นิยาย Action Comedy "ลุยแดนมนุษย์กินคน" ตอน 2

กระทู้สนทนา
ตอน ๒  บ้านผู้จัดการเหมือง

สามหนุ่มใจหายวาบ นิตย์รีบยกมือคลำแขนขาตัวเอง

“โอ๊ย - อวัยวะส่วนไหนของกูจะถูกกินบ้างวะเนี่ย ยังไงก็กินอ้ายนาดก่อนละกัน”

นายโย่งโก๊ะสะดุ้งเฮือก

“อ้าว - ไอ้เวร พูดแบบอมหมาไว้ในปากนี่หว่า พวกมันจะกินใครก่อนใครหลัง ยังไงพวกเราก็ถูกกินอยู่ดีแหละโว้ย”

พัฒนะปลอบใจตัวเองให้เข้มแข็ง แล้วเอ่ยกับวาฮูตู

“ทำยังไงดีครับ ท่าทางพวกมันเอาจริงซะด้วย”

ผู้จัดการเหมืองเพชรเม้มปาก สายตามองกลุ่มคนป่าอย่างครุ่นคิด

“ผมจะลงไปเจรจา แต่ทุกคนต้องลงจากรถด้วยนะครับ ไม่งั้นพวกมันจะสงสัยว่าเราคิดสู้” แล้วเขาก็หันไปบอกโชเฟอร์ให้รับรู้เช่นเดียวกัน

“ถ้ามันไม่ยอมเจรจา...” สินาดเปรยขึ้น

“ไม่ยอม...พวกเราก็เหลือทางเลือกเดียวที่ปฏิเสธไม่ได้ คือเตรียมตัวลงหม้อต้มซุปหรือลงกระทะต้มน้ำเดือดของพวกมันสิครับ”

สามหนุ่มใจเต้นระทึก กลุ่มคนป่ายังส่งเสียงดังอยู่รอบรถและเต้นยักย้ายส่ายสะโพก ทุกคนยอมรับว่าไม่เคยเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงน่าหวาดหวั่นเช่นนี้มาก่อน

นายมะขามข้อเดียวเอื้อมมือเปิดประตูรถตู้และผลักเลื่อนไปจนสุด ไอเย็นจากแอร์ทำให้คนป่า ๓-๔ คนที่ยืนอยู่หน้าประตูตกใจผงะถอยออกไป เขายกแขนสองข้างในท่ายอมจำนนพร้อมก้าวลงจากรถ สามหนุ่มและคนขับทั้งสองคันกับคนงานอีก ๒ คนค่อยๆ ทยอยตามลงมาด้วยท่าทางเดียวกัน

หัวหน้ามนุษย์กินคนร่างสูงใหญ่เหมือนหมีควายยืนสองขา บนหัวสวมหมวกขนนกหลากสี เดินเข้ามาหากลุ่มเชลยแล้วยกหอกสั้นในมือชี้หน้าวาฮูตู แต่ผู้จัดการเหมืองรีบชิงพูดเสียก่อน

“เซกา นอคาย ปูนาคาเก มาดู มาดู”

“ตูตัน คาเมนู คูฟู กีซ่า อีจี๊ตู” หัวหน้าคนป่าตอบด้วยทุ้มห้าวและใบหน้าถทึง

แม้สถานการณ์จะตึงเครียดยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่สามหนุ่มเริ่มหายใจทั่วท้องมากขึ้น เมื่อเห็นหัวหน้าคนป่ายอมพูดกับวาฮูตู นิตย์กระซิบกับเพื่อนเกลอทั้งสอง

“ภาษาปาปัวฯ เนี่ย พูดไม่ยากว่ะ ตะกี๊คุณวาฮูคงจะบอกที่อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย มีปูนาขาเก ให้รีบมาดู แต่อ้ายหัวหน้าคนป่ามันคงอยากไปดูสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน และปิรามิดของพระเจ้าคูฟูที่เมืองกีซ่าประเทศอียิปต์มากกว่า” พูดจบนายร่างบอบบางก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก

สินาดยกศอกกระทุ้งหน้าอกเพื่อนเกลอ

“พวกเราจะรอดหรือจะเท่งทึงยังไม่รู้เลย แกยังมีอารมณ์สนุกพากย์ภาษาปาปัวฯ เป็นภาษาไทยอีกหรือวะ กันน่ะกลัวจนฉี่จะราดอยู่แล้ว”

พัฒนะจุ๊ปาก

“แกสองคนเงียบโว้ย ดูท่าไม่ดีซะแล้ว”

การพูดคุยระหว่างคนป่ากับคนเมืองเริ่มเสียงดัง ออกท่าออกทางมากขึ้น หัวหน้าเผ่ามนุษย์กินคนชี้หอกสั้นไปที่ภูเขาและพูดไม่ยอมหยุด วาฮูตูก็พูดแซงตลอดเวลา พร้อมยกมือสองข้างชี้ไปทางโน้นทางนี้ และชี้มาที่สามหนุ่มกับรถทั้งสองคัน ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มคนป่าที่รายล้อมอยู่

สักครู่การแย่งกันพูดก็ยุติ เมื่อวาฮูตูยกมือท่าปางห้ามญาติ เป็นสัญญาณให้หัวหน้าคนป่าสงบปาก เขาหันมาทางสามหนุ่ม

“ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วครับ การเจรจาบรรลุข้อตกลงอย่างราบรื่น ผมบอกว่าพวกคุณคือแขกสำคัญของผม”

สินาดมองกลุ่มมนุษย์กินคนอย่างหวาดๆ

“แน่ใจนะครับว่ากรณีพิพาทจบลงด้วยดี ผมเห็นเมื่อตะกี๊ยังเถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย”

“ชาวปาปัวฯ คุยกันเสียงดังแบบนี้แหละครับ ใครไม่รู้ก็เข้าใจว่าทะเลาะกัน เจ้าหัวหน้าคนป่าบอกเมื่ออาทิตย์ก่อนฝนตกหนักมาก คนในหมู่บ้านของเขาป่วยไข้ไม่สบายไปตามๆ กัน สมุนไพรที่เคยกินเคยใช้ก็ไม่ได้ผล จึงต้องลงมาดักคนจากในเมืองเพื่อขอยาฝรั่งไปบรรเทาอาการเจ็บป่วย”

“แม่เจ้าโว้ยยยย...” นิตย์ครางเสียงยาว “มาขอความช่วยเหลือทั้งที ดันยกพวกมาเป็นฝูง ยังกะจะมาปล้น เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อหมด”

สามหนุ่มถอนหายใจโล่งอก พัฒนะมองหน้าผู้จัดการเหมือง

“แล้วเราช่วยเขาได้หรือครับ หยูกยาเราก็ไม่มี”

วาฮูตูพยักหน้า

“ช่วยได้ครับ พอดีเมื่อตอนสายผมแวะซื้อยาและเวชภัณฑ์หลายชนิดก่อนไปสนามบิน เตรียมเอาไปใช้ที่เหมือง ยังไงผมขออนุญาตเอายาที่ว่านี้ให้พวกเขาสักสองสามลังนะครับ”

“คุณวาฮูเป็นผู้จัดการ ไม่ต้องขออนุญาตพวกผมหรอก” เปรตวัดสุทัศน์ฯ พูดโดยเร็ว “ตัดสินใจตามอำนาจหน้าที่เลย คนป่าพวกนี้จะได้กลับไปเสียที เห็นแล้วใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”

วาฮูตูตะโกนบอกลูกน้องของเขา ให้ช่วยกันยกลังยาจากรถปิกอัพมาไว้ที่นี่ ก่อนจะหันไปพูดกับหัวหน้าเผ่ามนุษย์กินคน เพียงครู่เดียวยาจำนวน ๓ ลังใหญ่ก็ถูกยกมา พอเห็นสิ่งที่ต้องการอยู่ตรงหน้า พวกคนป่าก็ลดอาวุธกับโล่ลงข้างตัวทันที

ผู้จัดการเหมืองเพชรอธิบายเกี่ยวกับยาทั้งสามลังนั้น เจ้าหัวขนนกพยักหน้าหงึกๆ แล้วตะโกนบอกสมุนทั้งหมด

“เอดูอาโด้ อาซ่า ซัปปาคอสต้า โมราต้า”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นทันที คนป่าสามคนรีบมาแบกลังยาขึ้นบ่า จากนั้นกลุ่มมนุษย์กินคนก็ทยอยกันล่าถอยกลับขึ้นไปบนเขา พอพวกมนุษย์กินคนลับจากสายตา สินาดก็หัวเราะลั่น

“ขำตะหวักตะบวยอะไรวะ” นิตย์ถามด้วยความแปลกใจ “หรือว่าพอรอดจากเท่งทึงอย่างหวุดหวิด เลยมีความสุข”

“กันขำตอนหัวหน้าคนป่ามันตะโกนบอกลูกน้อง ฮ่ะฮ่ะฮ่า มันขานชื่อนักเตะทีมเชลซีตั้งหลายคน”

“เออ - จริงว่ะ กันก็ได้ยินเหมือนกัน” พัฒนะพูดพลางหัวเราะ “ถ้ามันพูดยาวกว่านี้อีกสักหน่อย กันว่านักเตะหงส์แดงไม่งั้นก็เรือใบสีฟ้าได้มากันครบแน่”

แล้วสามหนุ่มก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน วาฮูตูไม่รู้เรื่องฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ แต่เมื่อเห็นทุกคนหัวเราะ เขาก็หัวเราะผสมโรงไปด้วย

รถทั้งสองเคลื่อนตัวไปตามถนน จนถึงทางเลี้ยวตรงมุมเชิงเขา ทุกคนมองเห็นบ้านหลังหนึ่งพร้อมโรงเรือนอีกหลายหลังบนพื้นที่ราบเบื้องหน้าไม่ไกลนัก

แต่แล้วก็มีเสียงกลองดังกระหึ่มขึ้นรอบทิศ ขณะที่บนเนินเขาขนานไปกับถนน มนุษย์กินคนกลุ่มเดิมกำลังวิ่งไล่ตามรถ เสียงโห่ร้องแสดงความฮึกเหิม หอกและโล่ถูกชูขึ้นจนเห็นชัด

“มันมากันอีกแล้วคุณวาฮู” นิตย์ชี้ออกไปนอกรถ “โว้ยยยย...อ้ายพวกนี้มันจะตามรังควานพวกเราไปถึงไหนวะเนี่ย เอ๊ะ - หรือเป็นคนป่าอีกกลุ่ม”

พัฒนะพูดเสริมขึ้น

“กลุ่มเก่าโว้ย นั่นไง - ไอ้หมีควายตัวเดิมวิ่งอยู่ข้างหน้า กันจำได้ เมื่อกี้นี้มันมาขอยา คราวนี้อาจจะมาขอหมอหรือพยาบาลก็ได้มั้ง”

วาฮูตูบอกโชเฟอร์รีบบึ่งรถไปที่บ้านพักของเขาโดยเร็ว เป็นเวลาเดียวกับที่พวกมนุษย์กินคนไถลตัวลงจากเนินเขาซึ่งเป็นทางใกล้บ้านก่อนรถจะไปถึง...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่