ธรรมชาติ 2 แต่สัตว์ทั้งหลายย้ังข้องอยู่ในฝ่ายธรรมชาติ สังขตธาตุ มีส่วนน้อยยิ่งที่ข้ามฝั่งบรรลุถึง อสังขตธาตุ(นิพพาน)
เพราะต้องปฏิบัติธรรมอย่างปรานิตและยิ่งยวดจนสละทิ้งแม้กระทั่งชีวิตอันเป็น รูป-นาม (กายและใจ) นี้ ด้วยเห็นทุกข์ เบื่อหน่าย คลายกำหนด ในชีวิตสังขารอย่างแท้จริงอย่างยิ่ง เพื่อหลุดเพื่อพ้นเพื่อข้าม บรรลุอสังขตธรรม ไปตามลำดับของพระอริยะบุคคล
วิธีปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสสอนไว้แล้วคือ สติปัฏฐาน 4 อันเป็นทางสายเอก ได้แก่
1.พิจารณา กาย ใน กาย
2.พิจารณา เวทนา ใน เวทนา
3.พิจารณา จิต ใน จิต
4.พิจารณา ธรรม ใน ธรรม
ที่ต้องอาศัยธรรมเหล่านี้ มาช่วยในในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ให้เจริญสมบูรณ์ ยิ่งๆ ขึ้นๆ ไปตามสภาวะธรรม ธรราเหล่านั้นที่ทำให้การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เจริญยิ่งๆ ขึ้นได้แก่.
พละ 5 (สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร) ที่ต้องทำให้เจริญขึ้นอย่างสมบูรณ์และสมดุลย์ ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4
อธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) ยกเข้าสู่การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 อยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ
สัมมัปปทาน 4 1.ระงับกิเลสที่ปรากฏให้บรรเทาดับไป 2.ไม่น้อมนำกิเลสที่ยังไม่ปรากฏปรากฏขึ้น 3.รักษากุศลธรรมที่มีอยู่ดำรงณ์อยู่ได้ 4.น้อมนำกุศลธรรมธรรมให้เจริญยิ่งขึ้น
อินทรีย์ 5 ดำรงอินทรีย์ทั้ง 5 ได้แก่ สติอินทรีย์ สมาธิอินทรีย์ ปัญญาอินทรีย์ ศรัทธาอินทรีย์ เพียรอินทรีย์ เจริญขึ้นอย่างเหมาะสมสมดุลย์กัน ตามฐานะพื้นฐานของตน(บุคคล)
เมื่อปฏิบัติใช้ธรรมเหล่านั้นในการปฏิบัติสติปัฏฐานะ 4 อย่างปรานิต อย่างยิ่ง อย่างยิ่งยวด อย่างสมบูรณ์ ย่อมทำให้ สติปัฏฐานทั้ง 4 นั้น สมบูรณ์
เมื่อสติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์ ย่อมทำให้ โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์
เมื่อโพชฌงค์ 7 สมบูรณ์ ย่อมทำให้มรรคองค์ 8 สมบูรณ์
หรือกล่าวย้อนกลับให้ทราบว่า มรรคมีองค์ 8 และ/หรือ โพชฌงค์ 7 ไม่มีทางเจริญขึ้นได้ หรือสมบูรณ์ขึ้นได้ ถ้าสติปัฏฐาน 4 ไม่สมบูรณ์นั้นเอง
หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่ง มรรคมีองค์ 8 ย่อมไม่เจริญขึ้นได้เลย ถ้าขาด การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 อย่างถูกต้อ นั้นเอง.
ธรรมชาติ 2 แต่สัตว์ทั้งหลายย้ังข้องอยู่ในฝ่ายธรรมชาติ สังขตธาตุ มีส่วนน้อยยิ่งที่ข้ามฝั่งบรรลุถึง อสังขตธาตุ
เพราะต้องปฏิบัติธรรมอย่างปรานิตและยิ่งยวดจนสละทิ้งแม้กระทั่งชีวิตอันเป็น รูป-นาม (กายและใจ) นี้ ด้วยเห็นทุกข์ เบื่อหน่าย คลายกำหนด ในชีวิตสังขารอย่างแท้จริงอย่างยิ่ง เพื่อหลุดเพื่อพ้นเพื่อข้าม บรรลุอสังขตธรรม ไปตามลำดับของพระอริยะบุคคล
วิธีปฏิบัติธรรม พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสสอนไว้แล้วคือ สติปัฏฐาน 4 อันเป็นทางสายเอก ได้แก่
1.พิจารณา กาย ใน กาย
2.พิจารณา เวทนา ใน เวทนา
3.พิจารณา จิต ใน จิต
4.พิจารณา ธรรม ใน ธรรม
ที่ต้องอาศัยธรรมเหล่านี้ มาช่วยในในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ให้เจริญสมบูรณ์ ยิ่งๆ ขึ้นๆ ไปตามสภาวะธรรม ธรราเหล่านั้นที่ทำให้การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 เจริญยิ่งๆ ขึ้นได้แก่.
พละ 5 (สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร) ที่ต้องทำให้เจริญขึ้นอย่างสมบูรณ์และสมดุลย์ ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4
อธิบาท 4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) ยกเข้าสู่การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 อยู่เนื่องๆ ไม่ทอดธุระ
สัมมัปปทาน 4 1.ระงับกิเลสที่ปรากฏให้บรรเทาดับไป 2.ไม่น้อมนำกิเลสที่ยังไม่ปรากฏปรากฏขึ้น 3.รักษากุศลธรรมที่มีอยู่ดำรงณ์อยู่ได้ 4.น้อมนำกุศลธรรมธรรมให้เจริญยิ่งขึ้น
อินทรีย์ 5 ดำรงอินทรีย์ทั้ง 5 ได้แก่ สติอินทรีย์ สมาธิอินทรีย์ ปัญญาอินทรีย์ ศรัทธาอินทรีย์ เพียรอินทรีย์ เจริญขึ้นอย่างเหมาะสมสมดุลย์กัน ตามฐานะพื้นฐานของตน(บุคคล)
เมื่อปฏิบัติใช้ธรรมเหล่านั้นในการปฏิบัติสติปัฏฐานะ 4 อย่างปรานิต อย่างยิ่ง อย่างยิ่งยวด อย่างสมบูรณ์ ย่อมทำให้ สติปัฏฐานทั้ง 4 นั้น สมบูรณ์
เมื่อสติปัฏฐาน 4 สมบูรณ์ ย่อมทำให้ โพชฌงค์ 7 สมบูรณ์
เมื่อโพชฌงค์ 7 สมบูรณ์ ย่อมทำให้มรรคองค์ 8 สมบูรณ์
หรือกล่าวย้อนกลับให้ทราบว่า มรรคมีองค์ 8 และ/หรือ โพชฌงค์ 7 ไม่มีทางเจริญขึ้นได้ หรือสมบูรณ์ขึ้นได้ ถ้าสติปัฏฐาน 4 ไม่สมบูรณ์นั้นเอง
หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่ง มรรคมีองค์ 8 ย่อมไม่เจริญขึ้นได้เลย ถ้าขาด การปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 อย่างถูกต้อ นั้นเอง.