พนันหัวใจใต้ปีกรัก ตอน 4 มาแล้วค่ะ :)

ติณณ์พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์ ก่อนจะหันไปสตาร์ตรถเพื่อเบี่ยงเบน
ความสนใจไม่ให้ตัวเองไปเสียอารมณ์อยู่กับคนอวดดี แต่แล้วชายหนุ่มกลับพบว่ารถยนต์
ของตนมีอาการแปลกๆ เพราะไม่ว่าจะสตาร์ตกี่รอบ เสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นชั่วสั้นๆ
แล้วก็ดับเงียบไป
ภีรณีที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ของเครื่องยนต์เช่นกัน เธอจึงหันมามองหน้า
คนขับด้วยความตกใจ แล้วเผลอถามคนข้างตัวด้วยชื่อที่เคยใช้เรียกกันตอนสมัยเด็ก
“รถเป็นอะไรน่ะพี่มิกซ์”
“ไม่รู้ แป๊บนะ เดี๋ยวโทร.ถามเจ้าของรถก่อน”
พูดจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร.หาพี่ชายทันที หลังจากรอสายอยู่ครู่ใหญ่
คนปลายสายก็กดรับ
“ฮัลโหลมาร์ช รถแกสตาร์ตไม่ติดน่ะ เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนหรือเปล่า”
“แกเอารถฉันไปใช้โดยไม่ขออีกแล้วนะไอ้มิกซ์” วิณภพณ์ที่ทุกวันนี้ใช้จักรยาน
ไปไหนมาไหนในกองบินเป็นหลักเริ่มบ่นน้องชายตัวดีด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
“อย่าเพิ่งเทศน์กันตอนนี้ได้ไหม รถฉันเข้าอู่อยู่ แล้วต้องมางานแต่งไอ้จักร
แต่รถแกดันสตาร์ตไม่ติดเนี่ย”
“สมน้ำหน้า แกอยากขโมยรถฉันไปใช้ก่อนที่ฉันจะเอาไปเปลี่ยนแบต เฮ้ย!
มีเคสอุบัติเหตุเข้ามา แค่นี้ก่อนนะ” วิณภพณ์ซึ่งเข้าเวรห้องฉุกเฉินกดตัดสายทิ้ง
ทันทีและรีบรุดเข้าไปดูคนไข้ที่ถูกเข็นเปลเข้ามา เพราะเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนนั้น
กำลังนอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แถมยังมีโลหิตสีแดงฉาน
ไหลเปรอะเลอะเต็มไปหมด เลยไม่ทันจะได้ยินว่าน้องชายนั้นกำลังติดฝน
รถเสียอยู่กลางทาง
“เดี๋ยวสิ นี่ฉันรถเสียอยู่...อ้าว เฮ้ย! วางสายทำไมเนี่ย ไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือไง”
สาเหตุที่วิณภพณ์กดตัดสายโดยไม่คิดห่วงผู้เป็นน้องก็เพราะเข้าใจว่าน้องชาย
สามารถทิ้งรถไว้ที่โรงแรมแล้วอาศัยติดรถเพื่อนไปนอนค้างบ้านเพื่อนในกรุงเทพฯ
เหมือนที่อีกฝ่ายมักทำอยู่บ่อยๆ ในช่วงคืนวันศุกร์วันเสาร์แบบนี้
เมื่อเห็นว่าแบตโทรศัพท์กำลังจะหมดมิหมดแหล่ ก็รีบกดโทร.หาเพื่อนคนอื่นทันที
“นี่แบตรถหมดเหรอ”
ภีรณีเอ่ยถาม แต่ติณณ์กลับยกมือขึ้นห้ามและเอ่ยขึ้นมาสั้นๆ โดยไม่หันมามองเธอ
“เงียบก่อน แบตมือถือเหลืออยู่นิดเดียวเอง ขอโทร.หาเพื่อนก่อน”
ทว่าฟังเสียงสัญญาณรอสายอยู่ครู่ใหญ่ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนปลายสายจะกดรับ
“ทำไมไม่รับวะไอ้ธี”
ชายหนุ่มบ่นออกมาก่อนที่จะกดวางสายและลองกดโทร.ออกใหม่อีกครั้ง เป็น
จังหวะเดียวกับที่คนข้างๆ เอ่ยบ่นขึ้นมา
“เพราะนายคนเดียวที่ยึดมือถือของฉันไป ไม่งั้นป่านนี้ฉันโทร.บอกให้เพื่อนมารับได้แล้ว”
“จะบ่นทำไมเนี่ย เห็นไหมว่ากำลังโทร.เรียกให้ไอ้ธีมาช่วยอยู่ เดี๋ยวก็บอกให้มัน
โยนมือถือเธอทิ้งลงกลางทางเสียเลยนี่” ทั้งๆ ที่รู้ตัวว่าตัวเองผิดในเรื่องนี้ แต่ติณณ์
ก็ยังไม่วายปากเสีย
“มะม่วง นายนี่มันนิสัยแย่จริงๆ ผิดแล้วยังมาขึ้นเสียงใส่คนอื่นอีก”
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมยายเหยิน ว่าห้ามเรียกฉันว่ามะม่วง”
“งั้นนายก็เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักทีได้ไหม ฉันฟันไม่เหยินแล้วนะไอ้มะม่วง”
“นี่!”
จังหวะที่ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันอยู่นั้น ธีรภพก็กดรับสายพอดี ทำให้เขาถึงกับปวดหู
ไปเลยทีเดียวเมื่อได้เสียงที่ผู้เป็นเพื่อนตะโกนใส่ภีรณี
“โอ๊ย ไอ้ติณณ์ แกตะโกนใส่หูฉันทำไมวะ”
“เฮ้ย! รับแล้วเหรอ โทษที กำลังทะเลาะกับยายทอมอยู่ แกช่วยมารับฉันทีสิ
รถฉันเสียน่ะ”
ติณณ์เอ่ยยาวเป็นชุด แต่แล้วก็รู้สึกว่าเสียงทางอีกฝั่งเงียบมาก ก่อนที่จะพบว่า
แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือนั้นหมดไปเสียแล้ว!

หลังจากรู้ว่าแบตเตอรี่มือถือหมด ติณณ์ก็ลองพยายามสตาร์ตรถอีกหลายครั้ง
ทว่าผลที่ได้ก็ยังคงเหมือนเดิม สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอดเสื้อสูทแล้ว
วางมันไว้ที่เบาะหลังและนั่งพักไปเงียบๆ ท่ามกลางสายฝนที่กำลังโปรยปราย
ลงมาอย่างหนัก
ผ่านไปสักพักก็เหลือบตามามองคนข้างกาย เห็นนั่งนิ่งๆ และก้มมองมือตัวเอง
ที่วางอยู่บนตัก ท่าทางนั้นเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ติณณ์
จึงเอ่ยขึ้นมา
“ฉันรู้นะว่าเธอกำลังเสียใจและเสียความรู้สึกมากๆ เกี่ยวกับเรื่องมายด์ แต่ยังไง
ก็ควรจะพยายามตั้งสติให้ดี เธอจะเสียใจมากแค่ไหนก็ไม่มีใครห้ามหรอก แต่
อย่าทำอะไรที่มันขาดสติจนทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน ไอ้ความสะใจก็ได้แค่
ตอนนี้เท่านั้นแหละ แต่ผลที่จะตามมาหลังจากนั้นมันไม่ได้คุ้มค่ากันเลย แล้ว
ก็ลองคิดทบทวนดูให้ดีว่าอะไรคืออดีต อะไรคือปัจจุบัน” ไม่พูดเปล่าแต่กลับ
จ้องมองสบตากับเธอด้วยสายตาอาทร
คำพูดนี้ติณณ์ไม่ได้พูดแค่เตือนสติหญิงสาว แต่คนที่กำลังรู้สึกสงสารภีรณียัง
พูดย้ำเตือนตัวเองด้วย เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดถึงความสนุก
ของตัวเอง จนละเลยความรู้สึกของใครหลายคนไป และถ้าย้อนเวลากลับ
ไปได้ เขาจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก รวมถึงเรื่องที่เขารู้ว่าเพื่อนสนิทกำลัง
ทำอะไรอยู่ แต่ไม่เคยคิดห้ามปราม จนกระทั่งสถานการณ์มันไปไกลถึงเพียงนี้
ภีรณีได้ยินประโยคนั้นเข้าไปก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าด้วยความจริงจนแทบ
จะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง แต่ถึงจะรู้ว่าเขาหวังดีจากสายตาที่มองมา แต่เพราะ
คนตรงหน้าคือติณณ์ ผู้ชายใจร้ายที่ชอบทำตัวไม่ดีใส่เธอ ไม่ว่าจะเป็นสมัยเด็ก
หรือตอนที่มาเจอกันอีกครั้งในช่วงวัยทำงาน หญิงสาวจึงเบ้ปากใส่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
“มันก็เป็นเรื่องของฉันไหม”
ติณณ์ที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับชะงัก เขาแทบอยากจับกระชากตัวของภีรณีมาพาดตัก
และตีก้นสั่งสอนเสียให้สมกับความดื้อรั้นของเจ้าหล่อน ทว่าก็ทำได้แค่จิกตา
ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน และหันไปกำหมัดอย่างนึกหมั่นไส้คนอวดดี
หลังจากนั้นต่างคนต่างนิ่งเงียบและนั่งแยกเข้ามุมแดงกับมุมน้ำเงินของตน
ผ่านไปครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ค่อยๆ ใช้สองมือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปียกชุ่ม
ของตนออกทีละเม็ด ก่อนจะหันมามองสบสายตาของภีรณีที่หันมามองเขาพอดี
เพราะได้ยินเสียงคนข้างๆ กำลังขยับตัวทำอะไรสักอย่าง และจู่ๆ คนที่ยิ้มพราย
ก็ถอดเสื้อของตัวเองออกหน้าตาเฉย ทำเอาคนที่เห็นภาพนั้นถึงกับตาโตตกใจ
และร้องออกมาเสียงดังลั่นรถ
“นี่ไอ้บ้า นายถอดเสื้อทำไม!”
ติณณ์ถอดเสื้อออกจนเผยให้เห็นซิกแพ็กและหุ่นขาวๆ ล่ำๆ จากการ
ออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งหุ่นสมชายชาตรีที่ขาวโอโม่แบบนั้นมัน
ก็ดูเซ็กซี่มาก นอกจากนี้เขายังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนที่กำลังทำหน้าตาตื่น





























To be continued...

เรื่องที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด หัวเราะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่