ฉันอยู่ใต้ท้องฟ้า ขอให้เธออยู่ที่เดิม โดย ภูระริน ตอนที่ 6

ละตินลุกขึ้นนั่งเมื่อนางพยาบาลเดินเข้ามาส่งอาหารเช้าให้ แม้ทุกอย่างจะพร้อมแต่คนที่สัญญาว่าจะมาแต่เช้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา “เฮ้อ......มนุษย์” หล่อนพูดกับตัวเองเบาๆ

“อะไรนะคะคุณ เอาอะไรนะคะ?”

ละตินยิ้มให้คนใส่ใจ ก่อนจะส่ายหน้า “เปล่าค่ะ......แค่บ่นอะไรนิดหน่อย ขอกลับเลยได้ไหมคะวันนี้?”

“เจ้าของคนไข้บอกให้รอก่อนค่ะ ห้ามใครจ่ายค่ารักษาพยาบาลค่ะ” อีกคนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ห้ามเหรอคะ?” ละตินถามย้ำเพราะอยากรู้ว่าชายหนุ่มทำอะไรให้บ้าง

“ค่ะ.....หล่อนะคะแฟนคุณ นั่งเฝ้าไม่ไปไหนเลยค่ะตอนคุณหลับ”

ละตินทำได้แค่ยิ้มให้ ก่อนจะตักข้าวต้มหอมกรุ่นเข้าปาก ‘คนเป็นแฟน’ เข้ามาได้ยินคงยิ้มเจื่อนๆ ไม่ก็หัวเราะเสียงดัง?!! หล่อนสังเกตท่าทางและการพูดของเขามาพักใหญ่ ‘คนใจดี’ ทำอะไรได้หลายอย่าง และมีหลายบุคลิกจนน่า.....กลัว

“มาแล้วครับคนไข้ อ้าว!!! ลุกได้แล้วเหรอ พี่รีบมาแล้วนะ ยังไม่ทันคนหิวข้าว!!” เขาหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี

“เออ.....แล้วจะกินของที่ซื้อมาได้ไหมเนี่ย??!!” คนถามไม่ได้รอคำตอบจากใคร แต่ยิ้มให้นางพยาบาลคนนั้นตาหยี “ขอบคุณครับคนสวย ผมจะมารับน้องกลับบ้าน.....เรียบร้อยนะครับ?”

“อ้อค่ะ!! คุณหมอสั่งไว้ว่าถ้าคนไข้อยากกลับก็กลับได้ค่ะ ไม่มีอะไรมาก จะจัดยาให้กลับไปทานต่อค่ะ” หล่อนยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะเดินออกไป

“ดูทำหน้า!! ไม่อร่อยเลยใช่ไหม ไปกินข้าวกับพี่ดีกว่า ลุกไหวไหมคะ?”

“ก็ได้ค่ะ.....ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะมาแต่เช้ามาก” น้ำเสียงหล่อนประชดเล็กน้อย

“อ้าว!! ก็นี่เช้าของพี่แล้วค่ะ แปลกเนอะ ทำไมให้กินอะไรแต่เช้าเชียว เป็นพี่กินไม่ลงแน่นอน สีหน้าดีขึ้นแล้วนะ แต่ยังไม่ต้องไปทำงานหรอก โทรไปลาหน่อยนะ พี่ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องงานบุคคล”

ละตินพยักหน้ารับ “ติโทรบอกคุณแววแล้วค่ะ เมื่อเช้า”

“ดีครับ......”

“แต่....ไม่ได้บอกเรื่องที่คุณ.....เอ่อพี่โทพามาโรงพยาบาลค่ะ”

“บอกก็ได้ครับ ไม่เป็นไร” เขายิ้มให้อย่างเข้าใจ เพราะแววตาของละตินดูมีกังวล

“เออ.....เพลียมากไหมหนู?”

“หนู????!!!”

คนถูกถามหัวเราะร่วนทันที “อ้อ!! จ้ะ.....ครับ ก็เราเด็กกว่าพี่ เรียกผิดตรงไหนล่ะ???!!”

ละตินอมยิ้มเมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของเขาในยามเช้า พยายามเตือนตัวเองว่าอย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองเด็ดขาด เจ้านายของเธออาจทำอย่างนี้กับทุกคน แม้แต่สมหวังเองก็คงได้รับการเอาใจใส่เช่นนี้ รวมถึงคุณแววตาด้วย “ค่ะ....ไม่เป็นไร เรียกอะไรก็ได้ค่ะ”

“ละติน.....รู้ตัวไหมว่าเวลาเราอยู่ที่ออฟฟิศเหมือนคนอายุสัก 50 ได้”

หญิงสาวอมยิ้ม “ค่ะ.....ก็คงแก่”

“ไม่ได้ว่าอย่างนั้นนะ แต่เราดูเศร้าและเก็บตัวจนดู…..หยิ่ง” เขายิ้มน้อยๆ ที่พูดออกไปไม่ได้อยากตำหนิละตินสักนิด แต่เมื่อได้พูดคุยกันมากขึ้น ก็ได้เห็นอากัปกิริยาจริงๆ ของหล่อน ทำให้กำแพงของทั้งสองทลายลงได้บ้าง อย่างน้อยๆ ความเป็นตัวตนของหล่อนก็ชัดขึ้น ดีกว่าดูหุ่นยนต์ในที่ทำงาน

“เหรอคะ? ก็ติไม่รู้จะพูดอะไรค่ะ”

“ครับ......เข้าใจ คนเราเวลาไม่มีหน้ากาก ไม่มีหัว.......อะไรนะ......ลืม”

“หัวโขน......ค่ะ”

“ครับ....ตอนนี้เราสองคนไม่มี......พี่ก็เลยอยากบอกภาพที่พี่เห็นน่ะครับ บางทีก็คิด ไม่รู้จะเก๊กไปทำไม….เหนื่อย!!” คนเล่าดูมีหลายอารมณ์ แต่รอยยิ้มก็ทำให้คนเพิ่งสร่างไข้รู้สึกดี

“ค่ะ ก็ไม่เห็นต้องเก๊ก”

“ครับ.....ติพี่ขอถามอะไรหน่อยสิครับ”

“ค่า......เชิญค่า”

“ก่อนที่จะโอบเอวใครสักคน......ผู้หญิงคิดยังไงคะ?”

หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจเจตนาของคนถาม แต่ก็เต็มใจตอบ “คนอื่นติไม่ทราบ.....แต่ถ้าเป็นตัวเองก็คงมีแค่พ่อและ......คนรัก กับเพื่อนคงไม่ทำ”

เอกกวียิ้มจางๆ ให้ ก่อนจะสบตาอีกคนนิ่ง แววตาที่หล่อนมองมาไร้มารยา ใบหน้าไร้เครื่องสำอางทำให้หล่อนดูเด็กและสมวัย “ง่วงเหรอคะ?” หญิงสาวถามเมื่อเห็นอีกคนเงียบไป “ขอบคุณนะคะพี่โท.....ที่พามาหาหมอ” หล่อนยกมือไหว้ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง

เอกกวีไม่ได้รับไหว้ แต่ถอยออกให้หล่อนขยับตัวได้ตามสบาย “ไปห้องน้ำเหรอ?”

“เปล่าค่ะ......จะกลับบ้านไง”

“แล้ว......มีคนดูไหม?”

ละตินหยุดเดินหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง “เอ่อ.....มีค่ะ..... คิมหันต์”

ร่างโปร่งหมดคำถาม ได้แต่มองตามหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องน้ำ ห้องคนไข้ในตอนนี้ดูแคบไปถนัดตา ทั้งๆ ที่เขายืนอยู่คนเดียว อึดอัด......จะทำยังไงดีโทชิยูคิ?

~~~

                เอกกวีไปส่งละตินที่อพาร์ทเม้นท์ของหล่อน ชายหนุ่มทำได้แค่มองหล่อนเดินลงจากรถไป หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง แล้วหันหลังเดินจากไป ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนเดียวในโลกในตอนนี้

                คนรอบกายอยู่กับเขาด้วยหน้าที่....เท่านั้นเอง

ไวเท่าความคิด เขาขับรถออกไปยังจุดหมายปลายทางทันที คอนโดมิเนียมของดาราเป็นสถานที่แรกที่เขาต้องเข้าไป ชายหนุ่มไม่ปรารถนาจะให้เจ้าตัวรู้ตัวล่วงหน้า และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหล่อนจะไม่อยู่ในห้องนอน

เวลาที่ทุกคนต้องทำงาน....แล้วคนที่ได้ขึ้นชื่อว่า “คนรัก” ของเขา ตอนนี้หล่อนจะอยู่ที่ใด?

ห้องหรูที่เขาซื้อให้หล่อนอยู่ ดูโอ่โถงและสงบอย่างที่เขาต้องการทุกอย่าง เอกกวีไขกุญแจเข้าไปได้อย่างง่ายดายเพราะทั้งสองมีกุญแจคนละชุดกันอยู่แล้ว  ห้องเงียบสงบ.....ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะนอนลงที่เตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า

~~~

“อ้าว!! ว่าไงคุณโท ไม่ไปทำงานละครับ?” สาทรทักเพื่อนรักเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องทำงานของตนเอง เอกกวียิ้มเจื่อนให้ก่อนจะหยิบหนังสือใกล้ตัวมาเปิดไปมา

“เออ.....เซ็ง....งานการไม่อยากทำ” เขาพูดอย่างเบื่อหน่าย

“เซ็งอะไรวะ?  เห็นมีน้องคนใหม่มาทำงาน น่ารักดีนี่ แกน่าจะอยากเข้าออฟฟิศทุกวันนะโท”

“อืม.....ก็เพิ่งส่งกลับบ้านมา”

“เฮ้ย!! อะไรมันจะไวขนาดนั้นวะ นี่พาเข้าวิมานแล้วเหรอ??”

ชายหนุ่มมองหน้าเพื่อนรักอย่างเบื่อหน่าย “นี่แกจะพูดอะไรคิดก่อนได้ไหม?  นั่นลูกน้องฉัน....เขารู้โกรธตายเลย เสียหายหมด”

“เออ....รู้แล้ว แค่ล้อเล่นหรอก แล้วเซ็งอะไรวะ?”

“star ควงใครไม่รู้......กอดกันเลยนะก้อง” เขาเล่าเบาๆ

“หึ....ก็ไม่แปลก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกไม่ใช่เหรอ?  ก่อนที่แกจะได้เขามา....แกก็ทำแบบนี้มาก่อน คบคนอื่นแต่แกก็ไปโอบstar ถึงได้เขามาแบบนี้นี่ไง” เพื่อนรักประชด

“ก้อง.....แต่ตอนนี้เขาก็เป็นที่หนึ่งนะ แกว่ามันควรแล้วเหรอที่ไปควงคนอื่น ฉันพยายามไม่คิดอะไรที่มันมากไปกว่านี้แล้วนะ แล้วเขาขาดอะไรทำไมต้องไปทำแบบนั้น??” เอกกวีเริ่มระบาย

“ก็อยู่ที่ว่าแกให้เขาเต็มร้อยหรือเปล่าโท.....เท่าที่ฉันรู้....แกกดเขาไม่ใช่เหรอ...กดดันไง”

“ทำให้เขาดูดีในสายตาคนอื่นนี่นะกดดัน?? ฉันไม่อยากให้เขาได้ขึ้นชื่อว่าแค่คู่นอนนะก้อง ไปไหนใครก็รู้จักเขา แต่เรายังไม่แต่งงานจะให้ปล่อยให้เขาเดินไปเดินมาในที่ๆ มีลูกน้องฉันเต็มไปหมดได้ยังไง?”

สาทรหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินมาตบบ่าเพื่อน “ก็star เขาต้องการโชว์นี่นา คำว่าออกหน้าออกตาของผู้หญิงมันก็รวมถึงในที่ทำงานของแกด้วย แล้วที่ให้เจอเฉพาะเสาร์อาทิตย์ล่ะ มันต่างกับคำว่าแค่คู่นอนตรงไหนวะ?”

เอกกวีถอนหายใจเบาๆ “ก้อง....ฉันต้องทำงาน เขาก็ต้องทำงาน จะมาทำตัวติดกันตลอดเวลามันเป็นไปไม่ได้ และที่ไม่อยากให้ไปที่ทำงานเพราะ.....ไม่อยากให้เขาได้ยินอะไรจากคนแถวนั้น แกก็รู้ว่าแม่ไม่ค่อยปลื้ม กล้องเต็มไปหมด แล้วคนที่อยากจะสมน้ำหน้า star ก็มีอีกเยอะ ถ้าไปได้ยิน...คนที่แย่ก็มีแต่เขาคนเดียว”

สาทรมองหน้าเพื่อนอย่างเห็นใจ “โท...ถ้าแกรักเขาจริง แกต้องหาทางช่วยเขา ไม่ใช่พาเขาหนีจากปัญหานะ เขามีข้อบกพร่องอะไร ทำไมแกไม่ช่วยเขาแก้ไปละ?  แล้วหนีตลอดแบบนี้ ชาตินี้คงได้แต่ง! ”

“ทำไมจะไม่ทำ.....บอกเขามาตลอด แต่เขาก็ดูถูกตัวเองเกินกว่าที่ฉันจะให้กำลังใจได้อีกแล้ว star ชอบหาว่าฉันดูถูกว่าโง่ นี่หรือก้องคือคนที่ฉันจะช่วยอะไรได้? เขาเห็นคำแนะนำ กลายเป็นคำดูถูกตลอด” เอกกวีส่ายหน้าก่อนจะยกหนังสือปิดหน้าตัวเอง ร่างโปร่งเอนหลังกับเก้าอี้อย่างอ่อนแรง

สาทรพอจะรู้ถึงช่องว่างระหว่างโลกของเพื่อนรักและดาราอยู่บ้าง ผู้หญิงอย่างดาราชอบให้คนเอาใจ ส่วนเพื่อนของเขาก็ไม่ต่างกัน แต่โทชิยูคิถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี กฏเกณฑ์ในชีวิตจึงทำให้เขากลายเป็นคนมาตรฐานสูงเกินกว่าปกติ

ผิดหรือไม่.....ก็ไม่มีใครกล้ายืนยัน เมื่อมันเป็นชีวิตของเขา

“โท....เรื่องผู้ชายคนนั้น แกไม่ต้องไปถามอะไรเขานะ ดูไปเรื่อยๆ ไว้จับได้มากกว่านี้ค่อยว่ากัน บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรมากอย่างที่แกคิดก็ได้” สาทรแนะนำเพราะไม่อยากให้ทำเป็นเรื่องใหญ่

ปัญหาเล็กๆ มักนำมาซึ่งความแตกแยกเสมอ หากไม่ใช้สติ

“อืม.....จริงๆ ไปดูที่ห้องมาแล้ว คงไม่มีอะไรหรอก ฉันก็จะทำให้ดีที่สุด จะไปญี่ปุ่นคิดว่าจะพาเขาไปด้วย พ่อเคยเห็นแต่ในรูป ไม่เคยพบกัน พาไปให้รู้จักกันไว้ก็คงดี” เขาเล่า

“แกก็รักเขานะโท......ไม่งั้นคงไม่เครียด”

ชายหนุ่มสบตาเพื่อน ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง “ข้อดีเขาก็มี......”

“เออ.....รักเด็กต้องอดทนโว้ย! จะให้ได้อย่างใจแกทุกอย่างมันเป็นไปไม่ได้หรอก ค่อยๆ คิด” สาทรแนะ

“มัน.....ไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกก้อง.....ฉันกำลังรู้สึกผิดด้วย พักนี้สนใจคนอื่นผิดปกติ” เขาดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดหน้าพลางส่ายหน้า “เหมือนโดนสะกด ไม่ก็ฉันคิดไปเอง อีกคนเขาเฉยๆ ว่ะ”

“ฮ่าๆ น้องคนใหม่ของแกล่ะสิ!!!???”

เอกกวีพยักหน้ารับแต่โดยดี “เหมือนอยากเข้าใกล้เขา.....บอกไม่ถูก”

“ดูไปก่อน.....อย่าหาเรื่องให้เขาดีกว่านะ ถึงฉันจะอยากให้แกมองคนอื่น ไม่ใช่แค่ star แต่ฉันก็ไม่อยากให้แกเสีย เพราะ star ไม่ปล่อยให้แกทำอะไรอย่างนั้นแน่”

เอกกวีมองหน้าเพื่อนรักอย่างเข้าใจ แต่เขา..... ‘คิด’ มากกว่าที่สาทรรู้

~~~

“พี่ป่วยทำไมไม่บอกคิม??” เด็กหนุ่มถามอย่างหงุดหงิด เมื่อได้รู้ว่าละตินเข้าโรงพยาบาลเมื่อหลายวันก่อน  คนฟังนั่งยิ้มเพราะหายดีแล้ว ละตินนั่งฟังคนบ่นมานานพอสมควร



“ส้ม.....พี่หนวกหูตาแก่นี่จริงๆ” ละตินหัวเราะเมื่อหันหน้าไปหาแฟนสาวของคิมหันต์  “สีฟ้า” แวะมาที่นี่ไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้ และละตินชักถูกใจเด็กคนนี้ไม่น้อย หล่อนหน้าตาดีและมีอารมณ์ขัน

“ก็เป็นแบบนี้สิคะ ส้มเลยไม่พาไปไหน ขี้บ่นได้ใจ” สีฟ้าเย้าอีกคนเล่น

“เออ....เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย”

สีฟ้ามองหน้าคนรักแล้วรู้สึกบางอย่าง.....หากแต่หล่อนเก็บมันไว้ในใจ

“พี่ติ....ส้มถามอะไรหน่อยสิ” หญิงสาวพูดจาตามแบบของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ อยากจะบอกหล่อนเหมือนกันว่าถ้ามีหางเสียงบ้าง คงจะเข้ากับหน้าตาที่สวยงามของหล่อนมากกว่านี้

“จ้า!! มีอะไรว่ามาเลยจ้ะ”

“พี่ติไม่มีใครมาจีบเลยเหรอ พี่ติดูเศร้าๆ ” คนถามบอกความรู้สึก

“โอ.....เห็นทีจะขายไม่ออกค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จะไปเจอใครล่ะจ๊ะ? ส้มมีแนะนำให้พี่ไหมล่ะคะ?” ละตินหัวเราะขำ ไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าที่บอก

“ไม่มีหรอก.....ผู้ชายฉลาดๆ หายากค่ะ ส่วนใหญ่จะคิดอะไรง่ายๆ” สีฟ้าบอก

“อ้าว! แล้วแปลว่าโง่ด้วยหรือเปล่าเนี่ยคุณนาย??!!” คิมหันต์สงสัย

“ก็แนวๆ นั้นล่ะคิม....อย่าร้อนตัว ไม่ได้ว่าใครนะ!”

ละตินเห็นสีหน้าของสีฟ้าแล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง หล่อนข่มคิมหันต์ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่อาจจะรู้ได้ น้องชายต่างสายเลือดของเธอเป็นคนขยันและหน้าตาดี หากแต่ที่ไม่มีเหมือนคนอื่นก็คงจะเป็นเงินทอง

ทำไมคนรักของเขา.....ต้องพูดอะไรให้เขาคิดมากขนาดนั้นด้วย? หล่อนอารมณ์ดี แต่ทำไมทุกคำกลับสะเทือนถึงคนรักอยู่เสมอ ละตินไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของทั้งคู่ แม้จะชอบใจในความช่างพูดของสีฟ้า แต่อาการค่อนแคะของเธอไม่น่ารักเลย “อย่าคิดมากน่ะคิม น้องส้มเขาแค่ล้อเล่นหรอกจ้ะ”

เด็กสาวยิ้มจางๆ ให้เธอ แววตาหล่อนฟ้องอะไรบางอย่าง

~~~

หลังจากวันที่เอกกวีไปส่งละตินที่ห้องพัก หญิงสาวก็ไม่ได้พบเขาในที่ทำงานอีก ชายหนุ่มไม่เข้าไปทำงาน หล่อนเห็นแววตารับโทรศัพท์จ้าละหวั่น แม้เจ้าตัวจะไม่ปริปากบ่นเรื่องใดๆ ให้ฟัง แต่ก็พอดูออกว่าหัวเสียไม่น้อยเช่นกัน สมหวังเห็นทุกเหตุการณ์แต่ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ละตินฟัง หรือเขาจะเดือดร้อนเพราะเรื่องของเธอ?

“นกจ๊ะ.....พักนี้ออฟฟิศเรามีผู้ใหญ่จากฝั่งโน้นมาบ่อยเนอะ ทั้งๆ ที่เจ้านายก็ไม่อยู่” ละตินเป็นฝ่ายเริ่ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่