คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อ่าน Paper ของ อ.ไพรบูลย์ดูครับ
ส่วนตัว มองว่าวิธีนี้ คือการ เน้นซื้อหุ้น ถูก แล้วหวังป๊อก (พอกระจายมากมัน ป๊อกเองถ้าไม่ซวยเกิน) ข้อเสียคือ เอาหุ้นเน่าเข้าพอร์ทมาพร้อมด้วยแน่ แต่ดีคือหุ้นเน่าลดได้มากสุด 100%(ุถ้าไม่ใช้มาร์จิ้น และตามวิธีนี้ไม่ควรใช้มาร์จิ้นอยู่แล้ว) แต่หุ้นดี บวกได้เกิน 100%
ข้อดีคือ
หุ้นถูกนอกจากถ้ามีข้อดีของการป๊อกกำไรฟูจากฐานที่เล็กแล้วแล้วยัง มีเรืองการถูกซื้อกิจการด้วยครับ หรือการมี Story อื่นเข้ามาทำให้เกิดความคาดหวังจากหุ้นที่ไม่ถูกคาด กำไรอาจไม่มาแต่ข่าวมาพอถือไม่ยาวมาก Capital gain ก็เกิด และโอกาสออกมาทันก็จะูง และถ้ามันไม่เป็นอย่างคาดก็น่าจะเจ็บน้อยเพราะมันคือ หุ้นถูก ที่คน คาดหวังน้อย ... (แต่มีตัวเละแน่ๆเชื่อเถอะกระจายขนาดนั้น)
ข้อเสีย
มันไม่สบายใจหรอกที่คุณซ์้ออะไรต่อมิอะไรที่คุณไม่รู้จักแค่เพราะมันถูก หุ้นถูกจากกำไรพิเศษก็เยอะที่จะติดมาถ้าเก่งพอควรเอากำไรพิเศษออกก่อนคิด แล้วหลายๆ บ.ที่ติดเพราะมันถูก และคุณภาพกำไรมันไม่ค่อยดีครับ Sustain ยาก PE เลยต่ำไง เช่น อสังหา จะติดมาเป็นพลวนเลย เพราะ PE ต่ำ(ขายคอนโด หมดแล้วเอามาขายซ้ำไม่ได้จะขายใหม่ก็ต้องไปพัฒนาที่ใหม่) แต่ ROE สูงเพราะ กำไรต่อหน่วยมันใช้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีหุ้นซ้ำตัวด้วยนะ เช่น Ais กับ Intouch ยังไงก็ติดมาด้วยกัน กลายเป็นน้ำหนักพอร์ทไปถ่วง Ais เท่าหุ้น 2 ตัว
ส่วนตัวมองว่าระยะยาวมันคือวิธีเอาชนะตาดวิธีนึง...แต่ผมว่าหลายคนไม่ทำไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะ มันเป็นวิธีลงทุนที่ไม่สบายใจครับ ถ้าเลือกจะสาดมั่วไปบางทีฝากกองทุน index อาจจะสบายใจกว่าก็ได และผลตอบแทนคงไม่ต่างกันมากหรอก (และไม่รู้ด้วยว่าใครชนะ)
ส่วนตัว มองว่าวิธีนี้ คือการ เน้นซื้อหุ้น ถูก แล้วหวังป๊อก (พอกระจายมากมัน ป๊อกเองถ้าไม่ซวยเกิน) ข้อเสียคือ เอาหุ้นเน่าเข้าพอร์ทมาพร้อมด้วยแน่ แต่ดีคือหุ้นเน่าลดได้มากสุด 100%(ุถ้าไม่ใช้มาร์จิ้น และตามวิธีนี้ไม่ควรใช้มาร์จิ้นอยู่แล้ว) แต่หุ้นดี บวกได้เกิน 100%
ข้อดีคือ
หุ้นถูกนอกจากถ้ามีข้อดีของการป๊อกกำไรฟูจากฐานที่เล็กแล้วแล้วยัง มีเรืองการถูกซื้อกิจการด้วยครับ หรือการมี Story อื่นเข้ามาทำให้เกิดความคาดหวังจากหุ้นที่ไม่ถูกคาด กำไรอาจไม่มาแต่ข่าวมาพอถือไม่ยาวมาก Capital gain ก็เกิด และโอกาสออกมาทันก็จะูง และถ้ามันไม่เป็นอย่างคาดก็น่าจะเจ็บน้อยเพราะมันคือ หุ้นถูก ที่คน คาดหวังน้อย ... (แต่มีตัวเละแน่ๆเชื่อเถอะกระจายขนาดนั้น)
ข้อเสีย
มันไม่สบายใจหรอกที่คุณซ์้ออะไรต่อมิอะไรที่คุณไม่รู้จักแค่เพราะมันถูก หุ้นถูกจากกำไรพิเศษก็เยอะที่จะติดมาถ้าเก่งพอควรเอากำไรพิเศษออกก่อนคิด แล้วหลายๆ บ.ที่ติดเพราะมันถูก และคุณภาพกำไรมันไม่ค่อยดีครับ Sustain ยาก PE เลยต่ำไง เช่น อสังหา จะติดมาเป็นพลวนเลย เพราะ PE ต่ำ(ขายคอนโด หมดแล้วเอามาขายซ้ำไม่ได้จะขายใหม่ก็ต้องไปพัฒนาที่ใหม่) แต่ ROE สูงเพราะ กำไรต่อหน่วยมันใช้ได้เลย นอกจากนี้ยังมีหุ้นซ้ำตัวด้วยนะ เช่น Ais กับ Intouch ยังไงก็ติดมาด้วยกัน กลายเป็นน้ำหนักพอร์ทไปถ่วง Ais เท่าหุ้น 2 ตัว
ส่วนตัวมองว่าระยะยาวมันคือวิธีเอาชนะตาดวิธีนึง...แต่ผมว่าหลายคนไม่ทำไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เพราะ มันเป็นวิธีลงทุนที่ไม่สบายใจครับ ถ้าเลือกจะสาดมั่วไปบางทีฝากกองทุน index อาจจะสบายใจกว่าก็ได และผลตอบแทนคงไม่ต่างกันมากหรอก (และไม่รู้ด้วยว่าใครชนะ)
แสดงความคิดเห็น
Magic formula : return, problem and solution, buying time, result in bull/bear/sideway
1) เล่าประสบการณ์
ผลตอบแทนแต่ละปีเป็นอย่างไร โดยเฉลี่ยเป็นอย่างไร (ถ้าแนบรูปเป็นพอร์ต มีชื่อหุ้น ผลตอบแทน ต่อปี จะดีมากหลายค่ะ)
ไม่ขอเป็น back test ให้ผลย้อนหลังนะคะ ไม่ต้องยกหรือแนบผลงานวิจัยของดร.ไพบูลย์มานะคะ (คือจขกททั้งอ่านไฟล์และฟังyoutubeหมดแล้วค่ะ)
ขอคนที่ทำจริงๆ ในตลาดหุ้นและใช้สูตรนี้มาหลายปี (เพราะสูตรนี้จะเห็นผลในระยะยาว)
2)ปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไข
ระหว่างที่ทำมาหลายปี เกิดปัญหาอะไรระหว่างทางบ้าง แก้ไขอย่างไร
3)buying time
คุณซื้อเวลาไหนของปี เช่น- ซื้อวันแรก ของปี ขายวันสุดท้ายของปี
-ถ้าตามหนังสือ the little book that beats the market เขาบอกให้ซื้อ 5-7ตัว ทุกๆ 2-3 เดือน พอปลายปี ก็จะครบ ประมาณ25-30ตัวพอดี
ตัวที่ถือครบ 1 ปี ให้ขาย แล้วกลับไปทำซ้ำ(ซื้อ5-7ตัว ทุกๆ 2-3 เดือน) ทำไปเรื่อยๆ
4)bull/bear/market
จากประสบการณ์ คุณคิดว่าผลตอบแทน MF ชนะตลาดผลตอบแทนตลาดมากๆ ตอนที่ตลาดเป็นแบบไหนกระทิง หมี หรือไซด์เวย์
**ส่วนตัว ไม่มองประเด็นน่าเบื่อเป็นข้อเสียค่ะ เพราะไม่ใช่สายเก็งกำไรอยู่แล้ว ถ้าหากMF ให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ย15%ต่อปี ขึ้นไป จริง จขกทก็จะทำเรื่อยๆทุกปี
สำหรับคนอื่นๆที่ไม่ได้ MF มาร่วมdiscuss กันได้ค่ะ คิดเห็นอย่างไรกับสูตรนี้