ไหนๆ ช่วงที่ผ่านมาหุ้นก็ขึ้นกันกระจายขนาดนี้ วันนี้เราลองมาดูแนวทางง่ายๆ ในการติดตามตลาดหุ้นสำหรับมือใหม่กันนะครับ
“ตามตลาดหุ้นอย่างมืออาชีพ”
‘จะซื้อหุ้นซักตัว เราต้องดูอะไรบ้าง’ ‘หุ้นจะขึ้นหรือลง ขึ้นกับอะไร’ ‘จะดูยังไงว่าหุ้นตัวนี้พื้นฐานดีหรือไม่’ ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ จากนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นไปแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะติดตามหุ้นต่อไปอย่างไรดี
หากเราพูดถึงปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นหรือมีผลต่อการขึ้นลงของราคาหุ้นแต่ละตัว เราจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยต่าง ๆ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี บทความนี้จะขอกล่าวถึงปัจจัยสำคัญ ๆ ที่มืออาชีพส่วนใหญ่ใช้ในการติดตามภาวะตลาดหุ้นรวมไปถึงหุ้นรายตัว โดยสรุปได้เป็นปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นในภาพใหญ่ 4 เรื่อง และปัจจัยใช้ในการติดตามหุ้นรายตัวอีก 3 เรื่องนั่นเอง
สำหรับปัจจัย 4 อย่างที่มีผลต่อทิศทางและดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ได้แก่
1. สภาวะเศรษฐกิจ
ถึงแม้เราอาจจะเคยได้ยินว่า ในบางครั้งดัชนีตลาดหุ้นอาจไม่เป็นไปตามภาพเศรษฐกิจจริงซักเท่าไหร่ เช่น บางครั้งเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นกลับขึ้นเอา ๆ แต่จริง ๆ แล้วหากเรามาลองดูข้อมูลย้อนหลังเป็นสิบปีจะพบว่า ตัวเลขพื้นฐานเศรษฐกิจอย่าง การจ้างงาน การลงทุนของธุรกิจ และเงินเฟ้อ ต่างก็มีความสำคัญและเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
2. นโยบายภาครัฐ
เราจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่อเมริกาเมื่อปี 2551 ทางการของประเทศต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของนโยบายการเงินโดยเฉพาะในเรื่องของการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการตัดสินใจของธนาคารกลาง (เช่น Fed) หรือนโยบายการคลังอันได้แก่แนวทางที่รัฐบาลจะนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ในเรื่องต่าง ๆ เช่น สร้างระบบสาธารณูปโภค หรือโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ นั่นเอง
3. มูลค่า (valuation) หรือความถูก / แพงของตลาด
หากเราเข้าใจในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจและการใช้นโยบายของรัฐก็ถือได้ว่าเรามีตัวชี้วัดตลาดหุ้นที่ดี แต่ที่สำคัญกว่านั้น เราต้องเข้าใจว่า เรื่องของเศรษฐกิจและนโยบายต่าง ๆ ที่เราศึกษามานั้น ได้มีการรับรู้เข้าไปในราคาหรือมูลค่าตลาด ณ ระดับราคาปัจจุบันไปแล้วมากน้อยเพียงใด พูดง่าย ๆ ก็คือ เราควรดูให้ดีว่าปัจจุบันตลาด 'ถูก' หรือ 'แพง' เพราะฉะนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดมูลค่าตลาดหรือมูลค่าหุ้น (เช่น P/E ratio) ด้วยเช่นกัน
4. ปัจจัยทางเทคนิคอื่น ๆ
นอกจาก 3 เรื่องข้างต้นแล้ว ในระหว่างการติดตามตลาด ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยชั่วคราว เข้ามีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ หรือมูลค่าตลาด ณ ขณะนั้นได้ อย่างเช่น การเข้าซื้อขายของผู้ลงทุนรายใหญ่ (เช่น กองทุนหรือนักลงทุนสถาบัน) การวาง position ของนักเก็งกำไร การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบต่าง ๆ โดยภาครัฐ หรือแม้แต่เรื่องที่เราควบคุมไม่ได้อย่างภัยธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
เมื่อเราทราบ 4 ปัจจัยที่ใช้ในการติดตามตลาดหุ้นในภาพใหญ่แล้ว ในส่วนของหุ้นรายตัวนั้น เราควรให้ความสำคัญกับอย่างน้อย 3 เรื่อง ดังต่อไปนี้
1. Who ก็คือ ผู้บริหารและพนักงานของกิจการนั่นเอง เราควรมองให้ออกว่า พวกเค้ามีความสามารถ ความมุ่งมั่น และทักษะที่จำเป็นในการบริหารกิจการให้เติบโตได้ดีหรือไม่
2. What หมายถึง อะไรเป็นสิ่งที่กิจการนั้น ๆ มีความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน หรือมีสินค้าและบริการอะไรที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งบ้าง
3. How คือ เราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า เจ้าของกิจการนั้นมีแผนในการใช้ทรัพยากรของกิจการอย่างไร เพื่อให้มีการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ ๆ สร้างความเจริญเติบโต และช่วยให้กิจการสามารถโลดแล่นอยู่ในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต
ครับ หลังจากเราได้ทราบถึงปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงในการติดตามตลาดหุ้นและหุ้นรายตัวอย่างมืออาชีพกันแล้ว ก็หวังว่าเพื่อน ๆ จะสามารถมองภาพตลาดหุ้นหรือกิจการได้อย่างชัดเจน รอบด้าน และเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนมากขึ้นนะครับ
อ่านบนเฟสบุ๊ค :
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=318381642000597&id=244466562725439
“4+3 เทคนิคตามตลาดหุ้นอย่างมืออาชีพ”
“ตามตลาดหุ้นอย่างมืออาชีพ”
‘จะซื้อหุ้นซักตัว เราต้องดูอะไรบ้าง’ ‘หุ้นจะขึ้นหรือลง ขึ้นกับอะไร’ ‘จะดูยังไงว่าหุ้นตัวนี้พื้นฐานดีหรือไม่’ ฯลฯ เหล่านี้เป็นคำถามที่เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ จากนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนในหุ้น หรือได้ซื้อหุ้นไปแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะติดตามหุ้นต่อไปอย่างไรดี
หากเราพูดถึงปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นหรือมีผลต่อการขึ้นลงของราคาหุ้นแต่ละตัว เราจะเห็นได้ว่ามีปัจจัยต่าง ๆ จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี บทความนี้จะขอกล่าวถึงปัจจัยสำคัญ ๆ ที่มืออาชีพส่วนใหญ่ใช้ในการติดตามภาวะตลาดหุ้นรวมไปถึงหุ้นรายตัว โดยสรุปได้เป็นปัจจัยที่มีผลต่อตลาดหุ้นในภาพใหญ่ 4 เรื่อง และปัจจัยใช้ในการติดตามหุ้นรายตัวอีก 3 เรื่องนั่นเอง
สำหรับปัจจัย 4 อย่างที่มีผลต่อทิศทางและดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ได้แก่
1. สภาวะเศรษฐกิจ
ถึงแม้เราอาจจะเคยได้ยินว่า ในบางครั้งดัชนีตลาดหุ้นอาจไม่เป็นไปตามภาพเศรษฐกิจจริงซักเท่าไหร่ เช่น บางครั้งเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ตลาดหุ้นกลับขึ้นเอา ๆ แต่จริง ๆ แล้วหากเรามาลองดูข้อมูลย้อนหลังเป็นสิบปีจะพบว่า ตัวเลขพื้นฐานเศรษฐกิจอย่าง การจ้างงาน การลงทุนของธุรกิจ และเงินเฟ้อ ต่างก็มีความสำคัญและเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
2. นโยบายภาครัฐ
เราจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่อเมริกาเมื่อปี 2551 ทางการของประเทศต่าง ๆ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของนโยบายการเงินโดยเฉพาะในเรื่องของการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการตัดสินใจของธนาคารกลาง (เช่น Fed) หรือนโยบายการคลังอันได้แก่แนวทางที่รัฐบาลจะนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ในเรื่องต่าง ๆ เช่น สร้างระบบสาธารณูปโภค หรือโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ นั่นเอง
3. มูลค่า (valuation) หรือความถูก / แพงของตลาด
หากเราเข้าใจในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจและการใช้นโยบายของรัฐก็ถือได้ว่าเรามีตัวชี้วัดตลาดหุ้นที่ดี แต่ที่สำคัญกว่านั้น เราต้องเข้าใจว่า เรื่องของเศรษฐกิจและนโยบายต่าง ๆ ที่เราศึกษามานั้น ได้มีการรับรู้เข้าไปในราคาหรือมูลค่าตลาด ณ ระดับราคาปัจจุบันไปแล้วมากน้อยเพียงใด พูดง่าย ๆ ก็คือ เราควรดูให้ดีว่าปัจจุบันตลาด 'ถูก' หรือ 'แพง' เพราะฉะนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดมูลค่าตลาดหรือมูลค่าหุ้น (เช่น P/E ratio) ด้วยเช่นกัน
4. ปัจจัยทางเทคนิคอื่น ๆ
นอกจาก 3 เรื่องข้างต้นแล้ว ในระหว่างการติดตามตลาด ก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นโดยชั่วคราว เข้ามีผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ หรือมูลค่าตลาด ณ ขณะนั้นได้ อย่างเช่น การเข้าซื้อขายของผู้ลงทุนรายใหญ่ (เช่น กองทุนหรือนักลงทุนสถาบัน) การวาง position ของนักเก็งกำไร การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบต่าง ๆ โดยภาครัฐ หรือแม้แต่เรื่องที่เราควบคุมไม่ได้อย่างภัยธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
เมื่อเราทราบ 4 ปัจจัยที่ใช้ในการติดตามตลาดหุ้นในภาพใหญ่แล้ว ในส่วนของหุ้นรายตัวนั้น เราควรให้ความสำคัญกับอย่างน้อย 3 เรื่อง ดังต่อไปนี้
1. Who ก็คือ ผู้บริหารและพนักงานของกิจการนั่นเอง เราควรมองให้ออกว่า พวกเค้ามีความสามารถ ความมุ่งมั่น และทักษะที่จำเป็นในการบริหารกิจการให้เติบโตได้ดีหรือไม่
2. What หมายถึง อะไรเป็นสิ่งที่กิจการนั้น ๆ มีความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน หรือมีสินค้าและบริการอะไรที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งบ้าง
3. How คือ เราต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า เจ้าของกิจการนั้นมีแผนในการใช้ทรัพยากรของกิจการอย่างไร เพื่อให้มีการส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ ๆ สร้างความเจริญเติบโต และช่วยให้กิจการสามารถโลดแล่นอยู่ในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต
ครับ หลังจากเราได้ทราบถึงปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงในการติดตามตลาดหุ้นและหุ้นรายตัวอย่างมืออาชีพกันแล้ว ก็หวังว่าเพื่อน ๆ จะสามารถมองภาพตลาดหุ้นหรือกิจการได้อย่างชัดเจน รอบด้าน และเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนมากขึ้นนะครับ
อ่านบนเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=318381642000597&id=244466562725439