ก่อนหน้านี้โพสอัลบั้ม "ใดๆในโลกล้วนอินเดีย" ไปในเฟสบุ๊คส่วนตัว และแฟนเพจ ก็จะได้มีคอมเม้นมามากมายก่ายกองเกี่ยวกับผู้คน / อาหาร / วัฒนธรรม / ที่เที่ยว รวมถึงเรื่องเยี่ยวและขี้ 555555 คือไม่ได้หยาบคาย แต่ทุกคนคือถามหมด เจอหน้าใครถามแต่เรื่องนี้ โอ๊ยยย ตอบไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว

แต่สำหรับที่นี่ ไม่เจอนะ (รึเก๊าอาจจะเป็นส่วนน้อยที่โชคดี คนอื่นเจอกันมั๊ยอ่ะ) ก็เลยอยากจะขอแนะนำเลยสำหรับเหล่ามือใหม่ที่อยากเที่ยวอินเดียว ว่าพวกเธอควรจะเริ่มจากเมืองนี้ อย่างน้อยสำหรับเราก้ค่อนข้างจะเจริญ สะอาด สามารถเดินเล่นได้ และมีเมโทรด้วย อันนี้คือตื่นเต้นมากกก ได้ขึ้นเมโทรจัยปูร์ กรี๊ดดดด สะดวกสบาย เข้าเมืองง่ายนิดเดียว

มีจริง ไม่ได้โม้ววววว ไปลงแถวๆฮาวาล มาฮาลเลยนะ ดีอ่ะ

สำหรับทริปนี้ เริ่มจากว่ามีความตั้งใจอยากไปแม่น้ำคงคา และพาราณสี เนื่องจากเคยเรียนประวัติศาตร์อินเดียมา และค่อนข้างจะอินกับเรื่องราวของท่านมหาตมะคานธี อยากจะไปเหยียบประเทศนี้สักครั้ง แต่ยังไม่มีความกล้าพอที่จะไปโซนที่อยากไป เนื่องด้วยเรายังไม่เคยได้รู้จักกันจริงจังอย่างเป็นทางการ ส่วนมากก็จะรู้จักกันผ่านกลิ่นกายหยาบเท่านั้น ก็เลยเปิดดูเมืองที่คิดว่าปลอดภัยและสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะชวนใคร ก็แบบไม่มีใครไปด้วยเลย พอเอ่ยถึงอินเดีย ... ไปคนเดียวก็ได้ แง้!!

มาอินเดียง่ายๆ มากับแอร์เอเชีย นางเปิดบินตรงชัยปุระแบบเวลาดีงามอยู่นะ ได้สูดกลิ่นความอินเดียตั้งแต่ดอนเมืองกันเลยทีเดียว

ถึงล้าววววว ให้Taxiโรงแรมมารับที่สนามบิน เราเลือกนอนที่ ibis jaipur โดนแซวว่าเลือกนอนดีผิดปกติ 555555

อันนี้อาหารเช้าที่โรงแรม ในเช้าวันที่สอง เพราะวันแรกมาถึงก็ดึกละ ไม่ได้ไปไหน นอนดูหนังอินเดียจนหลับไปเลย

รสชาติคือแบบบบบ ให้คะแนนไม่ถูก ให้0จะหาว่าเกินไปไหมอ่ะ แต่มันกินไม่ได้เลยสักคำ อารมณ์เหมือนกลืนคนอินเดียเข้าไปอ่ะ

ตัดภาพไปที่การออกไปเดินเล่นชมเมืองกันเลยดีกว่า เราจะไม่รีวิวอาหารกันในทริปนี้ ฮือออ

อันนี้คือขึ้นมาจากเมโทรที่มาลงฮาวาลมาฮาล แล้วเดินมาอีกสักพัก จะเริ่มเข้าสู่ย่านถนนคนเดิน เดินไปไกลหน่อย แต่ชิวดีนะ

ผ่านไป15นาทีก็จะเจอป้าย ถึงล้าวววว ที่แรกของเราในเมืองสีชมพูนี้ พระราชวังสายลม นี่แหละที่ทำให้เราต้องมาที่นี่

ในที่สุดก็มาจนได้ เย้ !! ระหว่างทางที่เดินผ่านมา ความกังวลและความกลัวคนที่นี่ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ

ถามว่ามีแบบเหมือนจะโดนหลอกไหม ก็มีนะ แต่สุดท้ายก็พยายามเอาตัวรอดมาจนได้ ไปคนเดียวต้องมีสติมากๆนะ

วิวจากข้างบนพระราชวัง

เดินเล่นสักพักก็เห็นป้ายคาเฟ่ขายไอติม ในรูปคือน่ากินมากเลยสั่งมา

แต่ไอที่ได้มามันไม่ใช่ ไม่ได้ใกล้เคียงสักนิดเลยด้วยยยยยย .. กลับมาไทยคงผอมแน่ทริปนี้

ลองไปร้านคาเฟ่ฝั่งตรงข้ามกับฮาวาลมาฮาล เพราะว่าอยากได้วิวหน้าต่างพระราชวังเก๋ๆ ตัดสินใจสั่งเฟรนฟรายนี่ละว่ะ ง่ายสุด ไม่น่ามาหลอกอะไรเราได้ ปรากฎว่าพี่แขกแกหายไป20นาที อย่างนานนน ได้เฟรนฟรายแข็งๆเย็นๆเหมือนไม่ได้ทอดแต่แช่เอาไว้มาให้กิน โชคดีที่มีโค้ก และเป็นโค้กจริง ไม่ได้ผสมอะไรมา โค้กอร่อยมากกกก

แต่นี่คือรูปที่ได้มา ถือว่าคุ้ม แถมได้เพื่อนอินเดียมาเพียบเลย นางช่วยถ่ายรูปนี้ให้ด้วย ไม่งั้นคงไม่มีรูปตัวเอง

อยู่ที่นี่รู้สึกเหมือนตัวเองคือญาญ่า เพราะ2ข้างทางจะเจอแต่คนมาขอถ่ายรูป และยิ้มหวานให้ตลอดๆ พี่แขกเค้าเฟรนลี่เหลือเกิน

ไปต่อกันที่ City Palace ที่เที่ยวส่วนมากไม่ไกลกันนะคะ เดินได้ แต่อาจจะเมื่อยนิดนึง

ลืมบอกว่าทุกที่จะมีค่าเข้านะคะ แต่ว่าก็ไม่ได้แพงนะ เทียบเป็นเงินไทยก็50-80บาท

อันนี้ระหว่างเดินไปมั่วๆ ทริปนี้เน้นเดินนะคะ ไม่ได้จ้างรถ มาชิมลางงงง

อันนี้ตอนออกมาจากหอดูดาว Jantar Mantar ข้างในไม่ได้ถ่าย ร้อนนน

เดินหลบน้ำลาย หลบช้าง ม้า วัว ควาย และผู้คน

ตรงนี้เดินหลงเข้ามา แต่นกบินวนไปวนมาสวยมากกกก แอบอัดคลิปมาด้วย

และที่นี่คือ Amber fort อันนี้เดินมาไม่ได้นะจ๊ะ ต้องใช้บริการรถTaxiมา

พระราชวังแอมเบอร์ฟอร์ท เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของชัยปุระ มีที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ป้อมปราการแห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดู และศิลปะราชปุตอันเป็นเอกลักษณ์
สามารถมองเห็นได้จากระยะทางไกล เนื่องจากมีขนาดกำแพงปราการที่ใหญ่และแน่นหนา

บนป้อมมีที่ให้เดินถ่ายรูปเยอะมากกก แต่เวลาเรามีจำกัดค่ะ ต้องรีบลง ไม่อยากกลับที่พักดึก แอบกลัว ไม่รู้เมโทรเปิดถึงกี่โมงด้วย

หมดไป1วัน ที่อาหารแทบไม่ตกถึงท้องเลยยย

อาหารเช้าวันที่3 หน้าตาแบบนี้ 2คำก็วางแล้วจ้าาา ยอมแพ้อ่าาา ไม่ได้ดัดจริต แต่กินไม่ได้จริงๆนะ

และสุดท้ายยยย มาได้สิ่งนี้ช่วยชีวิต เป็นร้านในสนามบินอ่ะ เพราะวันนี้ต้องกลับแล้ว มา3วันเอง ไวมากกกก ดีใจสุดๆที่ได้กินอะไรที่กลืนได้ อันนี้กินหมดเลยจ้าาาาา กลับไปถึงกทม.จะกินให้เปรมเชียวววว

อินดี้ยันสนามบิน มีนกบินวนเต็มไปหมด แล้วฮามากคือ เดินเข้าไปถึงเกตแล้ว ตม.เดินมาตามให้ไปต่อแถวปั้มพาสปอร์ตใหม่ เพราะตม.เปลี่ยนเวร เลยไม่มีใครคุมเกต ปล่อยนักท่องเที่ยวเข้าเกตตามอัธยาศัย แล้วตามออกมาใหม่ แบบนี้ก็ได้เหรอออ 555555 ได้หมดถ้าเป็นพี่แขก กฏเกณฑ์ทำอะไรพี่แขกไม่ได้จริงๆ

ประเทศที่ผู้คนเฟรนลี่เหลือเกิน เดินไปไหนก็มีเพื่อน (บางทีก็อยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆนะเหวยย) 555

จบแล้วกับอินเดีย ถามว่าหายกลัวไหม ก็ดีขึ้นเยอะนะ น่าจะลุยเดี่ยวไปแถวๆแม่น้ำคงคากับพาราณสีได้ อยากไปบ้านมหาตมะคานธีด้วย แต่ค่อนข้างไกล เอาเป็นว่าถือเป็นการได้ทำความรู้จักอินเดียอย่างเป็นทางการ และเป็นการเริ่มต้นที่ดี เอาไว้พบกันใหม่ .. ที่แปลว่าจะได้พบกันอีกนะจ๊ะ นายจ๋าาา จุฟๆ จินี่นะจ๊ะ มานะ ฮะฮะฮะฮาาาา

สรุปราคาทริปนี้ไม่เกิน9พันบาทไทย (รวมค่าวีซ่าเรียบร้อย) ไว้มารีวิวแยกขั้นตอนขอE-Visa indiaนะ ง่ายมากกกเว่อร์ ใครๆก็ทำได้ ^^