"คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" : บัณฑิต กับ คนพาล นั้น แตกต่างกันอย่างไร ? โดย ตระกองขวัญ

กระทู้คำถาม
บัณฑิต กับ คนพาล  ต่างกันอย่างไร ?

บัณฑิต  จะมีวิธีการในทางสังคม ในแบบที่เรียกว่า  วิถีปราชญ์
แต่ คนพาล  จะมีวิธีการในทางสังคม  แบบที่เรียกว่า  วิถีโจร

ยกตัวอย่างนะครับ

ขอยกตัวอย่างผมเองนี่แหละ   ที่เกิดกรณีพิพาทในช่วงเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
ผมกล้าพูดได้ว่า  ผมใช้ วิถีปราชญ์ ในทางสังคม  กรณีพิพาทในบอร์ดแห่งนี้

เมื่อเกิดกรณีพิพาท  ผมจะ "จำกัด" ความขัดแย้งไม่ให้ลุกลามลานปลาย
ไม่ดึง ไม่ดัน ไม่ลาก ไม่ผลัก ไม่อ้าง ไม่พาดพิง  บุคคลอื่น  โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้ามาอยู่ในวงพิพาทด้วย

หลายคนโพสต์เข้าข้างปกป้องผม   อย่างเสี่ยเกียน  หมวยอินดี้  ฯลฯ   ผมก็เฉย  

หรืออย่างคุณวัชรานนท์  ที่ประกาศกลางบอร์ดว่า อยู่ข้างผมจนถึงที่สุด
ผมก็แค่ตั้งกระทู้ขอบคุณเบา ๆ  https://ppantip.com/topic/37146599

ไม่ดึง ไม่ลาก ฯลฯ   บุคคลอื่นเข้ามามีส่วนในความขัดแย้งพิพาทด้วย

หลายท่านหลังไมค์มาให้กำลังใจผม  บอกจะโดดเข้าร่วมวงด้วย  เพราะมีข้อมูลในมือ  
ผมก็ขอร้อง ห้ามปราม  บอกว่าแค่นี้ผม "เอาอยู่"  จิ๊บจ๊อยมาก  เพราะไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนวุ่นวายด้วย

ใครจะโพสต์ดูหมิ่น  เหน็บแนม  เยาะเย้ย  กล่าวหาผม
ผมก็ปล่อย  ไม่ตอบโต้  หรือตอบโต้อย่างระมัดระวังไม่กี่คำ  เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งบานปลายขยายวง

ผมจึงกล้าพูดได้ว่า  ผมใช้วิถีปราชญ์ในเรื่องพิพาทของผม

อย่างว่าแหละครับ
ฉายา "หล่อขวัญ" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย   จะหล่ออย่างเดียวได้ไง  ต้องใจสวยด้วย



แล้ววิถีโจรของคนพาลเป็นอย่างไร   ไม่ขอชี้ไปที่ใครนะครับ   เพียงแต่จะยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นเท่านั้น

คนพาลวิถีโจรนั้น  
จะทั้งดึง ทั้งลาก ทั้งผลัก ทั้งโยง พาดพิง อ้างอิง บุคคลอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมพิพาทด้วย
เพื่อแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีพวก  มีคนเชียร์  มีคนเห็นด้วย  ให้สังคมเชื่อว่าคนพาลคือความถูกต้อง
ให้ความขัดแย้งขยายวง  ให้การพิพาทบานปลายไปถึงคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง
เพื่อคนพาลจะได้ฉวยโอกาสหลบมุม   โยนความขัดแย้งให้คนอื่นทะเลาะกันแทน

โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะความควร
ไม่กล้าที่จะรับภาระความขัดแย้งด้วยตัวเอง

ผลที่คนพาลสร้างขึ้นคืออะไรตามมา ?

ผลก็คือ
ตอนนี้มีหลายคนที่ต้องโดนคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา  ที่มีโทษหนักกว่าหมิ่นประมาททั่วไป
หลายคนต้องไปเป็นพยาน



การเป็นพยานนี่  ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยครับ  เหนื่อยหนักไม่แพ้เป็นจำเลย

ยิ่งหากมีข่าวหลุดออกไปในโลกเน็ต  ว่าต้องเป็นจำเลย  ต้องเป็นพยานให้จำเลย
สังคมเน็ตจะมองอย่างไม่ไว้ใจ  ไม่อยากคบหาแล้วครับ  เพราะกลัวติดร่างแหไปด้วย

และแน่นอน  ย่อมมีผลกระทบต่อชีวิตจริงอย่างมากด้วย

ต้องเสียเวลา  ต้องมีค่าใช้จ่าย  กระทบต่อชีวิตประจำวัน  อาชีพการงาน
ใครมีงานประจำ  อาจต้องถึงขั้นสูญเสียงาน  
ใครประกอบอาชีพอิสระ  ประกอบธุรกิจ  ก็ต้องเสียเวลา เสียโอกาสทางอาชีพ

เจ้าพนักงานออกหมายเรียกให้ไปเป็นพยาน  ไม่ไปไม่ได้  ไม่ไปโดนหมายจับ
ศาลเรียกให้ไปเป็นพยาน  ไม่ไปไม่ได้  ไม่ไปโดนข้อหาขัดคำสั่งศาล  ติดคุกฟรี

หากเป็นคดีใน กทม. หรือในท้องถิ่นที่พยานอาศัยอยู่ก็ดีไป
แต่หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกลล่ะ  ต้องเดินทางหลายทอด หลายต่อ  กว่าจะผ่านชั้นพนักงานสอบสวน กว่าจะถึงชั้นศาล
กว่าจะจบคดี

เจอทนายโจทก์เชิงดี ๆ นี่   ปวดไส้เอาง่าย ๆ ครับ   เพราะพอจำเลยกับพยานจำเลยไปถึงศาล  ขอเลื่อนซะงั้น
หากมีเหตุอันควร  ศาลท่านก็เลื่อนให้  เดินทางฟรี  เหนื่อยฟรี  เสียเวลา  เสียเงิน

โจทก์ไม่จำเป็นต้องไปศาลทุกนัด มอบอำนาจให้ทนายความได้
แต่จำเลย  ต้องไปปรากฎตัวต่อศาลทุกนัด  หากไม่ไปโดยไม่มีเหตุอันควร  โดนหมายจับ

นอกจากเรื่องหมิ่นประมาทแล้ว
การโพสต์เชิงดูหมิ่นเจ้าพนักงาน  การโพสต์แสดงความอาฆาตมาดร้ายในเฟซ
ที่กองเชียร์ไม่รู้เรื่องราว  ไปไลค์ ไปแชร์ ไปแสดงความเห็นด้วย
โดนเรียบครับ  ในข้อหา "สนับสนุน"  รับโทษ 1 ใน 3 ของ "ตัวการ"

การโพสต์ในเว็บบอร์ดเชิงแสดงการข่มขู่เคียดแค้นพยานฝ่ายโจทก์
กองเชียร์ก็ไปกดถูกใจ  หลงรัก  นี่ก็อย่างน้อยต้องได้ไปเป็นพยาน

ดีไม่ดี  ตัวจำเลยโดนฝากขังไม่ให้ประกันตัวเพราะมีพฤติการณ์ข่มขู่พยาน
ติดคุกตั้งแต่คดียังไม่ถึงที่สุดครับ

การเป็นพยาน  หากเป็นพยานฝ่ายจำเลยไม่เท่าไร  เพราะเป็นพวกเดียวกัน
แต่หากโดนฝ่ายโจทก์ดึงให้ไปเป็นพยานให้นี่สิ  ปวดตับเลยล่ะครับ

เพราะโจทก์ให้เป็นพยานชี้ตัว "จำเลย"  ว่าคือนายคนนั้น ชื่อนั้น นามสกุลนั้น  ใช่หรือไม่
หากพยานบอกว่าไม่ใช่   มีหวังติดคุกซะเองข้อหาให้การเท็จต่อศาล
เพราะร่วมกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง  ไปไหนมาด้วยกันหลายครั้ง  พบปะกันทางเว็บบอร์ด และเฟซประจำ
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้จักกัน

แต่หากชี้ตัวว่าใช่  ใช่บุคคลที่โจทก์ฟ้อง
ก็เหมือนการ "ถีบส่ง" ให้ "ลูกพี่" เดินเข้าคุก

เรียกว่า  ไฟท์บังคับครับ  



ก็ขอยกตัวอย่างให้เห็นคร่าว ๆ เล็ก ๆ น้อยนะครับ    ย้ำนะครับ ไม่ได้หมายถึงใคร  เพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็น

นี่แหละคือผลของการคบคนพาล  ตามสำนวนสุภาษิตที่ว่า  "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด"

ไม่รู้อิโหน่อิเหน่  แต่เพราะเย้ว ๆ ไปตามคนพาล
ผลก็คือ  ได้ตำแหน่งจำเลย  ได้ตำแหน่งพยานอย่างไม่รู้ตัว

ต่างมากครับกับการคบหาบัณฑิต



นี่ก็จะคริสมาสต์ และปีใหม่แล้ว
ก็ขอให้พักผ่อนหย่อนใจให้อิ่มเอมนะครับ

เพราะปีหน้า และอีกอย่างน้อย 3-4-5 ปีข้างหน้า  ต้องเหนื่อยหนักแน่ ๆ

ไม่น่าเกิด  แต่ก็เกิด  เพราะอะไร  โปรดไตร่ตรองและพิจารณาดูเองครับ

ด้วยความปรารถนาดีครับ
อมยิ้ม01





May  The  Force  Be  With  You ...
ไม่เป็นไร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
เข้ามายืนยันครับว่ายังยืนอยู่ข้างคุณตระกองขวัญ

คนเราะนะ...ควรมีความรับผิดชอบบ้าง
อย่าเอาแต่รับ "ชอบ"  เช่นว่ากระทู้ตัวได้โหวตขึ้นแนะนำ  มีคนกดอีโมให้เยอะ  ทำสถิติว่าตั้งกระทู้เท่านั้นและได้รับแนะนำเท่านี้
ควรรู้จักรับ "ผิด" ต่อพฤติกรรมหยาบ กร้าว  เกรี๊ยวกราด ขุ่มขู่เพื่อนสมาชิกในห้องราชแห่งนี้ด้วยกันด้วย   ไม่ใช่จะมาบอกว่าตัวเองถูกกระทำ   ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้กระทำต่อคนอื่นในห้องนี้ไว้อย่างไร    


ผมไม่เชื่อว่าคุณตระกองอิจฉาคนๆ นั้นเพียงเพราะกระทู้ของคุณตระกองไม่ได้รับการขึ้นแนะนำอย่างที่บางท่านกล่าวหาหรืออยากจะกล่าวหา      ครั้งหนึ่ง...ผมเคยเห็นตัวอิจฉาเล็ดลอดออกมาจากคนๆ หนึ่ง     ในเหตุการณ์ที่เคยมีเรื่องพิพาทแพทย์หญิงท่านหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกในห้องนี้ที่มีแฟนคลับมากมาย   ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นแสดงได้แสดงความเห็นไว้อย่างดุเดือดที่เห็นแทบจะทุกกระทู้ของแพทย์หญิงท่านนั้นตั้งจะได้ขึ้นกระทู้แนะนำเสมอๆ    ที่สำคัญจะถูกโหวตขึ้นแท่นแนะในระยะเวลาอันสั้น(ไม่กี่ชั่วโมง  บางกระทู้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วย  เพราะเธอมีแฟนคลับมาก)    ฝากเหตุการณ์ตอนนั้นไว้ให้ตรึกว่า  ระหว่างคุณตระกองกับเขาคนนั้นใครกันแน่ที่อิจฉาเรื่องกระทู้ขึ้นแนะนำ      


จริงๆ แล้วผมไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะอินกับกระทู้แนะนำอะไรมากมายก่ายกองขนาดนั้น    ส่วนข่าวที่ว่ามีการหลังไมค์ไประดมพลมาช่วยกันโหวตนั้นผมขอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  ที่วิจารณ์ตรงนี้ก็เอามาจากข้อมูลในบอร์ดตรงนี้   เพราะเห็นเวลามีดราม่าทีไรเขาก็มักจะโอ่เรื่องที่กระทู้ตัวเองขึ้นแนะนำมาเสมอๆ........ถ้าเป็นสมัยก่อนที่สมาชิกสามารถสะสมแต้มตรงนี้เพื่อนำไปแลกรางวัลกับพันทิปได้ก็ว่าไปอย่าง   แต่ถ้าจริงจังถึงขนาดเขียนโทษอดีตเพื่อนที่เคยร่วมงานเหมือนจะชี้ในทำนองที่ว่าพวกเขามีส่วนที่ทำให้กระทู้ของเขาในอดีตนั้นไม่ได้รับการโหวต   แต่พอออกจากกลุ่มมาเท่านั้นแหละ กระทู้ที่ตั้งกระจ่อคิวขึ้นกระทู้แนะนำเป็นพรวน.....
ความคิดเห็นที่ 13
คห.7  คุณป้าสาวเหลือน้อย ครับ  
ไม่ใช่การข่มขู่ครับ  แค่บอกเล่าและยกตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการคบคนพาล
คือไม่ระมัดระวัง ไม่รู้ตัว บอกไม่เชื่อ เตือนไม่ฟัง ก็จะโดนพาไปหาเหตุทั้งนั้น
ที่ผมเล่า ๆ นี่  หากเป็นโจทก์เดียว  คดีเดียว   ก็ยุ่งยากลำบากโดยใช่เรื่องแล้ว
หากเป็นหลายโจทก์  หลายคดี   จะแค่ไหน
ไม่รู้จะต้องไปให้ปากคำที่ไหน  ไปขึ้นศาลที่ใด  เหนือ  อีสาน  ใต้  ไม่รู้เลย

การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานี่  รอดยากครับ  เพราะหลักฐานปรากฎชัด  ทั้งถ้อยคำและเจตนา
โดยเฉพาะกรณีที่ผู้ชายหมิ่นผู้หญิงอย่างหยาบ ๆ คาย ๆ นี่  ศาลท่านจะเมตตาเป็นพิเศษครับ
1 ปี ไม่รอลงอาญาเป็นอย่างน้อยทั้งนั้น

จุดจบคนพาลมักเป็นแบบนี้แหละครับ  คือเก่งนักมักเข้าคุก
Facepalm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่