ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนให้เชื่อว่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. ตลาดหลักทรัพย์ฯ , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ ฉ้อโกงประชาชน ฯลฯ นั้น หุ้น
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่าภาพที่ปรากฏนั้น ไม่ใช่ภาพประชาสัมพันธ์ของ DSI นอกจากนี้ หาก DSI ทำการตรวจสอบบริษัทต่าง ๆ ก็จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ และมีการตรวจสอบเชิงลึกเสียก่อนที่จะเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ ถ้าหากว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีการตรวจสอบเข้ามา DSI ก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มบุคคลที่สร้างเรื่องร้องเรียน และยื่นฟ้องผู้บริหาร ปตท. ต่อศาล เป็นกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการขายน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซีย ให้แก่บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) โดยไม่มีการส่งมอบ สร้างความเสียหายให้กับกลุ่ม ปตท. ไปกว่า 2,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำที่คล้ายคลึงกันโดยกลุ่มบุคคลนี้ ซี่งมีการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว โดยบางคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาทั้งโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และในชั้นศาล และมีบางคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้วว่ากลุ่มดังกล่าวมีความผิดจริง
อีกทั้งกลุ่มบุคคลนี้นั้น ในอดีตเคยมีอิทธิพลมากในการขายไบโอดีเซลราคาแพงให้กับบริษัทน้ำมัน โดยเฉพาะกับกลุ่ม ปตท. จนกระทั่งทาง ปตท. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร เพื่อป้องกันการทุจริต ปฏิเสธการฮั้วประมูล ซึ่งรวมไปถึงการเร่งรัดคดี “ไบโอดีเซลทิพย์” ข้างต้น
บุคคลกลุ่มนี้จึงตอบโต้ ปตท. ด้วยการสร้างเรื่องฟ้องร้องกลุ่ม ปตท. โดยอาศัยการถือหุ้นเพียง 100 หุ้นเพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาล โดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ปตท. อีกทั้งเอกสารที่ถูกนำมาเผยแพร่ล่าสุดนั้น ก็เป็นเพียงคำฟ้องที่กล่าวถึงนี้
ซึ่งในปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และ DSI ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด ในขณะที่บางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบตามคำฟ้องแล้ว และพบว่าคำฟ้องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง
อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มบุคคลนี้ เคยพยายามที่จะจ้างสื่อมวลชนให้มีการนำเสนอข่าวดังกล่าว แต่ไม่มีสื่อใดนำไปนำเสนอ จนทำให้ในครั้งนี่ กลุ่มดังกล่าวได้ใช้ บัญชีปลอมที่ไม่สามารถระบุตัวตน หรือที่มาได้ ประกอบกับการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของ DSI
ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย ทำลายชื่อเสียงของกลุ่ม ปตท. ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลนี้ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสมได้อีกครั้ง
https://www.facebook.com/share/p/1X9sgftD4W/
เปิดโปง ขบวนการปาล์มอินโด โจมตีผู้บริหาร PTT และ OR DSI ชี้ยังไม่สรุปสำนวนตามที่อ้างกัน
ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะกล่าวอ้างว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ “สรุปสำนวนให้เชื่อว่า” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ. ตลาดหลักทรัพย์ฯ , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ ฉ้อโกงประชาชน ฯลฯ นั้น หุ้น
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กล่าวว่าภาพที่ปรากฏนั้น ไม่ใช่ภาพประชาสัมพันธ์ของ DSI นอกจากนี้ หาก DSI ทำการตรวจสอบบริษัทต่าง ๆ ก็จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ และมีการตรวจสอบเชิงลึกเสียก่อนที่จะเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์
ทั้งนี้ ถ้าหากว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมีการตรวจสอบเข้ามา DSI ก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มบุคคลที่สร้างเรื่องร้องเรียน และยื่นฟ้องผู้บริหาร ปตท. ต่อศาล เป็นกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในการขายน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซีย ให้แก่บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) โดยไม่มีการส่งมอบ สร้างความเสียหายให้กับกลุ่ม ปตท. ไปกว่า 2,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำที่คล้ายคลึงกันโดยกลุ่มบุคคลนี้ ซี่งมีการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว โดยบางคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาทั้งโดย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และในชั้นศาล และมีบางคดีที่ศาลได้ตัดสินไปแล้วว่ากลุ่มดังกล่าวมีความผิดจริง
อีกทั้งกลุ่มบุคคลนี้นั้น ในอดีตเคยมีอิทธิพลมากในการขายไบโอดีเซลราคาแพงให้กับบริษัทน้ำมัน โดยเฉพาะกับกลุ่ม ปตท. จนกระทั่งทาง ปตท. ปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหาร เพื่อป้องกันการทุจริต ปฏิเสธการฮั้วประมูล ซึ่งรวมไปถึงการเร่งรัดคดี “ไบโอดีเซลทิพย์” ข้างต้น
บุคคลกลุ่มนี้จึงตอบโต้ ปตท. ด้วยการสร้างเรื่องฟ้องร้องกลุ่ม ปตท. โดยอาศัยการถือหุ้นเพียง 100 หุ้นเพื่อใช้เป็นฐานในการยื่นฟ้องคดีผู้บริหารฯ ต่อศาล โดยใช้ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง และมีเจตนาสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของ ปตท. อีกทั้งเอกสารที่ถูกนำมาเผยแพร่ล่าสุดนั้น ก็เป็นเพียงคำฟ้องที่กล่าวถึงนี้
ซึ่งในปัจจุบัน ศาลยังไม่ได้รับคำฟ้องดังกล่าว และ DSI ยังไม่ได้มีการสรุปสำนวนตามที่มีการกล่าวอ้างในข่าวดังกล่าวแต่อย่างใด ในขณะที่บางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการตรวจสอบตามคำฟ้องแล้ว และพบว่าคำฟ้องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริง
อีกทั้งยังมีรายงานว่า กลุ่มบุคคลนี้ เคยพยายามที่จะจ้างสื่อมวลชนให้มีการนำเสนอข่าวดังกล่าว แต่ไม่มีสื่อใดนำไปนำเสนอ จนทำให้ในครั้งนี่ กลุ่มดังกล่าวได้ใช้ บัญชีปลอมที่ไม่สามารถระบุตัวตน หรือที่มาได้ ประกอบกับการใช้ลิงก์จากต่างประเทศเพื่อให้ดาวน์โหลดหนังสือของ DSI
ซึ่งเป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกตรวจสอบและการดำเนินการทางกฎหมาย ทำลายชื่อเสียงของกลุ่ม ปตท. ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้กลุ่มบุคคลนี้ เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในทางที่ไม่เหมาะสมได้อีกครั้ง
https://www.facebook.com/share/p/1X9sgftD4W/