“คุณพร้อมเริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ?” เสียงคนตรงหน้าฟังดูนุ่มนวล
“พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ”
ละตินได้งานประจำใหม่เร็วกว่าที่คิด บริษัทร่วมทุนต่างชาติเรียกตัวเธอให้เข้าไปสัมภาษณ์งานก่อนหน้านี้ แต่ละตินยังสนุกกับงานอดิเรกจึงผัดมาตลอด วันนี้มาก็ได้งานเลย
งานที่ตัดสินใจทำไม่ยุ่งยาก เพราะรับผิดชอบแค่งานขายภายในประเทศเท่านั้น แม้จะผ่านงานขายต่างประเทศมาก่อน แต่เพราะละตินไม่อยากไปต่างประเทศอีก จึงเลือกทำงานในประเทศแทน
“จริงๆ อยากให้คุณทำขายต่างประเทศนะคะ เสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร หากมีอะไรไหว้วาน เราจะขอรบกวนบ้างในบางครั้ง คงไม่ปฏิเสธ”
“ค่ะ…อย่างที่เรียนให้ทราบ ถ้าต้องเดินทางบ่อยๆ ก็ไม่ไหวค่ะ”
“น้องติ…อ่อนกว่าพี่มาก ยังไงมีอะไรคุยกันได้นะคะ”
ละตินยกมือไหว้เพื่อนร่วมงานที่สูงวัยกว่าพลางยิ้มให้ โลกของเธอกำลังจะต้องพัวพันกับคนแปลกหน้าอีกครั้ง
“เอ่อ คุณโทคะ ทานอะไรดีคะวันนี้?” คนตรงหน้าทักใครบางคน
“นานิ โมะ ทาเบะมาเซ็ง…ไม่ทานครับ” เสียงนุ่มตอบกลับมา ก่อนที่ละตินจะหันหน้าไปมอง
ชายหนุ่มตายาวผิวขาวยิ้มจางๆ ให้หล่อน ก่อนจะยกมือทักทายไปมาไม่กี่ครั้งแล้วเดินจากไป
“นั่นคุณเอกกวี…เจ้านายค่ะ”
“ภาษาญี่ปุ่น?!” ละตินถามลอยๆ
“ค่ะ ลูกครึ่ง…แต่เกิดที่นี่ ภาษาไทยเยี่ยมยอด…แต่ชอบทวนภาษาคุณพ่อ” คนเล่าหัวเราะเบาๆ “ไว้อยู่ไปนานๆ จะรู้…น่ารักค่ะ ใจดีด้วย”
ละตินพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับ ในกายรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเดินออกมาจากบริษัทใหม่ของเธอ “อายุน่าจะยังน้อย…ไม่น่าใช่” ทำไมต้องคิดเรื่องนี้??!! ละตินตั้งคำถามกับตัวเอง
หล่อนหันไปมองรถสปอร์ตสีเข้มขับผ่านไป ใครบางคนบีบแตรให้ ก่อนที่กระจกจะถูกเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ละตินมองไปรอบกาย…หากแต่ตรงนั้นก็ไม่มีใคร…นอกจากตัวเธอ!!!
เขามองเรา!! ผู้ชายคนนั้น…คุณโท…นั่น…บีบแตรทักเรา??!!
เมื่อมองซ้ายขวาก็ยิ่งแน่ใจ…ผู้ชายคนนั้นจำเธอได้แน่นอน ใจของหญิงสาวหวนคิดถึงคำทำนายของทองสิบทันที จะเร็วเกินไปหรือเปล่า หากจะเชื่อคำทำนายเหล่านั้น?
ผู้ชายคนนั้น…น่าดู…เท่านั้นเอง…อย่าคล้อยตาม!
“จะบ้าตาย!!! ไม่มีหรอกเรื่องแบบนี้!!” หญิงสาวพูดกับตัวเอง
“แหมมาไวดั่งใจมากน้องรัก เชิญค่ะๆ ๆ” ทองสิบกวักมือเรียกอย่างดีใจ
“ทำไมใจร้อนคะ? จะทวงหนี้หรือไง?”
“บ้าสิ!! ยังไม่ถึงสามเดือนเลย คิดถึงก็เลยเรียกหา จะจุดธูปเรียกก็กระไรอยู่” คนเล่นมุกหัวเราะเอง
“ค่ะ คิดถึงเหมือนกัน”
“เอามือมานี่!!” ทองสิบดึงมือละตินไปดูทันที “เห็นไหม?! มันเหมือนสั่งได้เลยดวงติเนี่ย แกเจอหรือยังผู้ชายที่ว่าน่ะ?”
“ถมเถค่ะ…เดินมาก็เจอ”
“ไม่เอาน่ะติ อย่าพูดเล่น มีใครเขาทำท่าสนใจแกมั่งไหม?”
“ก็…บีบแตรใส่…”
“เหรอๆ ๆ แล้วไงต่อ??”
“แค่นั้นแหละ บางทีอาจจะไล่หมาแถวนั้นก็ได้ แต่ติหาหมาไม่เจอ มีแต่ตัวเอง”
“อ้าว!! เวรกรรมหมาที่ไหนชื่อละติน หรูเชียว???!!!” คนพูดหัวเราะเสียงดัง แต่คนฟังค้อนขวับ “โทษทีๆ หนักไปนิด ฟังพี่นะน้องรัก ชะตาฟ้าลิขิต แกหนีไม่พ้นหรอก ให้เตรียมใจไว้ให้ดี ผู้ชายคนนี้จะพาทุกอย่างมาให้แกอย่างมโหฬาร ไม่เชื่อฉันก็คอยสังเกตให้ดี”
“คนบีบแตรน่ะเหรอคะ? พี่ทองสิบรู้ได้ไงว่าเป็นใคร ติยังไม่ได้บอกเลยนะ ไม่คิดว่าเป็นแท็กซี่หรอกเหรอ?” คนถามหยั่งเชิงแม่หมอ
“ไม่ใช่…แต่เป็นคนพลัดถิ่น…ต่างชาติ” ทองสิบยิ้มที่มุมปาก
ละตินนั่งนิ่งเมื่อได้ยินคำตอบ น้ำเสียงทองสิบจริงจัง “เทวราชย์ก็ขวางแกไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นของแก ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่มีทางได้ร่วมหอ…ถ้าแกไม่ยอม”
“ใครบอกพี่?”
“ฉันบอกแกไม่ได้หรอก แต่แกต้องเดินไปข้างหน้าแล้วละติน” มือที่วางบนบ่าของหญิงสาวบีบแน่น “พี่ไม่ทิ้งติแน่ ไม่ต้องกลัว…เขาจะเข้ามาหาแกเอง”
หญิงสาวหลับตาลง…เหนื่อยใจ เอกกวี…แน่หรือ…หรือมีใครอีก?
“พี่โทคะ!!!” หญิงสาวหน้าตาหมดจดวิ่งเข้ามากอดคอคนที่กำลังเดินเข้ามาหา
“แหม!! ช้าจัง หวานรอจนเมื่อยแล้วเนี่ย” เจ้าตัวบ่นอิดออด อีกคนมองหน้ายิ้มๆ
“พี่ต้องตรวจงานค่ะ อยากทานอะไรวันนี้?”
เอกกวีโอบบ่าแฟนคนล่าสุดออกเดิน ร้านรวงรอบกายที่นัดกันไว้มีผู้คนหนาตา หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจใคร หญิงสาวกอดคนรักตอบบ้าง ทั้งสองออกเดินอย่างสุขใจ
เอกกวีคบหากับดาราได้เกือบปีแล้ว เขาหลงรักผู้หญิงคนนี้ตรงที่เธอสดใสอยู่เสมอ หล่อนเด็กกว่าเขา 2 ปี ส่วน เอกกวีอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น ดาราเป็นคนช่างเอาอกเอาใจและที่สำคัญเธอสวยยิ่งกว่าใคร สมแล้วที่ชื่อ ‘ดารา’
ความสดใสตรงหน้ายาใจทุกครั้งที่มองเห็น “Star อยากไปไหนไหมคะวันนี้พี่โทว่างแล้วนะ?”
ชายหนุ่มมักจะเรียกคนรักว่า Star แทน ‘ดารา’ เพราะติดปากและเขาก็ไม่ค่อยชอบชื่อเล่นของคนรักนัก ชื่อ ‘หวาน’ มันดูเกลื่อนไปหน่อยในความรู้สึกของเขา
คนอย่างเอกกวี…มีทุกอย่าง ของที่มี…จึงไม่ควรซ้ำกับใคร
“เออ…วันนี้มีพนักงานใหม่มา” เอกกวีเล่าเมื่อเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
“สวยไหมคะ? กับดาราใครสวยกว่ากัน?”
เอกกวีมองคนตั้งคำถามแล้วนิ่งไป…
ที่ยังไม่ถูกใจนัก…ก็ตรงนี้!!
ดารามองคนที่ภายนอกก่อนสิ่งอื่นใด เอกกวีรู้ดีว่ารูปลักษณ์สำคัญ หากแต่ทุกคำพูดที่ออกจากปากใครสักคน เขาคิดว่าควรกรองเสียหน่อย อย่างน้อยๆ บุคคลที่ถูกกล่าวถึงก็คงไม่อยากถูก ‘เปรียบ’
“ดีค่ะ…เอาอะไรอีกไหมครับ?” ชายหนุ่มตัดบทเพราะไม่อยากถูกถามต่อ
“พี่โทขา…ทำไมพี่โทต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย Star พูดอะไรผิดอีกแล้วเหรอคะ?” ดารารู้ดีว่าคนรักไม่ค่อยพอใจวิธีคิดของเธอนัก หากแต่ก็ยากที่จะทำอะไรเธอได้
เธอเชื่อ! เอกกวีรักเธอยิ่งกว่าอะไร ต่อให้ไม่พอใจ เขาก็จะไม่พูดให้เสียใจ
“ไม่มีอะไรครับ คิดเรื่องงานต่อ เดือนหน้าอาจต้องกลับบ้าน”
“จริงเหรอคะ!!??? Star ไปด้วยนะ!!!”
ชายหนุ่มเอื้อมมือมาลูบที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆ “ไม่รับปากค่ะ…โอโต้ซัง…อาจไม่สะดวก” เขาหมายถึงบิดาที่ปลดเกษียณตัวเองและใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นกับหลานและพี่สาวทางโน้น “หลานตัวเล็กๆ กำลังซนค่ะ ถ้าไป…เราก็พักที่นั่นไม่ได้ ไม่สะดวก” ชายหนุ่มอธิบาย
“ทำไมคะ บ้านพี่โทออกจะใหญ่โต Star เคยเห็นในโน้ตบุ้คนะ”
เอกกวีกลืนน้ำลาย ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “เคยเปิดดูเครื่องพี่?” เขาถามเบาๆ
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้าง “ก็ตอนไปค้างที่บ้านพี่…” เสียงคนเล่าเบาลง หญิงสาว ‘พลาด’ เพราะไม่เคยคิดว่าจะบอกคนรักเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่าเอกกวีเป็นคนเปิดกว้าง หากแต่บางเรื่อง เขาก็ ‘ปิด’ ได้อย่างแนบเนียน
ชายหนุ่มนิ่ง มองหน้าคนรับสารภาพเพราะ ‘พลาด’ ก่อนจะยิ้มจางๆ ให้ “คราวหน้าไม่เปิดอีกนะคะ…งานพี่โทสำคัญถ้าพลาด…ก็หายเพราะพี่ไม่มีเลขาฯ” ชายหนุ่มเน้นเสียง ‘ย้ำ’ คำว่าพลาดอย่างช้าๆ
“ให้ Star เป็นเลขาฯ ได้ไหมคะ? จะรีบลาออกจากงานเลย”
เอกกวีมองใบหน้างามของหล่อนแล้วยิ้มให้ “มันมีแต่ตัวเลข…งาน event ของเราดูจะเหมาะกว่าค่ะ” เขาพยายามเลี่ยง เมื่อต้องพูด ข้อดีและข้อเสียของคนรัก “ไว้เรียนโทเพิ่ม ก็อาจจะทำได้ค่ะ”
“พี่โทก็ชอบหาว่า Star โง่” หญิงสาวหน้างอ “ก็แค่งานเลขาฯ มันจะยากตรงไหนกัน!” คนน้อยใจชักพื้นเสีย ไม่สบอารมณ์กับความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง
คนอย่างดารา…มีแต่คนเดินเข้าหา แต่ผู้ชายตรงหน้า ดีกว่าทุกๆ คน ลูกครึ่งสุดหล่อ พ่อรวยและใจดีเป็นที่สุด เรื่องอะไรจะปล่อยไป หากแต่ที่น่ากลัวนัก ก็คือ “กำแพงส่วนตัว” ของคนรัก มันสูงกว่าความสูงของชายหนุ่มมากมายเหลือเกิน
แม้หล่อนจะกอดเขาได้ และได้เป็นคนพิเศษของเขา ได้ออกหน้าออกตาในสังคม หากแต่ทุกครั้งที่คุยกัน ดาราก็รู้สึกเสมอ…เขาเหมือน ‘คนแปลกหน้า’ และทำให้ความมั่นใจในตัวเธอหายไปกว่าครึ่ง!
“ไม่ยากค่ะ…แต่พี่โทไม่มีจะดีกว่า…เย็นนี้พี่ไปค้างด้วยค่ะ” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า ดวงตายาวมองมาอย่างเมตตา ทำให้ดาราใจเย็นลงได้อย่างง่ายดาย
เช้านี้เอกกวีมาทำงานแต่เช้า เมื่อเดินผ่านห้องทำงานของพนักงานที่กั้นเป็นช่องเล็กๆ ไว้ราวเมตรกว่าๆ ก็เห็นพนักงานก้มหน้าทำงานกันเงียบๆ ชายหนุ่มแค่ยิ้มจางๆ ให้ เขาหยุดเดินกวาดตามองหา ‘คนใหม่’ ก่อนจะเห็นชื่อติดอยู่ช่องที่ใกล้ทางเดิน ตรงที่เขายืนอยู่นั่นเอง
“โคเระ…อยู่นี่เอง” ชายหนุ่มพูดภาษาญี่ปุ่นก่อนจะแปลให้ตัวเองเบาๆ
ที่นั่งว่างเปล่า…
ก่อนเจ้าตัวจะเดินผ่านไป เขาชะโงกดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอเปิดแล้ว…หล่อนมาทำงาน!
“อ้าว! คุณโท มาแต่เช้าเลย โอไฮ้โอ้คร้าบ!!!” เสียงคุณโอฬาร พนักงานอาวุโสทัก ‘สวัสดีตอนเช้า’ เสียงดัง ทำให้พนักงานคนอื่นๆ มองมาที่เขาเป็นตาเดียว
เอกกวีค้อมตัวลงทักทาย “โอไฮ้โอ้ครับ พอดีเมื่อวานเกเรไม่เข้าออฟฟิศ วันนี้เลยมาแต่เช้า” ปกติชายหนุ่มจะเข้างานไม่เป็นเวลา งานของเขาคืออ่านและคิดเท่านั้นเอง “ฝนตกแต่เช้า รถติดไหมครับ?” เอกกวีถาม
“โอย ธรรมดาครับ ฝนไม่ตกรถก็ติดเป็นปกติครับ ผมวางเอกสารไว้ให้ รบกวนคุณโทดูให้ทีนะครับ”
เอกกวีพยักหน้า ก่อนจะได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผ่านกาย ละตินเดินเข้าไปในล็อกที่นั่งของเธอ หล่อนยกมือไหว้แล้วนั่งลงทำงาน ไม่พูดจาอะไร
คนรอดูอยู่มองเหมือนมองผ่าน ก่อนที่หางตายาวจะมองที่ใบหน้างามอีกครั้ง…
“คุณโอฬารผมขอคุยกับฝ่ายบุคคลหน่อยนะครับ อีกสิบนาทีค่อยเข้าไป” คนตัวสูงเดินไปข้างหน้าไม่ลังเล นายโอฬารเกาศีรษะที่โล่งเตียนยิกๆ ไม่ทันได้ตอบรับ ชายหนุ่มก็หายไปแล้ว
“คุณโท…นี่นะจะคุยกับฝ่ายบุคคล??!!”
คนเคาะประตูห้องเดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามา การะเกดเป็นสาวโสดแม้วัยจะล่วงเลยเข้าเลขสี่แล้ว หากแต่ริมฝีปากของหล่อนยังแดง หน้ายังแจ่มเพราะดูแลตัวเองได้ดี
“เชิญครับการะเกดซัง…” ชายหนุ่มยิ้มให้ตาหยี นานแล้วที่ไม่ได้พบกับฝ่ายบุคคลที่อยู่อีกตึกตรงกันข้ามกับสำนักงานของเอกกวี ฝ่ายบุคคลถูกแยกให้อยู่ห่างกันชัดเจน เขาไม่ชอบให้ใครมาเดินเพ่นพ่านในเวลาที่พนักงานขายทำงานที่ตึกนี้
“สบายดีนะครับ?”
“ค่ะ คุณโทมีอะไรให้เกดรับใช้คะ? ทุกทีเห็นบอกผ่านคุณแววตาผู้ช่วย”
“ครับ…จะถามเรื่องคนใหม่หน่อย”
“มีอะไรคะ วันนี้เพิ่งทำงานวันแรก ก็ทำเรื่องแล้วเหรอคะ?”
“อิเอะ!! ไม่ใช่ครับ…ผมอยากทราบเรื่องส่วนตัวเขานิดหน่อย ถามได้นะ?” คนตายาวยิ้มน่าดู คุณเอกกวีเป็นคนน่ารักและหล่ออย่างร้ายกาจ อาการไว้ตัวทำได้น่าดูเป็นที่สุดในสายตาคนตรงหน้า
“ได้สิคะ…เขาอายุ 27 ค่ะ อยู่คนเดียว คนรักเพิ่งเสียค่ะ”
“อืม…เด็ก” ชายหนุ่มไม่สบตา หากแต่ทุกคำที่ได้ยิน…เขาตั้งใจฟัง
“ค่ะ…ตอนนี้ไว้ทุกข์ค่ะ หน้าเลยเศร้าๆ แต่เห็นทำร้านดอกไม้อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเราค่ะ มาทำงานเพราะไม่อยากว่างเท่านั้นเอง พี่ไม่ค่อยได้คุยกับเขานักหรอกค่ะวันสัมภาษณ์ แต่ก็ดูเข้าท่าค่ะ” คนเล่าจีบปากจีบคอพูด คนฟังแทบไม่มองหน้าหล่อน แต่พยักหน้ารับตลอด…
“ครับ…เท่านี้หรือครับ มีอะไรอีกไหม?”
“คุณโทอยากทราบอะไรล่ะคะ?”
“ถ้าไม่มีอะไรจะเล่าก็ช่วยส่งแฟ้มประวัติมาให้อีกทีนะครับ อยากหาเลขาฯ แต่ไม่รีบร้อน ไม่ต้องหาให้นะครับ ขอดูคนในดีกว่าจะได้คุยกันง่ายๆ”
“อ้าว!! ไม่เห็นคุณโทเคยบอก คุณแววไม่ไหวหรือคะ?”
“ไหวครับ…แต่ก็อยากได้มาช่วยอีกสักคน ไม่เป็นไร ขอแค่นี้พอครับ” ชายหนุ่มตัดบท ไม่อยากถูกซักไปมากกว่านี้ เพราะรู้จักนิสัยคนตรงหน้าดี การะเกดเป็นผู้ใหญ่ที่ปกครองคนได้ แต่เขาไม่ต้องการให้มาปกครองเขาด้วย
“ค่ะๆ แล้วพี่จะรีบให้คนเอาแฟ้มมาให้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ครับ…ขอบคุณ และเรื่องนี้ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ไม่อยากให้ใครทราบด้วยครับ”
การะเกดถึงกับสะอึกเพราะรู้ดีว่ากำลังถูก ‘ปราม’ คุณเอกกวีไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่แค่เป็นนายใหญ่ที่สุดอย่างเดียว แต่เพราะเขาดีกับทุกคนเสมอ การะเกดเข้าใจในทันที หาก ‘คำเตือน’ ไม่เป็นผล ชายหนุ่มจะไม่เรียกเธอมาพบอีกเป็นแน่!
ใครที่ห่างสายตานาย…จนแทบจะไม่ได้พบกันเลย การะเกดรู้ดี มันเหมือนถูกลอยแพ เธออยู่ที่นี่มานาน หลายครั้งที่ ‘ปาก’ ทำให้ถูกมองข้ามความสำคัญ คุณเอกกวีไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่เชิญออก แต่ไม่เคยเชิญมาพบ นี่ต่างหากที่ ‘น่ากลัว’
ช่วงบ่าย เอกกวีทำงานตัวเองเสร็จแล้วจึงตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ “ละตินซัง please…” ชายหนุ่มสั่งแค่นั้น คนปลายสายก็ทำหน้าที่อย่างรู้ใจ แววตาลุกไปเรียกพนักงานใหม่ให้นายทันที
“ละตินจ๊ะ…คุณเอกกวีเชิญเข้าไปในห้องทำงานค่ะ” หล่อนบอกแล้วเดินจากไปเพราะงานยุ่ง แววตาอายุมากกว่าน้องคนนี้นัก แต่ท่าทางของอีกคนดูสงบเสงี่ยมทำให้รู้สึกถูกชะตาไม่น้อย
ฉันอยู่ใต้ท้องฟ้า ขอให้เธออยู่ที่เดิม โดย ภูระริน ตอนที่ 2
“พรุ่งนี้เลยก็ได้ค่ะ”
ละตินได้งานประจำใหม่เร็วกว่าที่คิด บริษัทร่วมทุนต่างชาติเรียกตัวเธอให้เข้าไปสัมภาษณ์งานก่อนหน้านี้ แต่ละตินยังสนุกกับงานอดิเรกจึงผัดมาตลอด วันนี้มาก็ได้งานเลย
งานที่ตัดสินใจทำไม่ยุ่งยาก เพราะรับผิดชอบแค่งานขายภายในประเทศเท่านั้น แม้จะผ่านงานขายต่างประเทศมาก่อน แต่เพราะละตินไม่อยากไปต่างประเทศอีก จึงเลือกทำงานในประเทศแทน
“จริงๆ อยากให้คุณทำขายต่างประเทศนะคะ เสียดายเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร หากมีอะไรไหว้วาน เราจะขอรบกวนบ้างในบางครั้ง คงไม่ปฏิเสธ”
“ค่ะ…อย่างที่เรียนให้ทราบ ถ้าต้องเดินทางบ่อยๆ ก็ไม่ไหวค่ะ”
“น้องติ…อ่อนกว่าพี่มาก ยังไงมีอะไรคุยกันได้นะคะ”
ละตินยกมือไหว้เพื่อนร่วมงานที่สูงวัยกว่าพลางยิ้มให้ โลกของเธอกำลังจะต้องพัวพันกับคนแปลกหน้าอีกครั้ง
“เอ่อ คุณโทคะ ทานอะไรดีคะวันนี้?” คนตรงหน้าทักใครบางคน
“นานิ โมะ ทาเบะมาเซ็ง…ไม่ทานครับ” เสียงนุ่มตอบกลับมา ก่อนที่ละตินจะหันหน้าไปมอง
ชายหนุ่มตายาวผิวขาวยิ้มจางๆ ให้หล่อน ก่อนจะยกมือทักทายไปมาไม่กี่ครั้งแล้วเดินจากไป
“นั่นคุณเอกกวี…เจ้านายค่ะ”
“ภาษาญี่ปุ่น?!” ละตินถามลอยๆ
“ค่ะ ลูกครึ่ง…แต่เกิดที่นี่ ภาษาไทยเยี่ยมยอด…แต่ชอบทวนภาษาคุณพ่อ” คนเล่าหัวเราะเบาๆ “ไว้อยู่ไปนานๆ จะรู้…น่ารักค่ะ ใจดีด้วย”
ละตินพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับ ในกายรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเดินออกมาจากบริษัทใหม่ของเธอ “อายุน่าจะยังน้อย…ไม่น่าใช่” ทำไมต้องคิดเรื่องนี้??!! ละตินตั้งคำถามกับตัวเอง
หล่อนหันไปมองรถสปอร์ตสีเข้มขับผ่านไป ใครบางคนบีบแตรให้ ก่อนที่กระจกจะถูกเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ละตินมองไปรอบกาย…หากแต่ตรงนั้นก็ไม่มีใคร…นอกจากตัวเธอ!!!
เขามองเรา!! ผู้ชายคนนั้น…คุณโท…นั่น…บีบแตรทักเรา??!!
เมื่อมองซ้ายขวาก็ยิ่งแน่ใจ…ผู้ชายคนนั้นจำเธอได้แน่นอน ใจของหญิงสาวหวนคิดถึงคำทำนายของทองสิบทันที จะเร็วเกินไปหรือเปล่า หากจะเชื่อคำทำนายเหล่านั้น?
ผู้ชายคนนั้น…น่าดู…เท่านั้นเอง…อย่าคล้อยตาม!
“จะบ้าตาย!!! ไม่มีหรอกเรื่องแบบนี้!!” หญิงสาวพูดกับตัวเอง
“แหมมาไวดั่งใจมากน้องรัก เชิญค่ะๆ ๆ” ทองสิบกวักมือเรียกอย่างดีใจ
“ทำไมใจร้อนคะ? จะทวงหนี้หรือไง?”
“บ้าสิ!! ยังไม่ถึงสามเดือนเลย คิดถึงก็เลยเรียกหา จะจุดธูปเรียกก็กระไรอยู่” คนเล่นมุกหัวเราะเอง
“ค่ะ คิดถึงเหมือนกัน”
“เอามือมานี่!!” ทองสิบดึงมือละตินไปดูทันที “เห็นไหม?! มันเหมือนสั่งได้เลยดวงติเนี่ย แกเจอหรือยังผู้ชายที่ว่าน่ะ?”
“ถมเถค่ะ…เดินมาก็เจอ”
“ไม่เอาน่ะติ อย่าพูดเล่น มีใครเขาทำท่าสนใจแกมั่งไหม?”
“ก็…บีบแตรใส่…”
“เหรอๆ ๆ แล้วไงต่อ??”
“แค่นั้นแหละ บางทีอาจจะไล่หมาแถวนั้นก็ได้ แต่ติหาหมาไม่เจอ มีแต่ตัวเอง”
“อ้าว!! เวรกรรมหมาที่ไหนชื่อละติน หรูเชียว???!!!” คนพูดหัวเราะเสียงดัง แต่คนฟังค้อนขวับ “โทษทีๆ หนักไปนิด ฟังพี่นะน้องรัก ชะตาฟ้าลิขิต แกหนีไม่พ้นหรอก ให้เตรียมใจไว้ให้ดี ผู้ชายคนนี้จะพาทุกอย่างมาให้แกอย่างมโหฬาร ไม่เชื่อฉันก็คอยสังเกตให้ดี”
“คนบีบแตรน่ะเหรอคะ? พี่ทองสิบรู้ได้ไงว่าเป็นใคร ติยังไม่ได้บอกเลยนะ ไม่คิดว่าเป็นแท็กซี่หรอกเหรอ?” คนถามหยั่งเชิงแม่หมอ
“ไม่ใช่…แต่เป็นคนพลัดถิ่น…ต่างชาติ” ทองสิบยิ้มที่มุมปาก
ละตินนั่งนิ่งเมื่อได้ยินคำตอบ น้ำเสียงทองสิบจริงจัง “เทวราชย์ก็ขวางแกไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นเป็นของแก ผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่มีทางได้ร่วมหอ…ถ้าแกไม่ยอม”
“ใครบอกพี่?”
“ฉันบอกแกไม่ได้หรอก แต่แกต้องเดินไปข้างหน้าแล้วละติน” มือที่วางบนบ่าของหญิงสาวบีบแน่น “พี่ไม่ทิ้งติแน่ ไม่ต้องกลัว…เขาจะเข้ามาหาแกเอง”
หญิงสาวหลับตาลง…เหนื่อยใจ เอกกวี…แน่หรือ…หรือมีใครอีก?
“พี่โทคะ!!!” หญิงสาวหน้าตาหมดจดวิ่งเข้ามากอดคอคนที่กำลังเดินเข้ามาหา
“แหม!! ช้าจัง หวานรอจนเมื่อยแล้วเนี่ย” เจ้าตัวบ่นอิดออด อีกคนมองหน้ายิ้มๆ
“พี่ต้องตรวจงานค่ะ อยากทานอะไรวันนี้?”
เอกกวีโอบบ่าแฟนคนล่าสุดออกเดิน ร้านรวงรอบกายที่นัดกันไว้มีผู้คนหนาตา หากแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจใคร หญิงสาวกอดคนรักตอบบ้าง ทั้งสองออกเดินอย่างสุขใจ
เอกกวีคบหากับดาราได้เกือบปีแล้ว เขาหลงรักผู้หญิงคนนี้ตรงที่เธอสดใสอยู่เสมอ หล่อนเด็กกว่าเขา 2 ปี ส่วน เอกกวีอายุเพียง 32 ปีเท่านั้น ดาราเป็นคนช่างเอาอกเอาใจและที่สำคัญเธอสวยยิ่งกว่าใคร สมแล้วที่ชื่อ ‘ดารา’
ความสดใสตรงหน้ายาใจทุกครั้งที่มองเห็น “Star อยากไปไหนไหมคะวันนี้พี่โทว่างแล้วนะ?”
ชายหนุ่มมักจะเรียกคนรักว่า Star แทน ‘ดารา’ เพราะติดปากและเขาก็ไม่ค่อยชอบชื่อเล่นของคนรักนัก ชื่อ ‘หวาน’ มันดูเกลื่อนไปหน่อยในความรู้สึกของเขา
คนอย่างเอกกวี…มีทุกอย่าง ของที่มี…จึงไม่ควรซ้ำกับใคร
“เออ…วันนี้มีพนักงานใหม่มา” เอกกวีเล่าเมื่อเริ่มลงมือรับประทานอาหาร
“สวยไหมคะ? กับดาราใครสวยกว่ากัน?”
เอกกวีมองคนตั้งคำถามแล้วนิ่งไป…
ที่ยังไม่ถูกใจนัก…ก็ตรงนี้!!
ดารามองคนที่ภายนอกก่อนสิ่งอื่นใด เอกกวีรู้ดีว่ารูปลักษณ์สำคัญ หากแต่ทุกคำพูดที่ออกจากปากใครสักคน เขาคิดว่าควรกรองเสียหน่อย อย่างน้อยๆ บุคคลที่ถูกกล่าวถึงก็คงไม่อยากถูก ‘เปรียบ’
“ดีค่ะ…เอาอะไรอีกไหมครับ?” ชายหนุ่มตัดบทเพราะไม่อยากถูกถามต่อ
“พี่โทขา…ทำไมพี่โทต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย Star พูดอะไรผิดอีกแล้วเหรอคะ?” ดารารู้ดีว่าคนรักไม่ค่อยพอใจวิธีคิดของเธอนัก หากแต่ก็ยากที่จะทำอะไรเธอได้
เธอเชื่อ! เอกกวีรักเธอยิ่งกว่าอะไร ต่อให้ไม่พอใจ เขาก็จะไม่พูดให้เสียใจ
“ไม่มีอะไรครับ คิดเรื่องงานต่อ เดือนหน้าอาจต้องกลับบ้าน”
“จริงเหรอคะ!!??? Star ไปด้วยนะ!!!”
ชายหนุ่มเอื้อมมือมาลูบที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆ “ไม่รับปากค่ะ…โอโต้ซัง…อาจไม่สะดวก” เขาหมายถึงบิดาที่ปลดเกษียณตัวเองและใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นกับหลานและพี่สาวทางโน้น “หลานตัวเล็กๆ กำลังซนค่ะ ถ้าไป…เราก็พักที่นั่นไม่ได้ ไม่สะดวก” ชายหนุ่มอธิบาย
“ทำไมคะ บ้านพี่โทออกจะใหญ่โต Star เคยเห็นในโน้ตบุ้คนะ”
เอกกวีกลืนน้ำลาย ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม “เคยเปิดดูเครื่องพี่?” เขาถามเบาๆ
หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มกว้าง “ก็ตอนไปค้างที่บ้านพี่…” เสียงคนเล่าเบาลง หญิงสาว ‘พลาด’ เพราะไม่เคยคิดว่าจะบอกคนรักเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่าเอกกวีเป็นคนเปิดกว้าง หากแต่บางเรื่อง เขาก็ ‘ปิด’ ได้อย่างแนบเนียน
ชายหนุ่มนิ่ง มองหน้าคนรับสารภาพเพราะ ‘พลาด’ ก่อนจะยิ้มจางๆ ให้ “คราวหน้าไม่เปิดอีกนะคะ…งานพี่โทสำคัญถ้าพลาด…ก็หายเพราะพี่ไม่มีเลขาฯ” ชายหนุ่มเน้นเสียง ‘ย้ำ’ คำว่าพลาดอย่างช้าๆ
“ให้ Star เป็นเลขาฯ ได้ไหมคะ? จะรีบลาออกจากงานเลย”
เอกกวีมองใบหน้างามของหล่อนแล้วยิ้มให้ “มันมีแต่ตัวเลข…งาน event ของเราดูจะเหมาะกว่าค่ะ” เขาพยายามเลี่ยง เมื่อต้องพูด ข้อดีและข้อเสียของคนรัก “ไว้เรียนโทเพิ่ม ก็อาจจะทำได้ค่ะ”
“พี่โทก็ชอบหาว่า Star โง่” หญิงสาวหน้างอ “ก็แค่งานเลขาฯ มันจะยากตรงไหนกัน!” คนน้อยใจชักพื้นเสีย ไม่สบอารมณ์กับความน้อยเนื้อต่ำใจในตัวเอง
คนอย่างดารา…มีแต่คนเดินเข้าหา แต่ผู้ชายตรงหน้า ดีกว่าทุกๆ คน ลูกครึ่งสุดหล่อ พ่อรวยและใจดีเป็นที่สุด เรื่องอะไรจะปล่อยไป หากแต่ที่น่ากลัวนัก ก็คือ “กำแพงส่วนตัว” ของคนรัก มันสูงกว่าความสูงของชายหนุ่มมากมายเหลือเกิน
แม้หล่อนจะกอดเขาได้ และได้เป็นคนพิเศษของเขา ได้ออกหน้าออกตาในสังคม หากแต่ทุกครั้งที่คุยกัน ดาราก็รู้สึกเสมอ…เขาเหมือน ‘คนแปลกหน้า’ และทำให้ความมั่นใจในตัวเธอหายไปกว่าครึ่ง!
“ไม่ยากค่ะ…แต่พี่โทไม่มีจะดีกว่า…เย็นนี้พี่ไปค้างด้วยค่ะ” เขาบอกหน้าตาเฉย ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้า ดวงตายาวมองมาอย่างเมตตา ทำให้ดาราใจเย็นลงได้อย่างง่ายดาย
เช้านี้เอกกวีมาทำงานแต่เช้า เมื่อเดินผ่านห้องทำงานของพนักงานที่กั้นเป็นช่องเล็กๆ ไว้ราวเมตรกว่าๆ ก็เห็นพนักงานก้มหน้าทำงานกันเงียบๆ ชายหนุ่มแค่ยิ้มจางๆ ให้ เขาหยุดเดินกวาดตามองหา ‘คนใหม่’ ก่อนจะเห็นชื่อติดอยู่ช่องที่ใกล้ทางเดิน ตรงที่เขายืนอยู่นั่นเอง
“โคเระ…อยู่นี่เอง” ชายหนุ่มพูดภาษาญี่ปุ่นก่อนจะแปลให้ตัวเองเบาๆ
ที่นั่งว่างเปล่า…
ก่อนเจ้าตัวจะเดินผ่านไป เขาชะโงกดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอเปิดแล้ว…หล่อนมาทำงาน!
“อ้าว! คุณโท มาแต่เช้าเลย โอไฮ้โอ้คร้าบ!!!” เสียงคุณโอฬาร พนักงานอาวุโสทัก ‘สวัสดีตอนเช้า’ เสียงดัง ทำให้พนักงานคนอื่นๆ มองมาที่เขาเป็นตาเดียว
เอกกวีค้อมตัวลงทักทาย “โอไฮ้โอ้ครับ พอดีเมื่อวานเกเรไม่เข้าออฟฟิศ วันนี้เลยมาแต่เช้า” ปกติชายหนุ่มจะเข้างานไม่เป็นเวลา งานของเขาคืออ่านและคิดเท่านั้นเอง “ฝนตกแต่เช้า รถติดไหมครับ?” เอกกวีถาม
“โอย ธรรมดาครับ ฝนไม่ตกรถก็ติดเป็นปกติครับ ผมวางเอกสารไว้ให้ รบกวนคุณโทดูให้ทีนะครับ”
เอกกวีพยักหน้า ก่อนจะได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ผ่านกาย ละตินเดินเข้าไปในล็อกที่นั่งของเธอ หล่อนยกมือไหว้แล้วนั่งลงทำงาน ไม่พูดจาอะไร
คนรอดูอยู่มองเหมือนมองผ่าน ก่อนที่หางตายาวจะมองที่ใบหน้างามอีกครั้ง…
“คุณโอฬารผมขอคุยกับฝ่ายบุคคลหน่อยนะครับ อีกสิบนาทีค่อยเข้าไป” คนตัวสูงเดินไปข้างหน้าไม่ลังเล นายโอฬารเกาศีรษะที่โล่งเตียนยิกๆ ไม่ทันได้ตอบรับ ชายหนุ่มก็หายไปแล้ว
“คุณโท…นี่นะจะคุยกับฝ่ายบุคคล??!!”
คนเคาะประตูห้องเดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามา การะเกดเป็นสาวโสดแม้วัยจะล่วงเลยเข้าเลขสี่แล้ว หากแต่ริมฝีปากของหล่อนยังแดง หน้ายังแจ่มเพราะดูแลตัวเองได้ดี
“เชิญครับการะเกดซัง…” ชายหนุ่มยิ้มให้ตาหยี นานแล้วที่ไม่ได้พบกับฝ่ายบุคคลที่อยู่อีกตึกตรงกันข้ามกับสำนักงานของเอกกวี ฝ่ายบุคคลถูกแยกให้อยู่ห่างกันชัดเจน เขาไม่ชอบให้ใครมาเดินเพ่นพ่านในเวลาที่พนักงานขายทำงานที่ตึกนี้
“สบายดีนะครับ?”
“ค่ะ คุณโทมีอะไรให้เกดรับใช้คะ? ทุกทีเห็นบอกผ่านคุณแววตาผู้ช่วย”
“ครับ…จะถามเรื่องคนใหม่หน่อย”
“มีอะไรคะ วันนี้เพิ่งทำงานวันแรก ก็ทำเรื่องแล้วเหรอคะ?”
“อิเอะ!! ไม่ใช่ครับ…ผมอยากทราบเรื่องส่วนตัวเขานิดหน่อย ถามได้นะ?” คนตายาวยิ้มน่าดู คุณเอกกวีเป็นคนน่ารักและหล่ออย่างร้ายกาจ อาการไว้ตัวทำได้น่าดูเป็นที่สุดในสายตาคนตรงหน้า
“ได้สิคะ…เขาอายุ 27 ค่ะ อยู่คนเดียว คนรักเพิ่งเสียค่ะ”
“อืม…เด็ก” ชายหนุ่มไม่สบตา หากแต่ทุกคำที่ได้ยิน…เขาตั้งใจฟัง
“ค่ะ…ตอนนี้ไว้ทุกข์ค่ะ หน้าเลยเศร้าๆ แต่เห็นทำร้านดอกไม้อยู่ไม่ไกลจากออฟฟิศเราค่ะ มาทำงานเพราะไม่อยากว่างเท่านั้นเอง พี่ไม่ค่อยได้คุยกับเขานักหรอกค่ะวันสัมภาษณ์ แต่ก็ดูเข้าท่าค่ะ” คนเล่าจีบปากจีบคอพูด คนฟังแทบไม่มองหน้าหล่อน แต่พยักหน้ารับตลอด…
“ครับ…เท่านี้หรือครับ มีอะไรอีกไหม?”
“คุณโทอยากทราบอะไรล่ะคะ?”
“ถ้าไม่มีอะไรจะเล่าก็ช่วยส่งแฟ้มประวัติมาให้อีกทีนะครับ อยากหาเลขาฯ แต่ไม่รีบร้อน ไม่ต้องหาให้นะครับ ขอดูคนในดีกว่าจะได้คุยกันง่ายๆ”
“อ้าว!! ไม่เห็นคุณโทเคยบอก คุณแววไม่ไหวหรือคะ?”
“ไหวครับ…แต่ก็อยากได้มาช่วยอีกสักคน ไม่เป็นไร ขอแค่นี้พอครับ” ชายหนุ่มตัดบท ไม่อยากถูกซักไปมากกว่านี้ เพราะรู้จักนิสัยคนตรงหน้าดี การะเกดเป็นผู้ใหญ่ที่ปกครองคนได้ แต่เขาไม่ต้องการให้มาปกครองเขาด้วย
“ค่ะๆ แล้วพี่จะรีบให้คนเอาแฟ้มมาให้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ”
“ครับ…ขอบคุณ และเรื่องนี้ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ไม่อยากให้ใครทราบด้วยครับ”
การะเกดถึงกับสะอึกเพราะรู้ดีว่ากำลังถูก ‘ปราม’ คุณเอกกวีไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่แค่เป็นนายใหญ่ที่สุดอย่างเดียว แต่เพราะเขาดีกับทุกคนเสมอ การะเกดเข้าใจในทันที หาก ‘คำเตือน’ ไม่เป็นผล ชายหนุ่มจะไม่เรียกเธอมาพบอีกเป็นแน่!
ใครที่ห่างสายตานาย…จนแทบจะไม่ได้พบกันเลย การะเกดรู้ดี มันเหมือนถูกลอยแพ เธออยู่ที่นี่มานาน หลายครั้งที่ ‘ปาก’ ทำให้ถูกมองข้ามความสำคัญ คุณเอกกวีไม่ได้ทำอะไรให้ ไม่เชิญออก แต่ไม่เคยเชิญมาพบ นี่ต่างหากที่ ‘น่ากลัว’
ช่วงบ่าย เอกกวีทำงานตัวเองเสร็จแล้วจึงตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ “ละตินซัง please…” ชายหนุ่มสั่งแค่นั้น คนปลายสายก็ทำหน้าที่อย่างรู้ใจ แววตาลุกไปเรียกพนักงานใหม่ให้นายทันที
“ละตินจ๊ะ…คุณเอกกวีเชิญเข้าไปในห้องทำงานค่ะ” หล่อนบอกแล้วเดินจากไปเพราะงานยุ่ง แววตาอายุมากกว่าน้องคนนี้นัก แต่ท่าทางของอีกคนดูสงบเสงี่ยมทำให้รู้สึกถูกชะตาไม่น้อย