https://ppantip.com/topic/37285097
คุณรักจริงหวังแต่ง ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า
แรกเลย อยากบอกคุณรักจริงหวังแต่งว่า เรื่องการฟ้องร้องนี่
ไม่ใช่เรื่องมิตรเรื่องศัตรูหรอกครับ แต่เป็นเรื่องพึ่งพากระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความจริง หรือเพื่อปกป้องตัวเอง
เพราะการอธิบาย ชี้แจง ตอนโต้ในบอร์ดไม่ได้ผล
และมีแต่จะทำให้มีการนำไปพูดต่อ ขยายความในทางเสียหายเพื่อเหน็บแนมเสียดสีมากขึ้น
แต่เมื่อนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว
ก็เป็นการ "ปิด" ความบานปลายขยายความครับ เพราะคู่กรณีก็ต้องเงียบ คนดูก็ต้องนิ่ง ไม่งั้นโดนไปด้วย
ทางกฎหมายนี่ ไม่ใช่จะใช้ความรู้สึก ความไม่พอใจ แล้วไปดำเนินการได้นะครับ
แบบด่ากันไปด่ากันมา เหน็บแนมเสียดสีกัน ถากถางกัน โกรธ ไม่พอใจ วิ่งไปแจ้งความ ไม่ได้หรอกครับ
แต่ต้องมีองค์ประกอบการกระทำเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
อย่างสลิ่ม กับ ผม นี่ ด่ากันสามชาติก็ไม่เกิดเรื่องครับ
เพราะด่ากันในเรื่องที่เป็นแค่การเสียดสี ถากถาง และจบกันไป วันใหม่ด่ากันใหม่ วันไหนขี้เกียจก็ไม่ด่ากัน
แต่หาก เช่น นาย ก. ไปด่านาย ข. ที่เกินขอบเขตการถากถางเหน็บแนม ว่า เลว ชั่ว เนรคุณ โกง ฯลฯ
อย่างนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นกับนาย ข. แล้วครับ
ซึ่งยิ่งแก้ตัวยิ่งจะโดนถากถางไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ใครต่อใครจะหยิบไปเหน็บแนมต่อ
การใช้กระบวนการทางกฎหมายจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ
เพื่อพิสูจน์ความจริง เพื่อสั่งสอนให้เข็ดหลาบ ว่าอย่าพล่ามด่าอะไรใครให้เสียหายเกินขอบเขต
ไม่แค่การด่าครับ แม้กระทั่งการเอาเรื่องจริงที่ทำให้คนอื่นเขาเสียหาย ได้รับความเกลียดชัง
ก็เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย
เช่น โพสต์เรื่องส่วนตัว บอกว่าล็อคอิน ก. เป็นชู้กับ ล็อคอิน ข.
ที่แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ทำให้เขาได้รับความเสื่อมเสีย เกลียดชังจากสาธารณะ ผิดครับ
ที่เกิดการฟ้องร้องกันนี่ ก็เพราะแบบนี้แหละครับ คือ
กล่าวหา ใส่ร้าย และนำเรื่องส่วนตัวคนอื่นมาเล่นเพื่อหวังเอาชนะ เพื่อมุ่งทำลาย
องค์ประกอบความผิดทางกฎหมายครบ แสดงเจตนาหมิ่นประมาทชัด ก็ต้องโดนดำเนินการ
ไม่ใช่แค่การด่ากันไปมาตามธรรมชาติของการเล่นเว็บบอร์ด
แล้วได้อะไร ?
ได้สิครับ คนชนะน่ะ ได้เต็ม ๆ และชนะแน่ ๆ ส่วนคนแพ้ก็แพ้แน่ ๆ
เพราะคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานี่ หลักฐานจะชัด เจตนาจะแจ่ม องค์ประกอบครบสมบูรณ์
การจะแก้ตัวว่า หมิ่นเพราะโดนด่าก่อน หมิ่นเพราะเผลอ หมิ่นเพราะหมั่นไส้ โมโห อารมณ์ชั่ววูบ ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ
เพราะกฎหมายถือว่า กรรมคือเครื่องชี้เจตนา คือการกระทำบอกเจตนา ไม่ใช่เอาคำพูดมาอ้างว่ายังงั้นยังงี้
คิดดูนะครับ ชนะแล้วได้อะไร ?
เมื่อจำเลยแพ้ชัวร์ ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ ศาลสั่งให้จำเลยลงโฆษณา หรือ ตั้งกระทู้ ขอโทษโจทก์
อาจเป็นระยะเวลา 7 วัน 15 วัน หรือ 30 วัน
คิดดูสิครับ เมื่อศาลสั่งให้จำเลยตั้งกระทู้ขอโทษโจทก์
จะเท่หนาดไหน
กระทู้จะโดนโหวตขึ้นแนะนำทุกวัน ประจานตัวเองทุกวัน
การขอโทษ ต้องใช้ข้อความและถ้อยคำแบบเรียบร้อย ห้ามมีอาการหือ ต้องแบบหมอบก้มหัวราบคาบเลย
จะโดนเยาะหยามขนาดไหน ใคร ๆ คงได้โอกาสเหน็บ ถากถางไปอีกเป็นปี ๆ
หากข้อความและถ้อยคำขอโทษ มีอาการหือ ไม่เข้าหู
โจทก์ก็สามารถร้องขอต่อศาลให้ลงโทษจำเลยได้ทันที ฐานไม่สำนึกในการกระทำผิด
นี่หมายถึงหากจำเลยโดนไม่หนักนะครับ แค่รอลงอาญา
แต่หากศาลท่านไม่เมตตา เพราะเห็นว่าจำเลยมีพฤติกรรมแบบ "จงใจ และ เจตนา" ชัดว่า
ต้องการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คือเจตนากล่าวหา ใส่ร้ายหลายความเห็นซ้ำ ๆ
โดยเฉพาะการพิมพ์ ซึ่งต้องผ่านการกลั่นกรอง ขบคิด ซึ่งอ้างไม่ได้ว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
อย่างนี้ ศาลท่านอาจไม่เมตตาก็ได้
โดยเฉพาะ การด่าผู้หญิงแบบหยาบคายชนิดได้เห็นแล้วแทบไม่อยากอ่าน
ศาลท่านมักลงโทษเพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่รอลงอาญา ให้นอนคุกปลุกสำนึกสัก 6 เดือน หรือ 1 ปี
คราวนี้ ก็ได้เล่นเกมสบู่ตกในเรือนจำสนุกไปเลยล่ะครับ
นี่แหละครับที่เรียกว่า ได้
คือได้เห็นคำขอโทษ ได้เห็นความรับผิดชอบ ไม่ใช่จะมากล่าวหาใส่ร้ายใครแล้วหายหัว ไม่รับผิดชอบอะไร
จะได้เป็นบทเรียนว่า
ทีหลังอย่าทำ
อธิบายบอกกล่าวคุณรักจริงหวังแต่งครับ ว่าฟ้องร้องกันชนะแล้วได้อะไร ใครได้ ใครเสียอะไร ...... โดย ตระกองขวัญ
คุณรักจริงหวังแต่ง ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า
แรกเลย อยากบอกคุณรักจริงหวังแต่งว่า เรื่องการฟ้องร้องนี่
ไม่ใช่เรื่องมิตรเรื่องศัตรูหรอกครับ แต่เป็นเรื่องพึ่งพากระบวนการทางกฎหมายเพื่อพิสูจน์ความจริง หรือเพื่อปกป้องตัวเอง
เพราะการอธิบาย ชี้แจง ตอนโต้ในบอร์ดไม่ได้ผล
และมีแต่จะทำให้มีการนำไปพูดต่อ ขยายความในทางเสียหายเพื่อเหน็บแนมเสียดสีมากขึ้น
แต่เมื่อนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว
ก็เป็นการ "ปิด" ความบานปลายขยายความครับ เพราะคู่กรณีก็ต้องเงียบ คนดูก็ต้องนิ่ง ไม่งั้นโดนไปด้วย
ทางกฎหมายนี่ ไม่ใช่จะใช้ความรู้สึก ความไม่พอใจ แล้วไปดำเนินการได้นะครับ
แบบด่ากันไปด่ากันมา เหน็บแนมเสียดสีกัน ถากถางกัน โกรธ ไม่พอใจ วิ่งไปแจ้งความ ไม่ได้หรอกครับ
แต่ต้องมีองค์ประกอบการกระทำเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย
อย่างสลิ่ม กับ ผม นี่ ด่ากันสามชาติก็ไม่เกิดเรื่องครับ
เพราะด่ากันในเรื่องที่เป็นแค่การเสียดสี ถากถาง และจบกันไป วันใหม่ด่ากันใหม่ วันไหนขี้เกียจก็ไม่ด่ากัน
แต่หาก เช่น นาย ก. ไปด่านาย ข. ที่เกินขอบเขตการถากถางเหน็บแนม ว่า เลว ชั่ว เนรคุณ โกง ฯลฯ
อย่างนี้ ความเสียหายเกิดขึ้นกับนาย ข. แล้วครับ
ซึ่งยิ่งแก้ตัวยิ่งจะโดนถากถางไปเรื่อย ๆ ไม่รู้ใครต่อใครจะหยิบไปเหน็บแนมต่อ
การใช้กระบวนการทางกฎหมายจึงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ
เพื่อพิสูจน์ความจริง เพื่อสั่งสอนให้เข็ดหลาบ ว่าอย่าพล่ามด่าอะไรใครให้เสียหายเกินขอบเขต
ไม่แค่การด่าครับ แม้กระทั่งการเอาเรื่องจริงที่ทำให้คนอื่นเขาเสียหาย ได้รับความเกลียดชัง
ก็เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย
เช่น โพสต์เรื่องส่วนตัว บอกว่าล็อคอิน ก. เป็นชู้กับ ล็อคอิน ข.
ที่แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ทำให้เขาได้รับความเสื่อมเสีย เกลียดชังจากสาธารณะ ผิดครับ
ที่เกิดการฟ้องร้องกันนี่ ก็เพราะแบบนี้แหละครับ คือ
กล่าวหา ใส่ร้าย และนำเรื่องส่วนตัวคนอื่นมาเล่นเพื่อหวังเอาชนะ เพื่อมุ่งทำลาย
องค์ประกอบความผิดทางกฎหมายครบ แสดงเจตนาหมิ่นประมาทชัด ก็ต้องโดนดำเนินการ
ไม่ใช่แค่การด่ากันไปมาตามธรรมชาติของการเล่นเว็บบอร์ด
แล้วได้อะไร ?
ได้สิครับ คนชนะน่ะ ได้เต็ม ๆ และชนะแน่ ๆ ส่วนคนแพ้ก็แพ้แน่ ๆ
เพราะคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานี่ หลักฐานจะชัด เจตนาจะแจ่ม องค์ประกอบครบสมบูรณ์
การจะแก้ตัวว่า หมิ่นเพราะโดนด่าก่อน หมิ่นเพราะเผลอ หมิ่นเพราะหมั่นไส้ โมโห อารมณ์ชั่ววูบ ฟังไม่ขึ้นทั้งนั้นครับ
เพราะกฎหมายถือว่า กรรมคือเครื่องชี้เจตนา คือการกระทำบอกเจตนา ไม่ใช่เอาคำพูดมาอ้างว่ายังงั้นยังงี้
คิดดูนะครับ ชนะแล้วได้อะไร ?
เมื่อจำเลยแพ้ชัวร์ ๆ สิ่งที่จะตามมาก็คือ ศาลสั่งให้จำเลยลงโฆษณา หรือ ตั้งกระทู้ ขอโทษโจทก์
อาจเป็นระยะเวลา 7 วัน 15 วัน หรือ 30 วัน
คิดดูสิครับ เมื่อศาลสั่งให้จำเลยตั้งกระทู้ขอโทษโจทก์
จะเท่หนาดไหน
กระทู้จะโดนโหวตขึ้นแนะนำทุกวัน ประจานตัวเองทุกวัน
การขอโทษ ต้องใช้ข้อความและถ้อยคำแบบเรียบร้อย ห้ามมีอาการหือ ต้องแบบหมอบก้มหัวราบคาบเลย
จะโดนเยาะหยามขนาดไหน ใคร ๆ คงได้โอกาสเหน็บ ถากถางไปอีกเป็นปี ๆ
หากข้อความและถ้อยคำขอโทษ มีอาการหือ ไม่เข้าหู
โจทก์ก็สามารถร้องขอต่อศาลให้ลงโทษจำเลยได้ทันที ฐานไม่สำนึกในการกระทำผิด
นี่หมายถึงหากจำเลยโดนไม่หนักนะครับ แค่รอลงอาญา
แต่หากศาลท่านไม่เมตตา เพราะเห็นว่าจำเลยมีพฤติกรรมแบบ "จงใจ และ เจตนา" ชัดว่า
ต้องการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คือเจตนากล่าวหา ใส่ร้ายหลายความเห็นซ้ำ ๆ
โดยเฉพาะการพิมพ์ ซึ่งต้องผ่านการกลั่นกรอง ขบคิด ซึ่งอ้างไม่ได้ว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
อย่างนี้ ศาลท่านอาจไม่เมตตาก็ได้
โดยเฉพาะ การด่าผู้หญิงแบบหยาบคายชนิดได้เห็นแล้วแทบไม่อยากอ่าน
ศาลท่านมักลงโทษเพื่อเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ ไม่รอลงอาญา ให้นอนคุกปลุกสำนึกสัก 6 เดือน หรือ 1 ปี
คราวนี้ ก็ได้เล่นเกมสบู่ตกในเรือนจำสนุกไปเลยล่ะครับ
นี่แหละครับที่เรียกว่า ได้
คือได้เห็นคำขอโทษ ได้เห็นความรับผิดชอบ ไม่ใช่จะมากล่าวหาใส่ร้ายใครแล้วหายหัว ไม่รับผิดชอบอะไร
จะได้เป็นบทเรียนว่า ทีหลังอย่าทำ