คนไทยช่วงนี้หันมาดูหนังอินเดียกันเยอะ เหมือนผมได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนเด็กๆ ที่จะมีหนังอินเดียพากย์ไทยมาฉายในทีวีบ่อยๆ ทั้งหนังที่เป็นภาพยนต์ และซีรีย์อย่าง มหาภารตะ กับ รามเกียรติ์ ใน Netflix ก็มีหนังอินเดียลงอยู่หลายเรื่อง ซึ่งหนังบางเรื่องไม่มีการถูกพูดถึงเพราะเป็นหนังเก่าบ้าง เป็นหนังที่ดูใบปิดแล้วไม่น่าดูบ้าง หรือ หนังใหม่ๆ มันมีเยอะจนไม่อยากดูหนังเก่าๆ
Dil Se เป็นหนังปี 1998 นำแสดงโดย Sharukh Khan ซึ่งตอนนั้นเป็นนักแสดงที่โด่งดังกับหนังแนวโรแมนติก และยังเป็นดารานำที่กล้ารับบทตัวร้าย ซึ่งในวงการหนังอินเดียถือว่ามีน้อยมากในยุคนั้น ที่จะกล้ามารับบทตัวร้าย ทั้งๆ ที่โด่งดังจากบทพระเอก
เนื้อเรื่อง
หนังเริ่มต้นเหมือนหนังรักโรแมนติกทั่วไป คือพระเอก อมาร์ เป็นผู้จัดรายการวิทยุ จะไปจัดรายการที่ "อัสสัม" เกี่ยวกับเรื่องครบรอบอินเดียได้รับ เอกราช 50 ปี ระหว่างเดินทางก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ชานชาลา กำลังรอรถไฟอยู่ อมาร์ เห็นเธอสวยก็เลยเดินเข้าไปจีบ แต่เธอก็ไม่คุยด้วย สุดท้ายเธอขอให้เขาซื้อชาให้ อมาร์เดินไปซื้อน้ำชากลับมาก็เห็นเธอคนนั้นขึ้นรถไฟไปกับชายอีก 3 คน โดยที่เขาได้แต่ยืนมอง
ผ่านไปไม่กี่วันเขาก็ไปเจอเธอที่ อัสสัม ขณะกำลังสำภาษณ์คนในพื้นที่ เขารีบวิ่งไปหาเธอ แต่เธอทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักเขามาก่อน เขามารู้ทีหลังว่าเธอชื่อ เมกน่าห์
อมาร์สัมภาษณ์ผู้นำหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอัสสัม ว่ารู้สึกอย่างไรบ้างหลังอินเดียได้รับเอกราช ผู้นำหมู่บ้านตอบอย่างเกรี้ยวกราด และบอกว่า รัฐบาลอินเดีย เป็นต้นเหตุให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ และหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ดูถูกเหยียดหยามคนอัสสัม จนชาวอัสสัมเหมือนเป็นประชาชนชั้นสอง ไม่ใช่เพียงผู้นำหมู่บ้าน แต่แม้แต่ชาวบ้านหลายๆ คนก็แสดงท่าทีไม่พอใจต่อรัฐบาล
อมาร์ ได้เจอ เมกน่า ห์อีกครั้ง เมกน่าห์ บอกเขาว่าเธอแต่งงานแล้ว เขาขอโทษเธอทันที ไม่นาน เมกน่าห์ ก็มาเจอกับเขาพร้อมชายหนุ่มสองคน ทั้งสองรุมทำร้าย อมาร์ เพราะมาตามตอแย เมกน่าห์ ขณะที่ถูกรุมทำร้าย เขาก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้ว หนึ่งในสองคนนั้นเป็นน้องชายของ เมกน่าห์ และ เมกน่าห์ ก็ยังไม่แต่งงาน ทำให้เขารู้สึกดีใจแม้จะโดนกระทืบอยู่
ขณะที่ อมาร์กำลัง ถ่ายวีดีโอ งานประจำปีของชาว สินธุ อยู่ ก็ถ่ายติด ผู้ก่อการร้ายที่ถูกทหารไล่ล่า และยิงตายด้วย หลังจบงาน อมาร์ก็นั่งรถบัสกลับ เมกน่าห์ก็นั่งมาด้วย ขณะที่ทหารขึ้นมาสอบถามคนบนรถ อมาร์ก็บอกว่า เขามาถ่ายงานรื่นเริง ส่วนเมกน่าห์ก็อ้างว่าเธอมากับอมาร์
ขณะเดินทางอยู่ รถบัสเสีย ทำให้ทุกคนต้องลงเดิน พอตกกลางคืน ทั้งสองก็นอนในเต็นท์กลางทะเลทราย พอตื่นมา เมกน่าห์ก็หายไป ทิ้งอมาร์ไว้คนเดียว
อมาร์ อกหัก กลับมาบ้านที่เดลลี ก็เจอพ่อแม่ พาสาวชื่อ ปรีตี มาแนะนำให้รู้จัก และอยากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ปรีตี บอกอมาร์ ว่าเธอเพิ่งอกหักมา อมาร์ก็บอกว่าเขาก็เหมือนกัน
ขณะที่กำลังเที่ยวอยู่กับ ปรีตี อมาร์ก็เห็นชายที่อยู่กับเมกน่าห์ เขาจะเข้าไปคุยด้วย แต่ชายคนนั้นวิ่งหนีไป เขาจึงวิ่งตามไป เพราะอยากถามหาเมกน่าห์ แต่ชายคนนั้นกลับโดนตำรวจจับ ยังไม่ทันที่ตำรวจจะถามอะไร หมอนั่นก็กินไซยาไนด์ฆ่าตัวตายทันที ตำรวจ ส่งคดีต่อให้ ซีบีไอ (ก็คล้ายๆ FBI ครับ)
อมาร์กลับมาบ้าน และตอบตกลงที่จะแต่งงานกับ ปรีตี ในงานหมั้น อยู่ๆ เมกน่าห์ก็มาหาเขา และขอให้เขาหาที่อยู่ให้ และให้เขาฝากเข้าทำงานที่สถานีวิทยุที่เขาทำงานอยู่ ซึ่ง อมาร์ ก็จัดการให้โดยดี (โง่เนอะ)
อมาร์ คอยดูแล เมกน่าห์อย่างที่ โดยที่ไม่รู้เลยว่า เมกน่าห์อยู่ในกลุ่มปลกเอกประชาชน เป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ฆ่าตัวตายด้วยระเบิด และวางแผนจะก่อการร้ายในงานครบรอบเอกราช 50 ปี ของอินเดีย
มีคนเห็น อมาร์ วิ่งไล่ตามผู้ก่อการร้ายที่กินยาฆ่าตัวตาย ทำให้ อมาร์เองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ว่าจะอยู่ในกลุ่มก่อการร้ายด้วย ตำรวจจึงจับตัวไปสอบสวน ทำให้ อมาร์รู้ว่า จริงๆ แล้ว เมกน่าห์ ชื่อ โมอิน่า และเธอเป็นผู้ก่อการร้าย
เล่ามาเท่านี้พอแล้วครับ ที่เหลือไปดูเองใน Netflix มีซับไทย และอังกฤษครับ
วิจารณ์
ส่วนตัว ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ยังวัยรุ่นๆ เลย ก็รู้สึกรำคาญนิดหน่อย ที่พระเอกถูกเขียนให้ดูโง่เสียเหลือเกิน และทำไมถึงต้องไปหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งหัวปักหัวปำขนาดนี้ จนชีวิตตัวเองจะ ฉิ-หาย เอา แต่พอยิ่งโตขึ้นมาก็พอจะเข้าใจ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
มาว่ากันที่ตัวนักแสดง ชาร์รุค ข่าน คือเป็นดาราเจ้าบทบาท ที่สร้างตัวเองขึ้นมาจาก 0 จริงๆ คือไม่ได้มีคอนเนคชั่นอะไรเลย และเป็นดาราละครทีวีมาก่อน ซึ่งในวงการหนังภาพยนตร์ และละคร ของอินเดีย จะถูกแบ่งเส้นไว้ชัดเจน และในสมัยนั้น ไม่เคยมีดาราทีวีคนไหน ที่มีโอกาสได้มาเล่นหนังใหญ่ และยังดังขึ้นมาได้เลย นอกจากเขาคนนี้
ชาร์รุค ข่าน ถูกเรียกว่า King Khan มาตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้ แต่เขาก็รักษาภาพลักษณ์ในฐานะราชันย์แห่งวงการภาพยนตร์มาได้มากกว่า 40 ปี เล่นหนังได้ทุกแนว ทุกบท จะคนดี หรือคนบ้า เขาก็เล่นได้ จนตลกหรือดราม่า จะแอ็คชั่น หรือโรแมนติก เป็นดาราที่มีความสามารถหลากหลายโดยแท้จริง คงไม่ต้องพูดถึงฝีมือการแสดงเลย
มานิชา โกยราลา (Manisha Koirala) เป็นดาราวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่จะรับบทนางเอกใสๆ ไร้เดียงสา แต่เธอก็มีความสามารถหลากหลาย และแสดงสีหน้า แสดงอารมณ์ได้ถึงบทบาท ความเจ็บปวดที่ออกมาทางแววตา ความโหยหา ความอ่อนโยนที่เธอมีต่อ อมาร์ เธอสามารถถ่ายทอดออกมาได้ทางสายตา ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความรักที่เธอเองก็มีให้ อมาร์ ไม่น้อยไปกว่า อมาร์เลย
ปรีตี ซินต้า (Preity Zinta) บอกเลยว่า ผมหลงรักเธอตั้งแต่เห็นเธอครั้งแรก Dil Se เป็นหนังเรื่องแรกที่เธอเล่น และเธอทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงจะออกมาน้อย มีบทไม่มาก แต่ก็ทำให้ผู้คนจดจำเธอได้ในฐานะสาวน้อยผู้สดใสร่าเริง ดูน่าสงสาร ดวงตากลมโต ที่ถ่ายทอดความผิดหวังในเวลาที่อมาร์ บอกเธอว่า เขาไม่อาจรักใครได้อีกนอกจาก เมกน่าห์
ดาราสมทบ คนอื่นๆ ก็เล่นได้ดีมากๆ ทุกอย่างมันดูลื่นไหล สอดคล้องกัน ไม่มีติดขัด แน่นอนว่าก็ต้องชมผู้กำกับด้วย
มณี รัตนัม (Mani Ratnam) ในวงการหนังอินเดีย จะรู้จักเขาในฐานะผู้กำกับมากฝีมือ ที่มักจะทำหนังสะท้อนสังคม ที่ดูโหดเหี้ยม และชัดเจน เปิดเผยมุมมืดในใจของคนออกมาได้อย่างงดงาม นอกจากจะกำกับหนังเรื่องนี้แล้ว เขายังเขียนบทเองด้วย แต่ส่วนใหญ่หนังของเขาจะเป็นหนัง ทมิฬ กับ เตลูกู (Tamil, Telugu) ซึ่งผมฟังไม่รู้เรื่อง และขี้เกียจอ่านซับ แต่ถ้ามีพากย์ฮินดี ผมก็จะหาดู
หนังได้รับรางวัล NETPAC Award ในงาน Berlin International Film Festival ครั้งที่ 49 ปี 1999 อีกด้วย ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของหนังอินเดีย
ตัวหนังค่อนข้างมีความรุนแรง และมีฉากที่ดูโหดเหี้ยม เพลงผมว่ามีแค่บางช่วงของหนังก็พอ บางช่วยไม่ต้องมีเลยก็ได้ แต่ก็เข้าใจ เหมือนเป็น Dream Sequence มากกว่า ที่จะเป็นเพลงที่เกี่ยวกับหนัง แต่ดนตรีประกอบเป็นฝีมือ A.R. Rahman นักแต่งเพลง ที่มากความสามารถของยุค ที่เคยได้รับรางวัลออสการ์มาแล้ว จากภาพยนตร์เรื่อง Slumdog Millionaire กับ 127 Hours และได้รับเกียรติไปแต่งดนตรีให้กับ Lord of the Rings the musical ด้วย
แนะนำครับ หนังดี ที่ควรค่าแก่การนั่งอ่านซับไตเติ้ล
[CR] Dil Se..... จากใจ ด้วยรัก ด้วยหลง ด้วยแรงแค้น ภาพยนตร์ภารตะที่ไม่ค่อยมีให้ดู
Dil Se เป็นหนังปี 1998 นำแสดงโดย Sharukh Khan ซึ่งตอนนั้นเป็นนักแสดงที่โด่งดังกับหนังแนวโรแมนติก และยังเป็นดารานำที่กล้ารับบทตัวร้าย ซึ่งในวงการหนังอินเดียถือว่ามีน้อยมากในยุคนั้น ที่จะกล้ามารับบทตัวร้าย ทั้งๆ ที่โด่งดังจากบทพระเอก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้