อยากทราบว่าที่ปฎิบัติมาเริ่มเป็นวิปัสนาหรือยังครับ

เป็นคนที่นั่งสมาธิมานานแล้วครับ ปกติจะนั่งประมาณ ชั่วโมงกว่าๆเมื่อเร็วๆนี้รู้สึกว่าตัวเองนั่งแล้วจิตสงบ ไม่นึก ไม่คิด มีแต่ความว่างอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกเบื่อ ก็นั่งจนครบเวลา (ประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ) แต่ก็ทำทุกวัน จนมากะตั้งใจกะตัวเองว่าจะเพิ่มเวลานั่งให้มากขึ้นเรื่อยๆ (ที่เคยนั่งมากที่สุดชั่วโมงครึ่ง หลายเดือนมาแล้วตอนนั้นจิตไม่สงบอาศัยความทนเอาครับ คราวนั้นแทบตายเลยครับปวดขามากทนไม่ไหวน้ำตาไหลเลย หดหู่ไปหลายวันเลย) คราวนี้อาศัยความสงบรู้ลมหายใจไปเรื่อยๆน่าจะประมาณ 1 ชั่วโมงเวทนายังไม่มาเลยครับ เลยเอาจิตไปจับที่ขาลองดูเวทนา ตัวเวทนามันก็ค่อยๆมาที่ละนิดๆ ก็ดูไปเรื่อยตอนแรกก็ไม่มีมีอะไรก็รู้เจ็บไปเรื่อยๆ จนเจ็บมากขึ้นแต่ก็รู้สึกว่าทำไม่เราไม่ทุรนทุราย จนอยู่ดีๆก็เกิดความรู้ขึ้นมาเองว่า จิตเป็นผู้ดูเวทนา เวทนาไม่ใช่จิต จิตดูเวทนาอยู่จึงไม่ยึดเวทนา ที่เคยเจ็บปวดจนน้ำตาไหลเมื่อก่อนเพราะเราไปยึดว่าเวทนาเป็นของเรา คราวนี้หละครับนั่งดูมันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ไม่สนใจเลยครับเพราะรู้สึกว่าเวทนาไม่ใช่เราดูไปเรื่อยๆครับ เห็นอาการเจ็บมันยิบยับไปหมด เดี๋ยวหายเดี๋ยวเกิด เดี๋ยวเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ แต่ไม่รู้สึกทรมานเลย จึงอยากรู้ว่าที่ภาวนามาเริ่มเป็นวิปัสนาหรือยังครับ แล้วควรทำยังไงต่อครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
นี้เป็น คหสต. ของดิฉันเท่านั้น   ถ้าจะตัดสินให้แน่ชัด ลงไปว่าวิปัสสนาหรือไม่  ให้ดูที่ "ไตรลักษณ์"  ถ้าท่านได้เห็น ลักษณะของความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป โดยมิได้ทำความรู้สึกนึกคิด ให้เห็น ให้รู้ โดยตัวของท่านเอง  แต่สิ่งนั้นเกิดขึ้น  สิ่งนั้นตั้งอยู่  สิ่งนั้นดับไป  และท่านเข้าไปเห็นสิ่งนั้นได้เอง  ดิฉันคิดว่าอย่างนั้นคือ วิปัสสนา

แต่สิ่งที่ท่าน ได้เห็นอยู่นี้  เป็นสิ่งที่ดิฉันคิดว่า  เป็นทางเริ่มต้น ที่จะทำให้ท่าน ไปสู่ไตรลักษณ์ได้อย่างแน่นอน  เพราะครั้งหนึ่งดิฉันก็เคยเห็นแบบที่ท่านเห็น  นั้นคือเห็นความเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ ความไม่มีอะไรแน่นอน  ของกายและจิต  และสิ่งทีท่านได้จากการเห็นจริงแบบนี้ ด้วยตัวท่านเองคือจิตของท่านจะปล่อยวาง คลายความยึดมั่นลง   เป็นการชำระจิตใจได้ระดับหนึ่ง และจะนำท่านไปสู่การแยก กายกับจิต  ที่ชัดเจนให้ท่านเห็นได้ต่อไป  ต่อไปท่านจะเห็นได้ว่า ปวดที่แท้แล้วอยู่ที่ตรงไหน

สิ่งที่ท่านเห็น นับว่าเป็นการเห็น สิ่งที่เป็นความจริงของชีวิตที่ถูกต้อง เมื่อท่านเห็นจริงได้โดยวิธีใด ท่านก็ทำไปอย่างนั้น  ความปวดในระดับที่ท่านเล่า  เป็นเพียงความปวดในระดับเริ่มต้นเท่านั้น  ถ้าท่านดูปวดต่อไป  ท่านจะได้พบความปวดที่อยู่ในขั้นลึกๆลงไปอีก    เมื่อใจท่านสู้ทุกข์ จากความบีบคั้นของความปวด ในระดับต่างๆ  เกินกว่าที่คนทั่วไปจะทำได้   ความบีบคั้นที่เกิดในชีวิตประจำวัน ทางกาย วาจา ใจ  นั้นจะมีแรงกำลังเบา กว่าความบีบคั้นที่ท่านได้เคยฝึก ท่านจะกลายเป็นคนมีสติอดทน ต่อสิ่งต่างๆได้ดี  เมื่อนั้นการดำเนินชีวิตทางโลกจะง่าย   อยากดับทุกข์ ก็ต้องจับเอาทุกข์มาดู ต้องศึกษาให้เห็นภายในทุกข์ ว่าเป็นอย่างไร  

ปล. ถ้าท่านจะใช้วิธีนี้ ขอให้ท่านสู้กิเลสความปวดแบบนี้ ให้เลยขาดใจตายให้ได้ แล้วท่านจะพบพระธรรม  ก่อนจะภาวนา ให้น้อมจิต น้อมใจ  เชื่อมั่นในคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ตั้งจิตตั้งใจให้ดี แน่วแน่ รักษาศึล  รักษาสัจจะ ให้มั่น จะช่วยให้ทำได้สำเร็จ อนุโมทนา และขอเป็นกำลังใจให้ทำได้สำเร็จ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่