[CR] Catba Island, Vietnam อีกหนึ่งที่ๆต้องไปตำค่ะ:-)

สวัสดีคร้าาาา วันนี้เราจะมีรีวิวทริปเกาะกั๊ตบา (Catba Island) ประเทศเวียดนามค่ะ เห็นว่ารีวีวิวในนี้ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เลยเอามาลง เผื่อมีใครอยากจะหาข้อมูลนะคะ

ทริปนี้เป็นทริปเที่ยวเวียดนามครั้งที่สองของเรา ทริปแรกไปโฮจิมินทร์กับเพื่อนสาวหนึ่งคน ส่วนทริปนี้ไปกับพี่สาวและหลานชาย ซึ่งเป็นทริปต่างประเทศครั้งแรกของทั้งคู่หัวเราะ

จะพูดถึงเรื่องการทำพาสปอร์ตให้กับเด็กที่อายุไม่ถึง 20 ปีนิดนึงนะคะ เพราะหลานที่เราพาไปด้วยอายุ 16 ปี คือเด็กอายุไม่ถึง 20 ปี ถ้าไปทำพาปอร์ตต้องมีทั้งพ่อและแม่ไปด้วยนะคะ ถ้าขาดคนไหนคนนึงนี่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจให้กับอีกคนนึง กว่าหลานจะได้พาสปอร์ตนี่เล่นเอาลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว เพราะพ่อกับแม่นี่ไม่เคยว่างตรงกัน ตั๋วเครื่องบินก็ขึ้นเอาขึ้นเอา ฮ่าๆ

สรุปพอหลานได้พาสปอร์ตแล้ว เราก็จัดการจองตั๋วเครื่องบินค่ะ จองกับ Vietjet ซึ่งมีเที่ยวบินไปลงเมือง Haiphong วันละหนึ่งเที่ยว (จะไปเกาะกั๊ตบา ต้องไปลงที่เมืองนี้นะคะ) สรุปเราจ่ายตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ตกคนละสามพันบาท (จริงๆจะได้ถูกกว่านี้ ถ้าไม่มัวแต่รอพาสปอร์ตของหลานชาย)

เที่ยวบินที่เราไปก็เป็นไฟล์ทบ่าย ไปถึงที่สนามบินเมืองไฮฟงก็ประมาณบ่ายสามครึ่ง ไฮฟงเป็นสนามบินเล็กๆ ลงเครื่องมาก็เข้าตมได้เลยค่ะ พอออกมาจากตม. ก็จะมีแท๊กซี่น่าจะมีสองบริษัทเพราะสีรถต่างกัน เราก็เข้าไปถามว่ากดมิเตอร์มั้ย เค้าก็ผงึกหัว เป็นอันว่าโอเค ฮ่าๆ ครั้งนี้เราจองที่พักทุกที่ผ่าน booking.com ชอบจองกับเวปนี้เพราะไม่ต้องจ่ายเงินก่อน และเราดาวโหลดแอปในมือถือ สะดวกดีค่ะมันจะมีรายละเอียดของทุกโรงแรมที่เราพัก และมีแปลชื่อที่อยู่โรงแรมเป็นภาษาท้องถิ่นให้เราด้วย ซึ่งตรงนี้ช่วยได้เยอะมาก จะไปไหนเราก็ยื่นโทรศัพท์ให้ดูเลย แปลเป็นภาษาบ้านเค้าเรียบร้อย

วันที่เราไปถึงฝนตกค่ะ คือไปตอนพายุเข้าพอดี โคตรโชคดีอ่ะ55 แท๊กซี่พาไปจอดหน้าที่พักที่เราจองไว้ ยกกระเป๋าลงให้เสร็จสรรพ เราก็ควักเงินจ่ายไป จำได้ว่าประมาณ 120 บาทไทย เค้าก็ชี้โบ้ชี้เบ้ คือประมาณว่าเราจ่ายเงินไม่ถูก เราก็อ้าวไรวะ ก็มิเตอร์มันบอกเท่านี้อ่ะ ก็จ่ายเท่านี้ โอยฝนก็ตก คุยกับคนขับก็ไม่รู้เรื่อง ตากฝนกันอยู่ตรงนั้นอะ สรุปพนักงานที่เราพักเดินออกมาพอดี เราก็เลยถามว่าเค้าต้องการอะไร สรุปต้องการค่ายกกระเป๋าเพิ่มอีก 10,000 ดองค่ะ แหม่ มองบนเลยทีเดียว เราก็เลยยื่นให้ ตัดความลำคาญ คือเถียงไปก็ไม่รู้เรื่องอยู่ดี

เราก็มาจัดการเรื่องค่าห้องต่อ ห้องที่เราจองไว้ชื่อ Kim Thoa Motel  จ่ายไป 24 ดอลล่า สำหรับ 3 คน ไม่มีอาหารเช้า ห้องอยู่ชั้นสอง เป็นอารมณ์ประมาณอาพาร์ท แต่ห้องถือว่าโอเคมากเลยนะคะ มีสองเตียง เตียงเล็กหนึ่งเตียง เตียงใหญ่หนึ่งเตียง ความแข็งของที่นอนก็ประมาณนึงเลยทีเดียว ฮ่าๆ ห้องน้ำกว้างขวางมาก

ด้วยความที่เรากว่าจะฝ่าฝนและรถติดไปถึงที่พักกันก็เย็นแล้ว ความหิวเริ่มมาเยือน เอาไงดีเดินก็ไม่ได้เพราะฝนยังตกอยู่ เลยลงมาถามพนักงานว่าแถวนี้มีร้านเฝออร่อยๆมั้ย เค้าบอกว่ามีอยู่ร้านนึง เป็นเฝอกั้ง อร่อยและขึ้นชื่อมาก เค้าบอกจะไปมั้ยจะเรียกแท๊กซี่ให้ ไปสิคะหิวมาก อยากกินทุกอย่าง55


หน้าตาของเฝอกั้งค่ะ เป็นเส้นเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ รสชาดถือว่าอร่อยเลยค่ะ เราสั่งหลายอย่างอยู่ เราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ เพราะตั้งแต่เข้าร้านมาฝนก็เริ่มตกอีก หนักมากด้วย ก็สั่งของที่มีขายในร้านมาเกือบจะทุกอย่างละ กินรอฝนหยุด แต่ไม่มีทีท่าว่ามันจหยุดตกเลย ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ น้ำท่วมค่ะ T_T ทีนี้เริ่มอยากจะกลับบ้านจริงจังละ เพราะอิ่มแล้วก็เหนื่อยด้วย เลยขอให้ที่ร้านเรียกแท๊กซี่ให้ แต่เชื่อปะพอบอกแท๊กซี่ว่าจะไปที่ไหน ไม่มีใครรับเราเลยอ่ะ (เสียใจ) เค้าบอกว่าที่พักเราเป็นที่ๆน้ำท่วมสูงที่สุด โอ้แม่เจ้า เอาไงละทีนี้ ลุงที่ร้านใจดีมาก ยอมไปยืนอยู่ข้างๆถนนเพื่อเรียกรถให้เรา รอนานมาก คือนานจนท้อ ฮ่า สรุปก็มีแท๊กซี่คันนึงที่ยอมไป (คือแท๊กซี่ที่เมืองนี้เป็นจะคันเล๊กๆ ประมาณรถ นิสสัน มาร์ชบ้านเราอ่ะ ลืมถ่ายรูปมา ฝนตกไม่กล้าควักโทรศัพท์ออกมา ฮ่าๆ โอยดีใจมากที่มีแท๊กซี่ยอมไปส่ง

นั่งมาสักพัก ลุงคนขับเริ่มพูดอะไรไม่รู้ แล้วชี้ออกไปนอกรถ แล้วส่ายหัว เอาแล้วไง สัญญาณไม่ดีเริ่มมาละ55 สักพักลุงขับรถเบี่ยงไปทางฟุตบาทเลยคร้า แล้วหันมาส่ายหัว คือแกคงจะพยายามบอกว่าไปไม่ไหวแล้วนะ เพราะรถคันเล็ก แล้วน้ำก็ขึ้นสูงมาก เอาค่ะทุกคน ลงจากรถ คือนึกออกปะ ลงจากรถมาคือกอดกระเป๋าแล้วยืนอึ้ง หันไปทางไหนมีแต่น้ำ แล้วโรงแรมกรูอยู่หนายยยยย เน๊ตก็ไม่มีเพราะไม่ได้สมัครไว้ กูเกิ้ลนี่ลืมไปได้เลย เอาไงดีวะ สงสารหลานและพี่สาวมาก ทริปแรกนี่เจอจัดหนักเลย คือสงสารด้วยขำด้วย สามคนพี่น้องเปียกชุ่ม เลยตกลงกันว่าเราจะลองเสี่ยงเดินกันไปเรื่อยๆก่อนละกัน


สภาพ ณ คืนนั้น คือน้ำสูงเลย แต่แปลกอย่างคือที่นี่ ฝนตกหนัก น้ำท่วม แต่เค้าก็ยังดันทุรังขี่มอไซต์ฝ่ากันไป ถ้าเป็นบ้านเราคือคงจะจอดข้างทางแล้วรอ
แต่ที่นี่ไม่ค่ะ ชั้นจะฝ่าไปให้ถึงที่สุด55 จึงได้เห็นภาพมอไซต์ดับคาถนน มอไซต์ลอยไปบนน้ำนั่นละ ขำก็ขำ สงสารก็สงสาร คือจะขับฝ่ากันมาทำไม55

อย่างที่บอกว่าเรามีแอปของ booking.com ที่จะมีแปลที่อยู่ของที่พักเราเป็นภาษาท้องถิ่น คือ ณ คืนนั้น มันช่วยชีวิตเราไว้ค่ะ คือลงจากรถมานี่คือมืดแปดด้านมากเลยว่าที่พักเราจะต้องเดินไปทางไหน เพราะน้ำก็ท่วม มืดก็มืด เราก็นี่เลย เดินผ่านใคร เรายืนโทรศัพท์หน้าที่เป็นที่อยู่ของที่พักเราให้เลยค่ะ เค้าก็ชี้เรา คือใช้ภาษามือกันเอา เราก็พยายามเดินไปตามที่เค้าชี้ พอเจอคนใหม่เราก็ยื่นโทรศัพท์ให้ดูอีก เค้าก็ชี้บอกให้ตรงบ้าง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เราก็ไปตามนั้นเลยค่ะ ทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ (ขอคั่นนิดนึงนะคะ คือในขณะที่น้ำท่วม ถ้าเป็นที่บ้านเรานี่ คุณจะเห็นขยะต่างๆลอยมา แต่ที่นี่ขอบอกว่าไม่มีนะคะ น้ำคือใส ไม่มีขยะ จะมีให้เห็นเป็นระยะๆ คือน้อยมาก และที่สำคัญในขณะที่ฝนตก และน้ำท่วมอยู่นั้น มันคนมาเก็บขยะด้วยค่ะ คุณพระ สะอาดยกนิ้วอ่ะ อยากให้บ้านเราเอาอย่างบ้างเนาะ)

ในที่สุดเราสามคนก็เจอที่พักจนได้ คือเห็นที่พักเหมือนเห็นทางไปสวรรค์อ่ะ คือดีใจมากกกก ไม่คิดว่าจะเจอ55 คืนนั้นคือสลบเหมือบกันเลยทีเดียว ประสบการณ์ในเมืองไฮฟงคืนแรก ประทับใจสุด55 แพลนมาอย่างดีว่าจะไปโน่นที่นั่น ล่มไม่เป็นท่าค่ะ หาทางกลับที่พักได้นี่ก็เริ่ดละ55     

ตื่นเช้ามา อย่างแรกที่ทำเลย คือเปิดม่านเช๊คสภาพอากาศ (คือเป็นคนที่ชอบเที่ยวแบบไม่เคยเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าเลย ชอบไปเสี่ยงเอาข้างหน้า55) สรุปคือยังคงมีฝนปรอยๆ อยู่ เลยตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ก็จะข้ามไปเกาะกัน (อาจจะเจออากาศดีที่โน่น) เพราะอยู่ในเมืองคงไม่ได้ทำอะไรแน่ๆ เลยเก็บกระเป๋าลงไปข้างล่างขอให้เค้าช่วยเรียกแท๊กซี่เพื่อไปท่าเรือค่ะ จากที่พักเราไปท่าเรือไม่ไกลมากจ่ายค่าแท๊กซี่ไปประมาณ 60 บาทไทย

ไปถึงก็จะมีคนขายตั๋วอยู่ข้างหน้าท่าเรือเลย มีให้เลือก 2 ช๊อย   คือเรือเร็ว (45 นาทีถึง) เราก็เลือกเรือเร็วจ่ายไปคนละ 180,000 ดอง  เรือออกบ่ายสองโมง แต่เราไปถึงประมาณ 11.30 ก็ไม่เป็นไร หาไรกินละกันเพราะยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย เราก็นั่งกินกันไปเรื่อยๆ สักพักคนที่ขายตั๋วให้เดินมาถาม ว่าเนี่ยเรือรอบธรรมดาจะออกตอนเที่ยงนะ พวกเธอจะไปกันมั้ย เราก็ถามว่านานแค่ไหน เค้าบอกประมาณชั่วโมงครึ่ง เลยตัดสินใจไปดีกว่าต้องนั่งรออีกเกือบสองชั่วโมง   ด้วยความที่เราต้องรีบเลยไม่ได้ถามค่ะว่าไม่คืนค่าตั๋วให้เหรอเพราะเราซื้อเรือเร็วไป ซึ่งเรือธรรมดาค่าเรือถูกกว่ามาก


เป็นเรือประมาณนี้ค่ะ ประมาณเรือหาปลาอะเนาะ เราก็เออช่างมันเหอะลงมาละ ทำไงได้ คิดว่ามานั่งเรือชมวิวกันละกันเนาะ (คิดบวกเว่อร์55) สรุปนั่งเรือกันไปสองชั่วโมงครึ่งค่ะคุณขา แต่เอาเถอะถือว่าหยวนๆละกัน เพราะวิวระหว่างก็มีอะไรให้ดูสวยๆเยอะเหมือนกัน


ถึงแล้วจ้า เกาะกั๊ตบา รูปนี้คือท่าเรือที่เกาะนะคะ

ก้าวขาลงมาปั๊บก็จะมีคนเดินตามมาขายทัวร์ค่ะ แต่คนที่เดินตามเรามาดีหน่อยว่าไม่ตื้อมากให้ลำบากใจ และเราก็ถือโอกาสถามทางที่พักเราด้วย เกาะกั๊ตบา เป็นเกาะเล็กๆนะคะ คือเดินถึงกันหมด คนนั้นเค้าก็ให้เราเดินตามนะบอกว่าเด่ยวจะบอกทาง เราก็เดินตาม (ใจง่าย55) สรุปเค้าทำงานอยู่โรงแรมตรงหน้าท่าเรือเลย ลองถามราคาดู เออไม่แพงนะ ราคาพอกับที่เราจองเลย แต่ของเค้าเป็นซีวิวอีกต่างหาก ใครไปลองเข้าไปดูนะคะชื่อ Dream Hotel ขึ้นท่าเรือไปจะเห็นเลย

เค้าก็เสนอแพคเกจโน่นนี่ให้เรา แต่ที่เราสนใจคือ แพคเกจล่องเรือไปฮาลองเบย์ค่ะ อยากรู้ว่าเค้าจะขายเท่าไหร่ และจะลองเอาไปเปรียบเทียบกับที่อื่นดู ถ้าใครที่ยังไม่รู้นะคะ แล้วอยากไปเที่ยวฮาลองเบย์ คนส่วนมากจะไปลงที่ฮานอย แต่จริงๆแล้วมาที่นี่ ไปฮาลองเบย์ใกล้นิดเดียวเองค่ะ

เราก็บอกเค้าไปว่าขอไปเช๊คอินที่โรงแรมก่อนนะ ถ้าจะซื้อกับเค้าจะเดินกลับมา โรงแรมที่เราพักไม่ไกลจากท่าเรือมาก เดินไปไม่เกิน 10 นาที เราจอง Le Pont Hotel ไว้ ราคาต่อคืน สำหรับ 3 คน ตกคืนละ 15 ดอลล่า พัก 2 คืน ก็ 30 ดอล รวมอาหารเช้า ห้องถือว่าโอเคมากนะคะ เดินขึ้นไปเขาหน่อยนึง พนักงานก็น่ารักดี แต่ภาษาอังกฤษไม่คล่องเท่าที่ควร แต่จะมีน้องผู้หญฺงคนนึง พูดไทยได้ พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยดีใจใหญ่ อยากพูดภาษาไทยด้วย

เราก็ถามแพคเกจไปฮาลองเบย์กับโรงแรม ราคาก็ใกล้เคียงกับคนแรกที่ตามเราที่ท่าเรือ เลยตัดสินใจกลับไปซื้อกับเค้า แพคเกจล่องฮาลองเบย์ แบบ one day trip ตกเป็นเงินไทยก็คนละประมาณ 500 บาทค่ะ รวมน้ำและอาหารกลางวัน ถือว่าค่อนข้างถูกเลยทีเดียว หลังจากซื้อแพคเกจแล้วก็เลยถามเค้าเรื่องที่กินข้าว เพราะอยากกินอาหารทะเลอร่อยๆ เค้าเลยแนะนำร้านนี้ค่ะ บอกว่าอร่อยและสด (จริงๆที่โรงแรมเค้าก็มีร้านอาหารนะคะ แต่ไม่แนะนำ55)


ร้านนี้เลยค่ะ เห็นป้ายแล้วเดินเข้าไปเลย คอนเฟริมว่าอร่อย สด และราคาโอเคมากๆ เรากินกันที่นี่ทั้งสองวันเลย ไม่กล้าลองร้านอื่น กลัวไม่ถูกใจ มาดูเมนูกันค่ะ

ข้าวผัดกุ้ง รสชาดโอเคเลยค่ะ จะออกเค็มนิดๆ ที่นี่เค้าจะใช้เกลือในการปรุงอาหาร กุ้งสดดีค่ะ เค้าจะมีมะนาวและกระเทียมให้ พร้อมซีอิ๊ว เราก็เอามาผสมเอา เสมือนทำพริกน้ำปลาบ้านเราอ่ะนะ


ใครพี่ชอบหอยนางรม ขอบอกว่าห้ามพลาดเมนูนี้เด็ดขาดค่ะ จานแรกเป็นแบบเผานะคะ สดและอร่อยมาก กินกันไปสองจาน ให้ทายว่าตกจานละเท่าไหร่??? ประมาณ 200 บาทไทยค่ะ คือเราว่ามันถูกมากนะ คือหอยตัวใหญ่ๆเลย บ้านเราหลายตังค์นะจานนี้ ส่วนจานล่างเป็นแบบสดๆค่ะ เราบีบมะนาวใส่แล้วกินเลยค่ะ ตามด้วยพริกกับกระเทียมนิดหน่อย ไม่คาวเลยเพราะหอยมันสด (แต่เพิ่งเห็นข่าวเรื่องสาวเมกันกินหอยนางรมสดแล้วเสียชีวิต เพราะมีเชื้อในหอย ตอนนี้เลยไม่อยากเลยค่ะ55 ถ้าจะกินเอาแบบให้มันสุกละกันเนาะ ปลอดภัยไว้ก่อนหัวเราะ)

จานแรกเป็นหอยผัดกระเทียม ไม่คาดหวังรสชาดมาก แต่สรุปคือ เฮ้ย มันอร่อย หอยสด หวาน ผ่านเลยจานนี้ จานที่สองเราชอบมาก ด้วยความที่เป็นคนชอบกินปลาอยู่แล้ว อันนี้คือปลาเผา อร่อยเว่อร์วัง คือของมันสดอะนะ เอามาทำอะไรก็อร่อย ส่วนจานที่สามก็เป็นปลาเหมือนกัน อันนี้อารมณ์ประมาณ เปรี้ยวหวานบ้านเรา แต่อันนี้ไม่หวานมากนะ (ขอโทษด้วยนะคะ รีวิวนี้จะมีอาหารเยอะหน่อย เพราะเป็นคนชอบกิน อิอิ)

ขอพักไว้ตรงอาหารก่อนนะคะ เด่ยวพรุ่งนี้จะมาต่อทริปฮาลองเบย์ และที่เที่ยวรอบๆเกาะค่ะยิ้ม
ชื่อสินค้า:   Catba Island
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่