อาจจะกล่าวได้ว่าโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัวของผู้สูงอายุเลยก็ว่าได้ และพบมากถึงร้อยละ 20 ในคนไทยที่อายุมากกว่า 60 ปี
สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าคนที่อายุน้อยเนื่องจาก อายุที่มากขึ้นจะมีการเสื่อมของตับอ่อนที่ทำหน้าที่
ในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้การที่อายุมากขึ้นยังอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
หรือทำให้ฮอร์โมนอินซูลินออกฤทธิ์น้อยลงได้เช่นกันครับ
โรคเบาหวานมีความน่ากลัวเพราะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดต่างๆ ทั่วร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง
ทำให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตหรือทำให้เกิดความพิการทางร่างกาย อาจต้องตัดขา หรืออาจ
ตาบอดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นหากผู้สูงอายุทุกคนดูแลรักษาสุขภาพของตนเองอย่างถูกต้องนะครับ
จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นเบาหวาน?
โรคเบาหวาน ส่วนใหญ่แล้วหากไม่สังเกตให้ดีจะไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังเป็นโรคเบาหวานอยู่ เมื่อมารู้อีกที อาการก็เริ่มรุนแรงจนยาก
จะรักษาให้ดีขึ้นได้ในเวลารวดเร็ว ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตตัวเองบ่อยๆ ว่ามีภาวะเสี่ยงหรือไม่ โดยสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้ครับ
1.ปัสสาวะมากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น
2.หิวน้ำบ่อยและดื่มน้ำในปริมาณที่มากๆ
3.เหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
4.น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ (โดยเฉพาะถ้าหากน้ำหนักเคยมากมาก่อน)
5.สายตาพร่ามองเห็นไม่ชัดเจน
6.เป็นแผลหายช้า
** หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีนะครับ **
เป็นเบาหวานรักษาอย่างไร?
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะโรคเบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด
แต่เราสามารถควบคุมความรุนแรงของโรคให้อยู่ในระดับที่คงที่และบรรเทาลงได้ ดังนั้นการรักษาโรคเบาหวานจึงต้องอาศัยการควบคุม
อาหาร การออกกำลังกายและการใช้ยา
การใช้ยาจะเริ่มเมื่อเราไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจระดับน้ำตาลและปรับขนาดของยา การที่ผู้ป่วยรับประทานยาขนาดเดียว
อยู่ตลอดเวลา อาจจะไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้สม่ำเสมอได้ (ขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหารและความก้าวหน้าของโรค)
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ใช้ยาจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีและเกิดสมดุลย์ระหว่าง
การได้พลังงานจากอาหารและการใช้พลังงานครับ
ถ้าไม่อยากเป็นเบาหวาน มีวิธีป้องกันไหม?
โรคเบาหวานประเภทที่ 1 แทบไม่สามารถป้องกันการเกิดของโรคได้ เพราะสาเหตุการเกิดมาจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ในขณะที่
โรคเบาหวานประเภทที่ 2 สามารถป้องกันได้ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่เริ่มจากการป้องกัน
ที่ต้นเหตุก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้มากขึ้นแล้ว สำหรับวิธีการป้องกันสามารถปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
1. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน ลดอาหารจำพวกไขมัน แป้ง หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ได้มากขึ้น ทำให้หมดปัญหาเรื่องการสะสม
น้ำตาลในเลือด หรือมีน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควรตรวจปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาก็เพื่อให้ผู้ป่วยดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด ลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายแก่ชีวิต การป้องกันตั้งแต่
เนิ่นๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุด และที่สำคัญเราควรหมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ ควบคุมดูแลไม่ให้อาการของโรคหนักขึ้น เพียงเท่านี้เรา
ก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุที่ยืนยาวได้แล้วครับ ^-^
เบาหวานอีกหนึ่งโรคฮิตของผู้สูงวัย
สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้มากกว่าคนที่อายุน้อยเนื่องจาก อายุที่มากขึ้นจะมีการเสื่อมของตับอ่อนที่ทำหน้าที่
ในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินที่ใช้ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้การที่อายุมากขึ้นยังอาจทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
หรือทำให้ฮอร์โมนอินซูลินออกฤทธิ์น้อยลงได้เช่นกันครับ
โรคเบาหวานมีความน่ากลัวเพราะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่อหลอดเลือดต่างๆ ทั่วร่างกายโดยเฉพาะหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง
ทำให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตหรือทำให้เกิดความพิการทางร่างกาย อาจต้องตัดขา หรืออาจ
ตาบอดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นหากผู้สูงอายุทุกคนดูแลรักษาสุขภาพของตนเองอย่างถูกต้องนะครับ
จะทราบได้อย่างไรว่าตัวเองเป็นเบาหวาน?
โรคเบาหวาน ส่วนใหญ่แล้วหากไม่สังเกตให้ดีจะไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังเป็นโรคเบาหวานอยู่ เมื่อมารู้อีกที อาการก็เริ่มรุนแรงจนยาก
จะรักษาให้ดีขึ้นได้ในเวลารวดเร็ว ดังนั้นเราจึงควรหมั่นสังเกตตัวเองบ่อยๆ ว่ามีภาวะเสี่ยงหรือไม่ โดยสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้ครับ
1.ปัสสาวะมากขึ้นและบ่อยครั้งขึ้น
2.หิวน้ำบ่อยและดื่มน้ำในปริมาณที่มากๆ
3.เหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
4.น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบสาเหตุ (โดยเฉพาะถ้าหากน้ำหนักเคยมากมาก่อน)
5.สายตาพร่ามองเห็นไม่ชัดเจน
6.เป็นแผลหายช้า
** หากพบอาการดังกล่าว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติ เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีนะครับ **
เป็นเบาหวานรักษาอย่างไร?
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะโรคเบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด
แต่เราสามารถควบคุมความรุนแรงของโรคให้อยู่ในระดับที่คงที่และบรรเทาลงได้ ดังนั้นการรักษาโรคเบาหวานจึงต้องอาศัยการควบคุม
อาหาร การออกกำลังกายและการใช้ยา
การใช้ยาจะเริ่มเมื่อเราไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติได้ด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
ผู้ป่วยเบาหวานจึงต้องพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจระดับน้ำตาลและปรับขนาดของยา การที่ผู้ป่วยรับประทานยาขนาดเดียว
อยู่ตลอดเวลา อาจจะไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้สม่ำเสมอได้ (ขึ้นอยู่กับปริมาณของอาหารและความก้าวหน้าของโรค)
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่ใช้ยาจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้ดีและเกิดสมดุลย์ระหว่าง
การได้พลังงานจากอาหารและการใช้พลังงานครับ
ถ้าไม่อยากเป็นเบาหวาน มีวิธีป้องกันไหม?
โรคเบาหวานประเภทที่ 1 แทบไม่สามารถป้องกันการเกิดของโรคได้ เพราะสาเหตุการเกิดมาจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ในขณะที่
โรคเบาหวานประเภทที่ 2 สามารถป้องกันได้ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นั้นไม่ใช่เรื่องยาก แค่เริ่มจากการป้องกัน
ที่ต้นเหตุก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้มากขึ้นแล้ว สำหรับวิธีการป้องกันสามารถปฏิบัติตามได้ง่ายๆ ดังนี้ครับ
1. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน ลดอาหารจำพวกไขมัน แป้ง หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ได้มากขึ้น ทำให้หมดปัญหาเรื่องการสะสม
น้ำตาลในเลือด หรือมีน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป
3. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ควรตรวจปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
4. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ เป้าหมายของการรักษาก็เพื่อให้ผู้ป่วยดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด ลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายแก่ชีวิต การป้องกันตั้งแต่
เนิ่นๆ เป็นวิธีที่ดีที่สุด และที่สำคัญเราควรหมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ ควบคุมดูแลไม่ให้อาการของโรคหนักขึ้น เพียงเท่านี้เรา
ก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุที่ยืนยาวได้แล้วครับ ^-^