว !! แสงเลเซอร์นับร้อยๆ ลำ แม้จะลำเล็ก แต่ทุกลำล้วนมีความเข้มข้นสร้างพลานุภาพมหาศาล ยิงกราดโดนฐานทัพและอากาศยานนับสิบๆ ลำซึ่งจอดอยู่บนลานจอดและคร่าชีวิตนักรบเวหาของจักรวรรดิแอตแลนติสใต้ไปนับร้อย !!
บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......บึ้มมมม !!!!!.......
เหล่าทหารของจักวรรดิส่งเสียงร้องทั้งโวยวายและโอดโอยดังระงม!
"นักรบกลางหาว หน่วยที่หนึ่ง บินขึ้นประจันบาน เดี๋ยวนี้!! และสอยยานผู้บุกรุกให้ได้ !!!" ผู้บัญชาการกองทัพอากาศแห่งจักรวรรดิตะโกนสั่งการผ่านเครื่องขยายเสียงดังก้องไปแทบทั่วทั้งนครหลวง! ไม่ถึงสองนาทีจากนั้น ฝูงบินจำนวนนับร้อยก็บินขึ้นสู่ฟ้า แต่ละลำมีรูปทรงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว สีเงินสะท้อนแสงอาทิตย์วาววับ ตรงดิ่งเข้าหา THE FUGITIVE แต่ก็ต้องคอยหลบหลีกลำแสงพิฆาตจากยาน "ผู้ลี้ภัย" กันจ้าละหวั่นและยิงลำแสงตอบโต้สวนกลับ!!
แต่หลายลำ ก็ถูกกัปตันวันชนะและแอนดี้สอยร่วงไปเหมือนกัน!
ดูเหมือนว่า THE FUGITIVE ยังสามารถต่อสู้กับฝูงยานของจักรวรรดิได้ แต่...เวลาของกำแพงบาเรีย ใกล้จะหมดลงไปทุกทีๆ !!
ทางด้านกองทัพจักรวรรดิก็มีความวิตกกังวลเช่นเดียวกัน เพราะคาดไม่ถึงว่ายานบินของผู้บุกรุกลำนี้จะมีพลานุภาพมากมายถึงเพียงนี้ เหล่าเสนาธิการประชุมปรึกษากันอย่างเร่งด่วนและเคร่งเครียด โดยมีจักรพรรดิเนรอส และ "เทพพยากรณ์" ออเรเคิล รวมทั้ง "หัวหน้าขันฑีหลวง" เลโอนีดาส ร่วมประชุมอยู่ด้วย
"เทพพยากรณ์" ออเรเคิล เป็นหญิงสาวชุดดำร่างสมส่วน สวมชุดหนังเสือ ห้อยสายสร้อยลูกประคำยาวจนถึงกลางสะดือซึ่งแต่ละเม็ดทำด้วยเพชรทั้งสิ้น ไว้เล็บยาวและตกแต่งเป็นอย่างดี ทาสีแดงสด กราบทูลต่อจักรพรรดิเนรอสผู้อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน พระฉวีขาวเนียนอย่างคนที่ไม่เคยทำการงานใดๆ ไว้พระมัสสุเฟิ้มอันทรงได้รับการตัดแต่ง ทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศ มงกุฏทองคำประดับเพชรและอัญมณีล้ำค่าแพรวพราว ฉลองพระองค์สีเงินมันปลาบประดับลวดลายพราวด้วยอัญมณีหลากหลาย ทรงถือคทาเพชรในพระหัตถ์ แววพระเนตรกร้าวแกร่ง ดูทรงน่าเกรงขาม!
"ขอเดชะ ฝ่าบาท! หม่อมฉันเล็งเห็นว่า อาคันตุกะผู้บุกรุกผู้มาจากแดนไกลแสนไกล ทรงวิทยาการสูง หากพระองค์ได้พวกเขาเป็นข้ารับใช้เบื้องพระยุคลบาทแล้วไซร้ จะเป็นคุณานุประการมากมายต่อจักรวรรดิของเราเพคะ!"
"เป็นเช่นนั้นรึ ท่านเทพพยากรณ์ ?" จักรพรรดิตรัสถามให้แน่พระทัย
"ทูลฝ่าบาท เป็นเช่นนั้นจริงเพคะ"
"อืม..." จักรพรรดิผู้ทรงมีพระพักตรเฮี่ยมเกรียมทรงยกพระหัตถ์ขึ้นลูบพระมัสสุ แล้วทรงพยักพระพักตร "ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าได้ช้า จงมีคำสั่งไปยังเหล่าทหารบนภาคพื้นและเหล่านักรบกลางเวหา ให้หยุดโจมตี และส่งการติดต่อไปยังยานของอาคันตุกะลำนั้น โดยเร็วที่สุด!!"
"ขอเดชะ พะยะฮ่ะ...ฝาบาท ขอประทานอภัยโทษที่หม่อมฉันบังอาจสอดแทรก พะยะฮ่ะ!" หัวหน้าขันฑีเลโอนีดาสประกบสองมือพนมและก้มลงกราบทูล
"มีอันใดรึ ท่านหัวหน้าขันฑีหลวง ? ว่ามาเถิด!" จักรพรรดิทรงโบกพระหัตถ์เป็นเชิงอนุญาต
"หม่อมฉันสงสัยว่า พวกเขาจะเจรจากับพวกเรารู้เรื่องหรือไม่ก็มิอาจทราบได้นะพะยะฮ่ะ!"
"ไม่มีปัญหาดอก ท่านหัวหน้าขันฑีหลวง! อย่ากังวลไปเลย เรามีผู้เชี่ยวชาญทางภาษาหลายภาษา ผิดนัก ก็ยังมีผู้สื่อสารทางจิตได้อยู่!! ดังนั้น เราจะสามารถติดต่อเจรจากับอาคันตุกะเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง!"
"พะยะฮ่ะ! ทรงพระปรีชายิ่งแล้วพะยะฮ่ะ!" เลโอนีดาสโน้มกายถวายคารวะอีกครั้งแล้วเงียบเสียงไป
"ท่านหัวหน้าเสนาธิการ บาราคูดัส!" จักรพรรดิทรงร้องเรียกนายทหารชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญอีกนายหนึ่ง
"พระเจ้าข้า ฝ่าบาท" หัวหน้าเสธฯ ร่างกำยำล่ำสันผิวดำแดงกำหมัดขวาแนบอกแล้วโน้มกายลง
"ทำตามที่ข้าบอกเมื่อสักครู่นี้ ณ บัดนี้โดยพลัน!"
"รับพระบัญชา พระเจ้าข้า!"
ดังนั้น การกระหน่ำโจมตีทางภาคพื้นจึงถูกสั่งให้หยุด และเหล่าฝูงบินแห่ง "นักรบกลางหาว" ของจักรวรรดิก็ได้รับคำสั่งให้หยุดโจมตีเช่นเดียวกัน แต่ยังบินวนล้อมกรอบยาน THE FUGITIVE อยู่
และเป็นเวลาเดียวกันกับที่กำแพงบาเรียของยานเสื่อมสภาพและเริ่มสลายตัวพอดี !!
"แปลก! ทำไมพวกเขาถึงหยุดยิงไปดื้อๆ ????" ยูไล เกลเลอร์ เอ่ยขึ้นด้วยความกังขา
กัปตันวันชนะนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยสิ่งที่คิดให้บรรดาลูกทีมฟัง "ผมว่า บางทีพวกเขา อาจเปลี่ยนกลยุทธ จากการรบ เป็นการเจรจากัน ก็อาจเป็นได้ครับ จากภาพที่ซูมลงไปข้างล่าง เราจะเห็นได้ว่า พวกเขาได้รับความเสียหายจากการตอบโต้ของเราบ้างเหมือนกัน ถ้าความคิดของผมถูกต้อง เราจะได้รับการติดต่อจากพวกเขาในอีกไม่ช้าไม่นาน อย่างแน่นอนครับ!"
"ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็โชคดีมากๆ เลยนะครับ เพราะเกราะบาเรียของยาน หมดเวลาป้องกันพอดีเลย!" มหาเอกกล่าวอย่างโล่งอก
"ใช่แล้วค่ะคุณเอก" เอ็มม่าตอบแทนที่สามี "ถ้าพวกเขาโจมตีต่อไป พวกเราคงต้องแย่แน่ๆ"
"มันเป็นผลจากการโต้ตอบของเรานั่นเองแหละครับ" หนุ่มแซมกล่าวสรุป "พอเราปล่อยอาวุธของเราโต้ตอบลงไปบ้าง และสร้างความเสียหายให้พวกเขาได้ พวกเขาก็ต้องหวั่นเกรงพวกเราบ้างแหละครับ! ถึงได้พากันหยุดยิงอย่างที่เห็นนี่"
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้นครับ คุณแซม" กัปตันวันชนะพยักหน้า "ตอนนี้ เราก็รอดูกันต่อไป พวกเขาก็บินล้อมรอบพวกเราอยู่โดยไม่ทำอะไร"
"ผมว่ากัปตันเป็นคนดวงแข็งจริงๆครับ และมีผลมาปกป้องยาน และพวกเราทุกคนด้วย" มหาเอกวิจารณ์
(ต่อครับ)