ดูเผินๆ เหมือนอัยการ มีหน้าที่ ถ่วงดุล กับ ตำรวจ ตำรวจทำสำนวนมาไม่ดี อัยการก็ไม่รับ ไม่เอา??? เป็นการถ่วงดุลแบบไหน???
อัยการควรมีหน้าที่ สืบสวน สอบสวน หาพยาน รวบรวมหลักฐาน และ ทำสำนวน เพราะเป็นทนายแผ่นดิน ไม่ใช่ทนายจำเลย ต้องไปถามนู่น ผู้เสียหายที่มีทั้งประเทศ ไปรวบรวมหลักฐานต่างๆมาทำสำนวนของตัวเอง ไม่ใช่เอวผลงานของตำรวจมานั่งวิจารณ์ว่าดีไม่ดี ครบไม่ครบ เอาไม่เอา
1 สำนวนของคำรวจ 2 สำนวนของอัยการ ทั้ง 1+2 ไปยื่นในขั้นศาล ศาลรับฟ้อง ยกฟ้อง ให้ประกันตัว หรือ ปล่อยตัวชั่วคราว ก็อยู่ศาล ไม่ใช่หน้าที่อัยการ
ระหว่างพิจารณาคดีก็จะมี
1 ฝ่ายผู้ฟ้องมี อัยการ หรือ ทนายแผ่นดิน หรือ ทนายความฝ่ายโจทก์ หรือ โจทก์
2 ฝ่ายผู้ถูกฟ้องมี จำเลย และ ทนายฝ่ายจำเลย หรือ ทนายที่รัฐจัดหาให้ฝ่ายจำเลย(กรณีที่จำเลยไม่มีทนาย หรือ จำเลยทุกคนทุกคดีต้องมีทนายถ้าไม่มีทนายก็ต้องถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน)
ถ้าสำนวนตำราจพิสดาร ก็ยังมี สำนวนของอัยการ ถ้าสำนวนอัยการพิสดาร ก็ยังมี สำนวนของตำรวจ แบบนี้สิถ่วงดุล
ไม่เกิดปัญหาเหมือนคดีรถหรูชนตำรวจ เนื่องจาก ทั้ง สำนวนของตำราจ และ สำนวนของอัยการ ก็ส่งถึงศาลเหมือนกัน ไปแก้ของอีกฝ่ายไม่ได้ ไปเบรคของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ สำนวนฝ่านไหนดี ฝ่ายไหนห่วย ไปถึงศาลได้รู้กัน
เพราะคำรวจไม่ใช่นักเรียน อัยการก็ไม่ใช่คุณครู ที่มาตรวจงานนักเรียน ไม่ดี ห่วย ให้ไปทำมาใหม่ พอเข้าใจ แต่การยกเลิกงานของนักเรียนไปเลย นักเรียนคงบอกว่า แล้วงานของคุณครูละ ก็ต้องมีนะ ไม่งั้นก็เป็นการตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ใช่หรือไม่
ตํารวจส่งฟ้อง vs อัยการสั่งไม่ฟ้อง
อัยการควรมีหน้าที่ สืบสวน สอบสวน หาพยาน รวบรวมหลักฐาน และ ทำสำนวน เพราะเป็นทนายแผ่นดิน ไม่ใช่ทนายจำเลย ต้องไปถามนู่น ผู้เสียหายที่มีทั้งประเทศ ไปรวบรวมหลักฐานต่างๆมาทำสำนวนของตัวเอง ไม่ใช่เอวผลงานของตำรวจมานั่งวิจารณ์ว่าดีไม่ดี ครบไม่ครบ เอาไม่เอา
1 สำนวนของคำรวจ 2 สำนวนของอัยการ ทั้ง 1+2 ไปยื่นในขั้นศาล ศาลรับฟ้อง ยกฟ้อง ให้ประกันตัว หรือ ปล่อยตัวชั่วคราว ก็อยู่ศาล ไม่ใช่หน้าที่อัยการ
ระหว่างพิจารณาคดีก็จะมี
1 ฝ่ายผู้ฟ้องมี อัยการ หรือ ทนายแผ่นดิน หรือ ทนายความฝ่ายโจทก์ หรือ โจทก์
2 ฝ่ายผู้ถูกฟ้องมี จำเลย และ ทนายฝ่ายจำเลย หรือ ทนายที่รัฐจัดหาให้ฝ่ายจำเลย(กรณีที่จำเลยไม่มีทนาย หรือ จำเลยทุกคนทุกคดีต้องมีทนายถ้าไม่มีทนายก็ต้องถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน)
ถ้าสำนวนตำราจพิสดาร ก็ยังมี สำนวนของอัยการ ถ้าสำนวนอัยการพิสดาร ก็ยังมี สำนวนของตำรวจ แบบนี้สิถ่วงดุล
ไม่เกิดปัญหาเหมือนคดีรถหรูชนตำรวจ เนื่องจาก ทั้ง สำนวนของตำราจ และ สำนวนของอัยการ ก็ส่งถึงศาลเหมือนกัน ไปแก้ของอีกฝ่ายไม่ได้ ไปเบรคของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ สำนวนฝ่านไหนดี ฝ่ายไหนห่วย ไปถึงศาลได้รู้กัน
เพราะคำรวจไม่ใช่นักเรียน อัยการก็ไม่ใช่คุณครู ที่มาตรวจงานนักเรียน ไม่ดี ห่วย ให้ไปทำมาใหม่ พอเข้าใจ แต่การยกเลิกงานของนักเรียนไปเลย นักเรียนคงบอกว่า แล้วงานของคุณครูละ ก็ต้องมีนะ ไม่งั้นก็เป็นการตัดตอนกระบวนการยุติธรรม ใช่หรือไม่