พนันหัวใจใต้ปีกรัก ตอนสามมาแล้วค่ะ (หากคนอ่านมีความเห็นอะไรจะบอกหรือติชม โปรดชี้แนะด้วยค่า)

ในที่สุดเมื่อตั้งสติได้ จนเมื่อหยุดร้องไห้สำเร็จ ก็เริ่มหันไปออกฤทธิ์ออกเดชกับคนขับอีกรอบ

"นายติณณ์ จอดรถได้แล้ว ฉันจะลง"

"แหกตาดูบ้างสิ นี่มันดึกแล้วนะ แถวนี้มันรอบนอกจนแม้แต่แท็กซี่ยังไม่วิ่งเลย"

"บอกให้จอดไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง"

"อยากลงไปถูกปล้น ฆ่า ข่มขืน ตายรึไง มาเรียกร้องจะลงรถตอนนี้เนี่ย" ติณณ์ชะลอความเร็วรถลง
และหันมาตวัดสายตาที่ดูเหมือนรำคาญใส่

"ก็เรื่องของฉันไหม ไม่เกี่ยวกับนาย จอดดิ จะลง" ภีรณีเริ่มยื่นมือมาแย่งพวงมาลัย ติณณ์ที่กลัวว่า
จะเกิดอันตรายเลยรีบชะลอรถและจอดเข้าข้างทาง

หญิงสาวรีบเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกไปทันทีที่รถจอดสนิท แต่กลับถูกชายหนุ่มรีบดึงกุญแจ
และวิ่งตามมาจับแขนและกระชากตัวเธอเอาไว้จนคนตัวเล็กเสียหลักปลิวหวือตามแรงดึงจนล้ม
เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา

"ปล่อยฉันนะ!" หญิงสาวร้องสั่งเสียงดังพร้อมกับรีบเอนตัวให้ไกลออกจากคนตัวใหญ่ แต่เขา
กลับตะคอกคนดื้อเสียงดังว่า

"สติน่ะหัดมีมั่งนะ โกรธโมโหอะไรน่ะทำได้นะ แต่อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนหรืออาจจะ
ได้รับอันตรายแบบนี้" ติณณ์กอดรัดหญิงสาวที่ดิ้นหนีเขาเอาไว้และจ้องมองด้วยสายตา
ตำหนิติเตียน

"นายไม่เป็นฉันนายจะมารู้อะไรด้วยไหม รู้ไหมว่าฉันเจ็บขนาดไหน ฉันคบกับมายด์ช่วยกัน
ผ่อนคอนโด วางแผนอนาคตเอาไว้ด้วยกันสารพัด แล้วจู่ๆ ก็มาโดนทิ้งแบบนี้ นายไม่มาเป็น
ฉันนายไม่เข้าใจหรอกว่ามันรู้สึกแย่ขนาดไหนในวันที่คนที่เราไว้ใจ คิดว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุข
ด้วยมาทรยศ หักหลังกันแบบนี้" หยาดน้ำตาจากความเจ็บแค้นก็เริ่มรินไหลออกมาอย่าง
กลั้นไม่อยู่อีกรอบ

ได้ยินแบบนี้ ก็อดรู้สึกเห็นใจหญิงสาวไม่ได้ จึงพูดกับด้วยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนลงจากเดิมว่า

"ก็รู้ว่าเจ็บอยู่ แต่เห็นไหมว่าข้างนอกนี่ลมมันแรง ฟ้าก็แลบแปรบๆ เกิดฝนตก ต้องเดินตากฝน
ปอดบวมตายไปจะทำยังไง เธอยังมีแม่ที่ต้องดูแลอยู่ไม่ใช่หรือไง"

แม้ว่าภีรณีจะพยายามใช้หลังมือปาดเช็ดมันสักเท่าไหร่ หยาดน้ำใสๆ ก็ไม่เคยน้อยลงแถมมัน
กลับยิ่งรินไหลหนักขึ้น แถมจู่ๆ ตอนที่ยืนเถียงกันอยู่ สายฝนอันหนักหน่วงก็เทลงมาใส่คน
ทั้งคู่อย่างไม่ลืมหูลืมตา

คนตัวใหญ่จึงรีบจับลากคนตัวเล็กให้เดินตามกลับไปที่รถเพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายทั้ง
จากคนร้ายที่อาจจะมาชิงรถและรวมถึงความเย็นจากสายฝน

"รีบมานี่เลยยัยตัวดี"

เมื่อกลับมาถึงที่รถ ติณณ์ก็รีบยัดคนตัวเล็กเข้าไปตรงที่นั่งข้างคนขับ และรีบวิ่งอ้อมไปขึ้น
รถที่ฝั่งคนขับ ก่อนทั้งคู่จะพบว่าตอนนี้เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขาและเธอนั้นเปียกซ่ก
ไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำกันเลยทีเดียว

"บ้าเอ้ย เปียกหมดเลย เห็นไหมเล่าบอกแล้วว่าฝนมันจะตก"

"แล้วใครใช้ให้นายตามลงไปล่ะ" คนพูดกอดอกเชิดหน้าใส่อย่างดูถือดีจนติณณ์นึก
อยากจะจับมาตีปากนักแต่ก็ทำไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นอิสสตรี

"เธอนี่มัน...ฮึ้ย" ติณณ์พยายามสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์ ก่อนจะหันไป
สตาร์ตรถแทนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้ตัวเองมัวแต่ไปอารมณ์เสียอยู่กับคนอวดดี

หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่หันไปสตาร์ตรถก็กลับพบว่ารถยนต์นั้นมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น

"แต๊กๆ แต๊กๆ...พรึบ"

เขาพยายามสตาร์ตอยู่สองรอบ แต่ทุกๆ รอบเครื่องยนต์ก็มีเสียงดังขึ้นเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง
แล้วเครื่องก็ดับเงียบไปเฉยเลย

ภีรณีที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ของเครื่องยนต์เช่นกัน จึงหันมามองหน้าติณณ์
ด้วยความตกใจทันที





ปล.  หากท่านนักอ่านมีความเห็นอะไรจะบอกหรือติชม โปรดชี้แนะด้วยค่า
ตรงไหนภาษามันแปร่งๆ หรือ เหตุการณ์ตรงไหนควรปรับเพิ่มหรือลดอะไร
บอกได้หมดเลยนะคะ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ
เนตรยังรู้สึกว่าภาษายังไม่สละสลวยสักที หากมีเทคนิกดีๆ อะไรอยากแนะนำ
ช่วยบอกเนตรด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่