Day 2
เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา
อากาศยามเช้าเย็นสดชื่น เจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกล้วยไม้ป่าที่ลอยมาพร้อมสายลมแผ่ว สามหนุ่มกำลังแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงที่ผู้จัดการเหมืองจัดเตรียมให้ คือชุดลายพรางแบบทหาร
--- --- --- --- ---
หลังอาหารค่ำเมื่อวานเสร็จสิ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน แต่ไม่นานผู้จัดการเหมืองก็มาที่ห้องสามหนุ่ม พร้อมสาวใช้นำเสื้อกางเกง หมวกแก๊ป และรองเท้าจังเกิลบู๊ทพร้อมถุงเท้าเนื้อหนา อย่างละ ๓ ชุดมาด้วย
“พวกคุณสวมชุดที่เอามาจากเมืองไทยไม่ได้หรอกครับ” วาฮูตูกล่าว “การบุกป่าฝ่าดงต้องโดนกิ่งไม้เกี่ยวหรือหนามขีดข่วนตลอดทาง ไหนจะพวกทากพวกแมลงอีกต่างหาก เสื้อกางเกงรองเท้าดีๆ ราคาแพงของพวกคุณจะเสียหมด ผมเลยเตรียมชุดเดินป่ากับหมวกและรองเท้ามาให้”
สินาดมองเครื่องแต่งกายทั้งหมด
“คุณวาฮูรู้ไซส์พวกผมด้วยหรือครับ”
“แมรี่เขาถนัดเรื่องเสื้อผ้า มองออกว่าคนไหนควรใส่ไซส์ไหน แต่ถ้าลองแล้วไม่ได้ ไม่ว่าเสื้อกางเกงหรือถุงเท้ารองเท้า เอาให้สาวใช้ของผมดู เธอจะเข้าใจ เพราะผมสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีเสื้อผ้าแบบนี้หลายโหลครับ ทุกไซส์ก็ว่าได้ ไว้แจกคนงานเหมืองซึ่งตัวใหญ่ตัวเล็กไม่เท่ากัน”
สามหนุ่มกล่าวขอบคุณ แต่ก่อนนายผมหยิกจะออกจากห้อง เขาชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือ ๔-๕ เครื่องบนหัวเตียง แล้วบอกทั้งสามว่าไม่ต้องนำติดตัวไป เพราะที่เหมืองใช้วิทยุสื่อสารแบบวอล์กกี้ทอล์กกี้
--- --- --- --- ---
“เฮ้ย - แกสองคนเสร็จยังวะ” พัฒนะถามเพื่อนทั้งสอง “ตีสี่ครึ่งแล้ว รีบไปกันเถอะ อย่าให้คุณวาฮูต้องเป็นฝ่ายรอพวกเรา”
นิตย์มองกางเกงอ้ายหน้าหล่อแล้วพยักหน้าหงึก
“กันสองคนเสร็จแล้วโว้ย ว่าแต่แกดีกว่า ซิปกางเกงยังไม่รูดเลย”
เพียงครู่เดียวสามหนุ่มก็ถือเป้ออกจากห้องพักมาที่ห้องโถงใหญ่ พบผู้จัดการเหมืองกับโรสแมรี่นั่งที่โต๊ะอาหาร ต่างฝ่ายต่างทักทายกัน
“เชิญรับทานอาหารเช้าก่อนค่า” มาลีพูดยิ้มๆ “จะได้อิ่มๆ มีแรงเดินทาง”
บนโต๊ะมีกาแฟร้อนกับอาหารเช้าแบบฝรั่งและคุกกี้ สามหนุ่มนั่งลงยกกาแฟขึ้นจิบ พัฒนะกับสินาดปฏิเสธอาหารเพราะยังเช้าเกินไปสำหรับเขา แต่ก็หยิบคุกกี้กินพอเป็นมารยาท ส่วนนิตย์ฟาดทั้งไข่ดาว หมูแฮม และขนมปัง เพื่อรักษามารยาทด้วยการทำตามคำเชิญจากเจ้าของบ้าน
เมื่อสามหนุ่มและวาฮูตูรับประทานเสร็จ โรสแมรี่ก็หันไปพยักพเยิดให้สาวใช้คนหนึ่งนำถาดใส่แก้วน้ำรวม ๔ แก้วมาเสิร์ฟ วาฮูตูรีบพูดก่อนสามหนุ่มจะกล่าวถาม
“นี่คือน้ำสมุนไพรปาปัวฯ แช่เย็นครับ สรรพคุณแก้เมาเหล้าเมารถเมาเรือเมาคลื่นได้ชะงัดที่สุด คุณทั้งสามดื่มให้หมดจะช่วยเรื่องนี้ได้”
“พวกผมไม่เคยเมาคลื่นครับ” สินาดโม้ “เคยนั่งเรือในทะเลบ่อยๆ จนชินกับทะเลแล้ว”
นายผมหยิกยิ้ม
“ไม่ใช่ผมไม่เชื่อที่คุณสินาดพูดนะครับ แต่การเดินทางไปเกาะตาปูเช เราต้องอยู่บนเรือที่แล่นกลางทะเลตั้งห้าหกชั่วโมง ต้องเจอคลื่นลมแรงตลอดเวลา ยังไงพวกคุณต้องเมาคลื่นแน่นอน เชื่อผมเถอะ”
“จริงโว้ยอ้ายนาด” นิตย์ว่า “คุณวาฮูเขารู้อะไรเป็นอะไร อ้ายทะเลที่พวกเราเคยไป มันนั่งเรือแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ฉะนั้นพวกเราจงเชื่อฟังคุณวาฮูและปฏิบัติตามเสียโดยดี”
พูดจบนายร่างเล็กก็ยกแก้วน้ำสมุนไพรขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วทำเสียงแฮ่บอกความชื่นใจ พัฒนะดื่มตามบ้าง สินาดทำท่าลังเลสักครู่จึงยกแก้วขึ้นจิบแล้วดื่มจนหมด
“รสเฝื่อนๆ ขมๆ บอกไม่ถูก” นายโย่งโก๊ะพูดพลางทำหน้าเหยเก
นายหน้าหล่อกล่าวกับมาลี
“เฝื่อนจริงแต่พอทานได้ครับ คล้ายๆ น้ำใบย่านางที่เมืองไทย”
“อ๋อ ใช่ค่ะ รสคล้ายใบย่านาง” มาลีพูดเสริมขึ้น “แต่สมุนไพรตัวนี้จะเข้มกว่า ใครจะเติมอีกก็ได้นะคะ อีชั้นทำแช่ตู้เย็นไว้หลายขวด”
พัฒนะยกมือในท่าห้าม
“แก้วเดียวพอครับคุณป้า เชื่อว่าแค่นี้ก็คงกันเมาคลื่นได้แล้ว”
วาฮูตูยกแก้วสมุนไพรขึ้นดื่ม แล้วมองนาฬืกาบนผนังบ้าน
“เราไปหน้าบ้านกันเถอะครับ ป่านนี้รถคงมาแล้ว”
สามหนุ่มลุกจากโต๊ะ กล่าวขอบคุณโรสแมรี่ คุณเธอรีบเดินไปหยิบกล่องพลาสติกค่อนข้างใหญ่บนเคาน์เตอร์มาให้สามี
“พี่วาฮู ในนี้มีแซนด์วิชกับของขบเคี้ยวแล้วก็ชากาแฟ แมรี่ทำไว้ให้ทุกคนกินบนเรือ”
ผู้จัดการเอียงตัวหอมแก้มภรรยา เสร็จแล้วหันมายักคิ้วให้สามหนุ่ม
“เมียผมเค้ารอบคอบเสมอครับ เรื่องอาหารการกินไม่เคยลืม”
ทั้งหมดเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นรถปิกอัพคันเดิมที่ไปสนามบินจอดรออยู่ คนขับร่างผอมสูงตัวดำปี๋ยืนสูบบุหรี่มวนโตอยู่ข้างรถ คณะเดินทางก้าวลงจากเทอเรส โรสแมรี่เดินตามมาส่งพลางโบกมือให้
“บายค่ะทุกคน เดินทางไปกลับปลอดภัยนะค้า”
นายร่างเล็กโบกมือตอบปลาพะยูน
“ขอบคุณครับ คุณป้าอยู่ทางนี้ต้องทานอาหารมากๆ นะครับ ทานน้อยเดี๋ยวผอมแย่ ฮ่ะฮ่ะฮ่า”
--- --- --- --- ---
ริมแม่น้ำซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือเป็นโรงเรือนสองหลัง ด้านหลังมีจานดาวเทียมขนาดใหญ่ มีโรงเก็บเรือยาวขนานไปกับตลิ่ง
ผู้จัดการเหมืองอธิบายว่าเรือนไม้หลังแรกคือศูนย์ดาวเทียม ใช้ติดต่อระหว่างฝั่งกับเหมืองเพชรที่เกาะตาปูเช เรือนหลังในเป็นบ้านพักพนักงานและคนงานอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่สารพัดรวมทั้งขับเรือด้วย
“จานดาวเทียมนี้ใหญ่พอๆ กับจานดาวเทียมตามสถานีสื่อสารโทรคมนาคมครับ” เขาอธิบาย “รับสัญญาณได้ทุกชนิด ไม่ว่าวิทยุหรือโทรทัศน์ แต่วันไหนอากาศแปรปรวนก็มีปัญหาเหมือนกัน”
ตามเวลาที่กล่าวนี้ พาหนะไปเกาะตาปูเชจอดเทียบท่าอยู่แล้ว ลักษณะของมันคือเรือยอชต์นั่นเอง รูปทรงสวยงามทันสมัย ยาวประมาณ 30 เมตร สั่งต่อจากอู่เรือในประเทศอิตาลีตามสเปกที่ต้องการ ตัวเรือสีขาวคาดน้ำเงิน หลังคาสีขาว หัวเรือมีอักษร MTBD 3 ตัวย่อของเหมืองเพชรมาเทบูดูและเป็นลำที่ ๓ และธงสีขาวกับน้ำเงินแบบทแยงมุม
นายผมหยิกซึ่งอยู่ในชุดเดินป่าเช่นเดียวกับสามหนุ่ม ค่อยๆ เดินลงจากไหล่ทางไปยังท่าเรือด้านล่าง สามหนุ่มตามไปติดๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ลูกน้องวาฮูตูรวม ๔ คน ทยอยกันออกมาจากโรงเรือนหลังแรก หนึ่งในนั้นมีอ้ายหมีควายรวมอยู่ด้วย
เมื่อทุกคนมาถึงท่าน้ำ เจ้าหมีควายหัวหน้าคนงานก็ปราดเข้ามาต้อนรับ
“ผมเอาของทั้งหมดลงเรือแล้วครับ นายมีอะไรจะสั่งการอีกหรือเปล่า”
วาฮูตูยื่นกล่องแซนด์วิชให้อ้ายร่างยักษ์
“โอเค - เอากล่องนี้ไปไว้ในเรือ แล้วเอ็งกับพวกช่วยกันตรวจความเรียบร้อยทั้งหมดอีกครั้ง เรือออกแล้วลืมโน่นลืมนี่ เอ็งจะโดนข้าเตะเป็นคนแรก”
ผู้จัดการเหมืองให้สามหนุ่มไปขึ้นเรือก่อน ส่วนเขาเข้าไปในศูนย์ดาวเทียมเพื่อดูว่าทางเหมืองมีรายงานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ สักครู่ใหญ่ๆ ก็ออกจากโรงเรือนนั้นและเดินมาขึ้นเรือ ตะโกนบอกให้ออกเดินทางได้
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม คนงาน ๒ คนช่วยกันปลดเชือกที่ล่ามเรือไว้ทั้งหัวและท้าย แล้วกระโดดขึ้นเรือ ขณะที่เรือเบนหัวออกจากท่า
สามหนุ่มเดินดูทั่วเรือ ห้องภายในเคบินมีลักษณะเปิดโล่งด้านท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับรับประทานอาหารและเตรียมอาหาร เมื่อประตูเคบินเข้ามาด้านในเป็นห้องกว้าง ตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ชั้นดี โซฟายาวหนังแท้สีน้ำตาลนั่งนุ่มสบาย มีห้องนอนขนาดใหญ่ ๒ ห้อง ห้องน้ำ ๒ ห้อง และห้องนอนขนาดเล็กอีก ๒ ห้อง ทุกห้องภายในเคบินติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และระบบให้ความบันเทิงครบครัน เช่น เครื่องเสียงแม็คอินทอช พร้อมจอภาพแอลอีดี-ดีวีดี ส่วนห้องพักลูกเรืออยู่ชั้นล่างสุด
ชั้นบนเป็นส่วนควบคุมพังงาหรือค็อกพิต เป็นสะพานเดินเรือแบบปิด ตำแหน่งใกล้กับศูนย์กลางของตัวเรือ ใช้อุปกรณ์ในการนำร่องแบบดิจิตอลระบบออโต้ไพล็อต พร้อมระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม เรดาร์ โซน่า และซาวเดอร์รุ่นล่าสุด
“เรืออย่างหรูเลยนะครับเนี่ย” สินาดเอ่ยขึ้นพลางจุ๊ปากติดๆ กัน ๒๔ ครั้ง “ราคาน่าจะหลายสิบล้าน”
“หลายร้อยครับ ไม่ใช่หลายสิบ” วาฮูตูตอบ “เรากำหนดสเปกเองราคาจึงแพงกว่าปกติ ลำนี้ตกราวๆ ๑๒.๕ ล้านยูโรหรือ ๒๕๐ ล้านบาทครับ”
นิตย์ทำตาเหลือก
“สองร้อยห้าสิบล้าน รวมส่วนต่างด้วยหรือเปล่าครับ”
ผู้จัดการเหมืองทำคอย่น
“ไม่มีส่วนต่างครับ แหม - คุณนิตย์พูดยังกับผมได้เงินทอนเข้ากระเป๋ายังงั้นแหละ เรือลำนี้คุณท่านคุณพ่อของพวกคุณติดต่อสั่งซื้อเองทั้งหมดครับ ตั้งแต่เลือกประเทศผู้ผลิต เลือกรูปแบบเรือ เลือกรุ่น กำหนดสเปก ต่อรองราคา ผมแค่คนประสานงานและตรวจรับเรือเท่านั้น”
นายร่างเล็กยิ้มแห้งๆ
“ผมกระเซ้าเล่นอ่ะครับ เพราะสมัยนี้จะจัดซื้อจัดจ้างอะไรมักจะมีส่วนต่างเยอะเสมอ ผู้เกี่ยวข้องเลยปากมันแผล็บ อ้วนพีไปตามๆ กัน”
พัฒนะมองไปรอบๆ
“หรูขนาดนี้น่าจะเรียกเรือยอชต์มากกว่าเรือเร็วนะคุณวาฮู”
ผู้จัดการเหมืองหันมาทางนายหน้าหล่อ
“จริงๆ ก็เรือยอชต์นั่นแหละคุณพัฒนะ แต่ผมใช้คำว่าเรือเร็วแทน เพราะเรือยอชต์มันสื่อความหมายไปในทางเรือสำราญใช้สำหรับท่องเที่ยว แต่ของเรามันเป็นเรือใช้งานครับ ผมเลยไม่อยากเรียกเรือยอชต์”
ผู้จัดการเหมืองขอตัวออกไปตรวจความเรียบร้อย และตรวจสัมภาระต่างๆ สามหนุ่มนั่งเคียงข้างกันบนโซฟา พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นที่ได้ขึ้นมาอยู่บนเรือหรูราคาแพงลำนี้
เมื่อเรือเร็วออกพ้นปากแม่น้ำเข้าสู่ทะเล ขณะที่ฟ้าสว่างเต็มที่แล้ว สามหนุ่มก็ไปที่ดาดฟ้าเรือ มองเห็นเรือต่างๆ หลายลำแล่นไปมาบนท้องน้ำ สามหนุ่มโบกมือให้เรือเหล่านั้นด้วยความสนุกสนาน
แต่พอเรือ MTBD 3 เริ่มทวีความเร็วจนหัวเรือลอยอยู่เหนือผิวน้ำ แผ่นดินที่เป็นชายฝั่งและเมืองก็เริ่มเล็กลง ห่างไกลจากสายตามากขึ้น เรืออื่นๆ เหลือน้อยลำจนไม่เหลือแม้แต่ลำเดียว เพราะ MTBD 3 วิ่งในเส้นทางของตัวเองด้วยระบบออโต้ไพล็อต...
To be continued
นิยาย Action Comedy "ลุยแดนมนุษย์กินคน" ตอน 5
เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา
อากาศยามเช้าเย็นสดชื่น เจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกล้วยไม้ป่าที่ลอยมาพร้อมสายลมแผ่ว สามหนุ่มกำลังแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงที่ผู้จัดการเหมืองจัดเตรียมให้ คือชุดลายพรางแบบทหาร
--- --- --- --- ---
หลังอาหารค่ำเมื่อวานเสร็จสิ้น ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน แต่ไม่นานผู้จัดการเหมืองก็มาที่ห้องสามหนุ่ม พร้อมสาวใช้นำเสื้อกางเกง หมวกแก๊ป และรองเท้าจังเกิลบู๊ทพร้อมถุงเท้าเนื้อหนา อย่างละ ๓ ชุดมาด้วย
“พวกคุณสวมชุดที่เอามาจากเมืองไทยไม่ได้หรอกครับ” วาฮูตูกล่าว “การบุกป่าฝ่าดงต้องโดนกิ่งไม้เกี่ยวหรือหนามขีดข่วนตลอดทาง ไหนจะพวกทากพวกแมลงอีกต่างหาก เสื้อกางเกงรองเท้าดีๆ ราคาแพงของพวกคุณจะเสียหมด ผมเลยเตรียมชุดเดินป่ากับหมวกและรองเท้ามาให้”
สินาดมองเครื่องแต่งกายทั้งหมด
“คุณวาฮูรู้ไซส์พวกผมด้วยหรือครับ”
“แมรี่เขาถนัดเรื่องเสื้อผ้า มองออกว่าคนไหนควรใส่ไซส์ไหน แต่ถ้าลองแล้วไม่ได้ ไม่ว่าเสื้อกางเกงหรือถุงเท้ารองเท้า เอาให้สาวใช้ของผมดู เธอจะเข้าใจ เพราะผมสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว ที่นี่มีเสื้อผ้าแบบนี้หลายโหลครับ ทุกไซส์ก็ว่าได้ ไว้แจกคนงานเหมืองซึ่งตัวใหญ่ตัวเล็กไม่เท่ากัน”
สามหนุ่มกล่าวขอบคุณ แต่ก่อนนายผมหยิกจะออกจากห้อง เขาชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือ ๔-๕ เครื่องบนหัวเตียง แล้วบอกทั้งสามว่าไม่ต้องนำติดตัวไป เพราะที่เหมืองใช้วิทยุสื่อสารแบบวอล์กกี้ทอล์กกี้
--- --- --- --- ---
“เฮ้ย - แกสองคนเสร็จยังวะ” พัฒนะถามเพื่อนทั้งสอง “ตีสี่ครึ่งแล้ว รีบไปกันเถอะ อย่าให้คุณวาฮูต้องเป็นฝ่ายรอพวกเรา”
นิตย์มองกางเกงอ้ายหน้าหล่อแล้วพยักหน้าหงึก
“กันสองคนเสร็จแล้วโว้ย ว่าแต่แกดีกว่า ซิปกางเกงยังไม่รูดเลย”
เพียงครู่เดียวสามหนุ่มก็ถือเป้ออกจากห้องพักมาที่ห้องโถงใหญ่ พบผู้จัดการเหมืองกับโรสแมรี่นั่งที่โต๊ะอาหาร ต่างฝ่ายต่างทักทายกัน
“เชิญรับทานอาหารเช้าก่อนค่า” มาลีพูดยิ้มๆ “จะได้อิ่มๆ มีแรงเดินทาง”
บนโต๊ะมีกาแฟร้อนกับอาหารเช้าแบบฝรั่งและคุกกี้ สามหนุ่มนั่งลงยกกาแฟขึ้นจิบ พัฒนะกับสินาดปฏิเสธอาหารเพราะยังเช้าเกินไปสำหรับเขา แต่ก็หยิบคุกกี้กินพอเป็นมารยาท ส่วนนิตย์ฟาดทั้งไข่ดาว หมูแฮม และขนมปัง เพื่อรักษามารยาทด้วยการทำตามคำเชิญจากเจ้าของบ้าน
เมื่อสามหนุ่มและวาฮูตูรับประทานเสร็จ โรสแมรี่ก็หันไปพยักพเยิดให้สาวใช้คนหนึ่งนำถาดใส่แก้วน้ำรวม ๔ แก้วมาเสิร์ฟ วาฮูตูรีบพูดก่อนสามหนุ่มจะกล่าวถาม
“นี่คือน้ำสมุนไพรปาปัวฯ แช่เย็นครับ สรรพคุณแก้เมาเหล้าเมารถเมาเรือเมาคลื่นได้ชะงัดที่สุด คุณทั้งสามดื่มให้หมดจะช่วยเรื่องนี้ได้”
“พวกผมไม่เคยเมาคลื่นครับ” สินาดโม้ “เคยนั่งเรือในทะเลบ่อยๆ จนชินกับทะเลแล้ว”
นายผมหยิกยิ้ม
“ไม่ใช่ผมไม่เชื่อที่คุณสินาดพูดนะครับ แต่การเดินทางไปเกาะตาปูเช เราต้องอยู่บนเรือที่แล่นกลางทะเลตั้งห้าหกชั่วโมง ต้องเจอคลื่นลมแรงตลอดเวลา ยังไงพวกคุณต้องเมาคลื่นแน่นอน เชื่อผมเถอะ”
“จริงโว้ยอ้ายนาด” นิตย์ว่า “คุณวาฮูเขารู้อะไรเป็นอะไร อ้ายทะเลที่พวกเราเคยไป มันนั่งเรือแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย ฉะนั้นพวกเราจงเชื่อฟังคุณวาฮูและปฏิบัติตามเสียโดยดี”
พูดจบนายร่างเล็กก็ยกแก้วน้ำสมุนไพรขึ้นดื่มรวดเดียวหมด แล้วทำเสียงแฮ่บอกความชื่นใจ พัฒนะดื่มตามบ้าง สินาดทำท่าลังเลสักครู่จึงยกแก้วขึ้นจิบแล้วดื่มจนหมด
“รสเฝื่อนๆ ขมๆ บอกไม่ถูก” นายโย่งโก๊ะพูดพลางทำหน้าเหยเก
นายหน้าหล่อกล่าวกับมาลี
“เฝื่อนจริงแต่พอทานได้ครับ คล้ายๆ น้ำใบย่านางที่เมืองไทย”
“อ๋อ ใช่ค่ะ รสคล้ายใบย่านาง” มาลีพูดเสริมขึ้น “แต่สมุนไพรตัวนี้จะเข้มกว่า ใครจะเติมอีกก็ได้นะคะ อีชั้นทำแช่ตู้เย็นไว้หลายขวด”
พัฒนะยกมือในท่าห้าม
“แก้วเดียวพอครับคุณป้า เชื่อว่าแค่นี้ก็คงกันเมาคลื่นได้แล้ว”
วาฮูตูยกแก้วสมุนไพรขึ้นดื่ม แล้วมองนาฬืกาบนผนังบ้าน
“เราไปหน้าบ้านกันเถอะครับ ป่านนี้รถคงมาแล้ว”
สามหนุ่มลุกจากโต๊ะ กล่าวขอบคุณโรสแมรี่ คุณเธอรีบเดินไปหยิบกล่องพลาสติกค่อนข้างใหญ่บนเคาน์เตอร์มาให้สามี
“พี่วาฮู ในนี้มีแซนด์วิชกับของขบเคี้ยวแล้วก็ชากาแฟ แมรี่ทำไว้ให้ทุกคนกินบนเรือ”
ผู้จัดการเอียงตัวหอมแก้มภรรยา เสร็จแล้วหันมายักคิ้วให้สามหนุ่ม
“เมียผมเค้ารอบคอบเสมอครับ เรื่องอาหารการกินไม่เคยลืม”
ทั้งหมดเดินออกมาหน้าบ้าน เห็นรถปิกอัพคันเดิมที่ไปสนามบินจอดรออยู่ คนขับร่างผอมสูงตัวดำปี๋ยืนสูบบุหรี่มวนโตอยู่ข้างรถ คณะเดินทางก้าวลงจากเทอเรส โรสแมรี่เดินตามมาส่งพลางโบกมือให้
“บายค่ะทุกคน เดินทางไปกลับปลอดภัยนะค้า”
นายร่างเล็กโบกมือตอบปลาพะยูน
“ขอบคุณครับ คุณป้าอยู่ทางนี้ต้องทานอาหารมากๆ นะครับ ทานน้อยเดี๋ยวผอมแย่ ฮ่ะฮ่ะฮ่า”
--- --- --- --- ---
ริมแม่น้ำซึ่งเป็นจุดขึ้นเรือเป็นโรงเรือนสองหลัง ด้านหลังมีจานดาวเทียมขนาดใหญ่ มีโรงเก็บเรือยาวขนานไปกับตลิ่ง
ผู้จัดการเหมืองอธิบายว่าเรือนไม้หลังแรกคือศูนย์ดาวเทียม ใช้ติดต่อระหว่างฝั่งกับเหมืองเพชรที่เกาะตาปูเช เรือนหลังในเป็นบ้านพักพนักงานและคนงานอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่สารพัดรวมทั้งขับเรือด้วย
“จานดาวเทียมนี้ใหญ่พอๆ กับจานดาวเทียมตามสถานีสื่อสารโทรคมนาคมครับ” เขาอธิบาย “รับสัญญาณได้ทุกชนิด ไม่ว่าวิทยุหรือโทรทัศน์ แต่วันไหนอากาศแปรปรวนก็มีปัญหาเหมือนกัน”
ตามเวลาที่กล่าวนี้ พาหนะไปเกาะตาปูเชจอดเทียบท่าอยู่แล้ว ลักษณะของมันคือเรือยอชต์นั่นเอง รูปทรงสวยงามทันสมัย ยาวประมาณ 30 เมตร สั่งต่อจากอู่เรือในประเทศอิตาลีตามสเปกที่ต้องการ ตัวเรือสีขาวคาดน้ำเงิน หลังคาสีขาว หัวเรือมีอักษร MTBD 3 ตัวย่อของเหมืองเพชรมาเทบูดูและเป็นลำที่ ๓ และธงสีขาวกับน้ำเงินแบบทแยงมุม
นายผมหยิกซึ่งอยู่ในชุดเดินป่าเช่นเดียวกับสามหนุ่ม ค่อยๆ เดินลงจากไหล่ทางไปยังท่าเรือด้านล่าง สามหนุ่มตามไปติดๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ลูกน้องวาฮูตูรวม ๔ คน ทยอยกันออกมาจากโรงเรือนหลังแรก หนึ่งในนั้นมีอ้ายหมีควายรวมอยู่ด้วย
เมื่อทุกคนมาถึงท่าน้ำ เจ้าหมีควายหัวหน้าคนงานก็ปราดเข้ามาต้อนรับ
“ผมเอาของทั้งหมดลงเรือแล้วครับ นายมีอะไรจะสั่งการอีกหรือเปล่า”
วาฮูตูยื่นกล่องแซนด์วิชให้อ้ายร่างยักษ์
“โอเค - เอากล่องนี้ไปไว้ในเรือ แล้วเอ็งกับพวกช่วยกันตรวจความเรียบร้อยทั้งหมดอีกครั้ง เรือออกแล้วลืมโน่นลืมนี่ เอ็งจะโดนข้าเตะเป็นคนแรก”
ผู้จัดการเหมืองให้สามหนุ่มไปขึ้นเรือก่อน ส่วนเขาเข้าไปในศูนย์ดาวเทียมเพื่อดูว่าทางเหมืองมีรายงานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ สักครู่ใหญ่ๆ ก็ออกจากโรงเรือนนั้นและเดินมาขึ้นเรือ ตะโกนบอกให้ออกเดินทางได้
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม คนงาน ๒ คนช่วยกันปลดเชือกที่ล่ามเรือไว้ทั้งหัวและท้าย แล้วกระโดดขึ้นเรือ ขณะที่เรือเบนหัวออกจากท่า
สามหนุ่มเดินดูทั่วเรือ ห้องภายในเคบินมีลักษณะเปิดโล่งด้านท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับรับประทานอาหารและเตรียมอาหาร เมื่อประตูเคบินเข้ามาด้านในเป็นห้องกว้าง ตกแต่งด้วยฟอร์นิเจอร์ชั้นดี โซฟายาวหนังแท้สีน้ำตาลนั่งนุ่มสบาย มีห้องนอนขนาดใหญ่ ๒ ห้อง ห้องน้ำ ๒ ห้อง และห้องนอนขนาดเล็กอีก ๒ ห้อง ทุกห้องภายในเคบินติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และระบบให้ความบันเทิงครบครัน เช่น เครื่องเสียงแม็คอินทอช พร้อมจอภาพแอลอีดี-ดีวีดี ส่วนห้องพักลูกเรืออยู่ชั้นล่างสุด
ชั้นบนเป็นส่วนควบคุมพังงาหรือค็อกพิต เป็นสะพานเดินเรือแบบปิด ตำแหน่งใกล้กับศูนย์กลางของตัวเรือ ใช้อุปกรณ์ในการนำร่องแบบดิจิตอลระบบออโต้ไพล็อต พร้อมระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม เรดาร์ โซน่า และซาวเดอร์รุ่นล่าสุด
“เรืออย่างหรูเลยนะครับเนี่ย” สินาดเอ่ยขึ้นพลางจุ๊ปากติดๆ กัน ๒๔ ครั้ง “ราคาน่าจะหลายสิบล้าน”
“หลายร้อยครับ ไม่ใช่หลายสิบ” วาฮูตูตอบ “เรากำหนดสเปกเองราคาจึงแพงกว่าปกติ ลำนี้ตกราวๆ ๑๒.๕ ล้านยูโรหรือ ๒๕๐ ล้านบาทครับ”
นิตย์ทำตาเหลือก
“สองร้อยห้าสิบล้าน รวมส่วนต่างด้วยหรือเปล่าครับ”
ผู้จัดการเหมืองทำคอย่น
“ไม่มีส่วนต่างครับ แหม - คุณนิตย์พูดยังกับผมได้เงินทอนเข้ากระเป๋ายังงั้นแหละ เรือลำนี้คุณท่านคุณพ่อของพวกคุณติดต่อสั่งซื้อเองทั้งหมดครับ ตั้งแต่เลือกประเทศผู้ผลิต เลือกรูปแบบเรือ เลือกรุ่น กำหนดสเปก ต่อรองราคา ผมแค่คนประสานงานและตรวจรับเรือเท่านั้น”
นายร่างเล็กยิ้มแห้งๆ
“ผมกระเซ้าเล่นอ่ะครับ เพราะสมัยนี้จะจัดซื้อจัดจ้างอะไรมักจะมีส่วนต่างเยอะเสมอ ผู้เกี่ยวข้องเลยปากมันแผล็บ อ้วนพีไปตามๆ กัน”
พัฒนะมองไปรอบๆ
“หรูขนาดนี้น่าจะเรียกเรือยอชต์มากกว่าเรือเร็วนะคุณวาฮู”
ผู้จัดการเหมืองหันมาทางนายหน้าหล่อ
“จริงๆ ก็เรือยอชต์นั่นแหละคุณพัฒนะ แต่ผมใช้คำว่าเรือเร็วแทน เพราะเรือยอชต์มันสื่อความหมายไปในทางเรือสำราญใช้สำหรับท่องเที่ยว แต่ของเรามันเป็นเรือใช้งานครับ ผมเลยไม่อยากเรียกเรือยอชต์”
ผู้จัดการเหมืองขอตัวออกไปตรวจความเรียบร้อย และตรวจสัมภาระต่างๆ สามหนุ่มนั่งเคียงข้างกันบนโซฟา พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นที่ได้ขึ้นมาอยู่บนเรือหรูราคาแพงลำนี้
เมื่อเรือเร็วออกพ้นปากแม่น้ำเข้าสู่ทะเล ขณะที่ฟ้าสว่างเต็มที่แล้ว สามหนุ่มก็ไปที่ดาดฟ้าเรือ มองเห็นเรือต่างๆ หลายลำแล่นไปมาบนท้องน้ำ สามหนุ่มโบกมือให้เรือเหล่านั้นด้วยความสนุกสนาน
แต่พอเรือ MTBD 3 เริ่มทวีความเร็วจนหัวเรือลอยอยู่เหนือผิวน้ำ แผ่นดินที่เป็นชายฝั่งและเมืองก็เริ่มเล็กลง ห่างไกลจากสายตามากขึ้น เรืออื่นๆ เหลือน้อยลำจนไม่เหลือแม้แต่ลำเดียว เพราะ MTBD 3 วิ่งในเส้นทางของตัวเองด้วยระบบออโต้ไพล็อต...
To be continued