WAKKOQO KOBE-BEEF STEAK ร้านนี้แนะนำให้มาโดน!!!
สิ่งแรกในทริปญี่ปุ่นที่เพื่อนเรียกร้อง ขู่เข็น อ้อนวอน ว่าต้องโดนให้ได้คือ "เนื้อโกเบ"
ใครมาโกเบแล้วไม่กินเนื้อโกเบ ถือว่ามาไม่ถึง เห็นจะจริง
ทำให้เราต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อหาร้านเนื้อที่ขึ้นชื่อของโกเบ
โพยมากมายในพันทิป พุ่งเป้าไปที่ร้าน Steak Land ร้านนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คของคนไทย
เรากับเพื่อนจึงดูรีวิวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเทียบกัน หวยเลยมาลงที่ "WAKKOQO"
คะแนนดีและเป็นส่วนตัว เพราะต้องจองคิวล่วงหน้า ไม่จองไม่ได้กินนะจ๊ะ
เราจองคิวก่อนเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ ที่เว็ปนี้เลยค่ะ
http://www.wakkoqu.com/english/index.html
เราจองเวลารอบเที่ยงตรง มาถึงตอน 11.30 น.
ห้ามเข้าร้านจ้า ยืนรอหน้าร้านจนกว่าจะถึงเวลาของตัวเอง
เที่ยงเป๊ะ พนักงานก็มาเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งประจำที่ค่ะ
เมนูมีประมาณนี้
ออกตัวก่อนว่าปกติเราไม่กินเนื้อ
ไม่ได้ถือหรืออะไร แต่รู้สึกว่ากลิ่นมันแรง เลยไม่ชอบ
แต่มาถึงที่แล้ว มันก็ต้องลองดูค่ะ
เราสั่งเซ็ทมื้อกลางวัน เนื้อ A4 150 g.
Lunch Wakkoqu Course ( Tajima & Sanda Beef from Kobe ) ¥5,880
ส่วนแฟนและเพื่อนสายเนื้อ จัดหนัก สั่งแบบชุดใหญ่คนละ 1 ชุด
WAKKOQU - SPECIAL SELECTED KOBE BEEF
KOBE Sirloin A5 250 g. ¥14,200
พอสั่งอาหารเสร็จ พนักงานก็เริ่มเอาจานมาเสริฟ พร้อมน้ำจิ้มและเครื่องปรุง
เชฟคนแรกเข้ามาทอดกระเทียมก่อน
หอมฟุ้งไปทั้งร้านเลย เรียกน้ำย่อยได้โครตดี
ในระหว่างรอกระเทียมกรอบ ออเดิร์ฟก็มา
ของ Lunch Set จะเป็นซุปครีม
ของ Special Set มีให้เลือก 2 รายการคือ แซลมอลรมควันกับเนื้ออบรึเปล่า เราไม่แน่ใจ
แต่ไม่มีใครสั่งแซลมอน เลยไม่มีรูป
หน้าตาเนื้อเป็นแบบนี้ เราลองชิมแล้ว อร่อยค่ะ
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเชฟอีกคนเดินถือเนื้อออกมา
เห็นลายเนื้อแล้ว อู้หู!!! อลังการเว่อร์ น้ำลายไหล
ถ้าเรามาด้วยกัน แล้วสั่งเหมือนกัน
เค้าจะชั่งเป็นน้ำหนักรวมมาให้ค่ะ
แล้วเชฟจะเป็นคนแบ่งให้เอง
เชฟเริ่มแนะนำตัวและสอบถาม ว่าใครชอบความสุกระดับไหน
กลุ่มเราเลือกไป 3 ระดับค่ะ มี
Blue
Medium Rare
Medium
ตอนเชฟเอาเนื้อลง เสียงเนื้อดัง 'ชี่ ชี่' แล้วกลิ่นเนื้อหอมขึ้นมาแบบ...
น้ำลายเหนียวมาก ณ จุด จุด นั้น
Lunch Set
Special Set
เนื้อของ Lunch Set บางกว่าเห็นๆเลยค่ะ
เชฟจะตัดส่วนมัน แยกไว้สำหรับผัด
มา...ดูคลิป แล้วท้องร้องไปด้วยกัน
ตามมาติดๆ
Lunch Set เนื้อจะหอมและกรอบ ไม่มีความเหนียวเลย
เนื้อสุก พนักงานก็เอาข้าวกับสลัดผัก มาเสริฟ กินคู่กัน
หืมมม อร่อยลืมมอ่ะ ลืมเนื้อที่เมืองไทยไปได้เลย
Special Set
เนื้อหอมมากและจะมีความฉ่ำมากกว่า เพราะเนื้อที่หนากว่า Lunch Set
ชิ้นนี้ความสุกระดับ Blue ยอมใจในความฉ่ำ
ละลายในปากจร้าาาา เข้าใจลึกซึ้งในคำๆนี้
กินเนื้อ จิบไวน์แดง ฟินอะไรเบอร์นั้น
พอเสริฟเนื้อชุดแรกจบ เชฟก็เอาผักมาย่างต่อเลย
ผักทั้ง 2 Set เหมือนกันค่ะ มีทั้งหมด 6 อย่าง
บุก, เต้าหู้, รากบ้ว, มันฝรั่ง, มะเขือม่วง, พริกหยวก
ย่างผักเสร็จ ตามด้วยเนื้ออีก 1 ชุด
ยัง มันยังไม่จบ มันของเนื้อยังต้องไปต่อ
กลุ่มเราไม่เอาข้าวผัด เลยกลายเป็นผัดถั่วงอก
ถั่วงอกผัดกับมันของเนื้อยังอร่อย แม่เจ้า!!! มันจะดีไปไหน
ความผัดถั่วงอก
ได้กาแฟตบท้ายอีกคนล่ะแก้ว
พุงกาง ท้องจะแตกมาก แต่ยังไม่หมด
Lunch Set มีไอศกรีมเสริฟอีก 1 ลูก
คราวนี้หมดของจริงแล้ว ถึงเวลาจ่ายค่าเสียหายจร้า
มือสั่นกันไปเบาๆ
ขอตัวไปซดมาม่าก่อนเด้อ
[CR] "เนื้อโกเบ A5" มันต้องโดน! WAKKOQO KOBE-Beef Steak สวรรค์ของคนรักเนื้อ
เราจองคิวก่อนเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ ที่เว็ปนี้เลยค่ะ http://www.wakkoqu.com/english/index.html
เราจองเวลารอบเที่ยงตรง มาถึงตอน 11.30 น.
ห้ามเข้าร้านจ้า ยืนรอหน้าร้านจนกว่าจะถึงเวลาของตัวเอง
เที่ยงเป๊ะ พนักงานก็มาเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งประจำที่ค่ะ
เมนูมีประมาณนี้
ออกตัวก่อนว่าปกติเราไม่กินเนื้อ
ไม่ได้ถือหรืออะไร แต่รู้สึกว่ากลิ่นมันแรง เลยไม่ชอบ
แต่มาถึงที่แล้ว มันก็ต้องลองดูค่ะ
เราสั่งเซ็ทมื้อกลางวัน เนื้อ A4 150 g.
Lunch Wakkoqu Course ( Tajima & Sanda Beef from Kobe ) ¥5,880
ส่วนแฟนและเพื่อนสายเนื้อ จัดหนัก สั่งแบบชุดใหญ่คนละ 1 ชุด
WAKKOQU - SPECIAL SELECTED KOBE BEEF
KOBE Sirloin A5 250 g. ¥14,200
พอสั่งอาหารเสร็จ พนักงานก็เริ่มเอาจานมาเสริฟ พร้อมน้ำจิ้มและเครื่องปรุง
เชฟคนแรกเข้ามาทอดกระเทียมก่อน
หอมฟุ้งไปทั้งร้านเลย เรียกน้ำย่อยได้โครตดี
ในระหว่างรอกระเทียมกรอบ ออเดิร์ฟก็มา
ของ Lunch Set จะเป็นซุปครีม
ของ Special Set มีให้เลือก 2 รายการคือ แซลมอลรมควันกับเนื้ออบรึเปล่า เราไม่แน่ใจ
แต่ไม่มีใครสั่งแซลมอน เลยไม่มีรูป
หน้าตาเนื้อเป็นแบบนี้ เราลองชิมแล้ว อร่อยค่ะ
แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อเชฟอีกคนเดินถือเนื้อออกมา
เห็นลายเนื้อแล้ว อู้หู!!! อลังการเว่อร์ น้ำลายไหล
ถ้าเรามาด้วยกัน แล้วสั่งเหมือนกัน
เค้าจะชั่งเป็นน้ำหนักรวมมาให้ค่ะ
แล้วเชฟจะเป็นคนแบ่งให้เอง
เชฟเริ่มแนะนำตัวและสอบถาม ว่าใครชอบความสุกระดับไหน
กลุ่มเราเลือกไป 3 ระดับค่ะ มี
Blue
Medium Rare
Medium
ตอนเชฟเอาเนื้อลง เสียงเนื้อดัง 'ชี่ ชี่' แล้วกลิ่นเนื้อหอมขึ้นมาแบบ...
น้ำลายเหนียวมาก ณ จุด จุด นั้น
Lunch Set
Special Set
เนื้อของ Lunch Set บางกว่าเห็นๆเลยค่ะ
เชฟจะตัดส่วนมัน แยกไว้สำหรับผัด
มา...ดูคลิป แล้วท้องร้องไปด้วยกัน
ตามมาติดๆ
Lunch Set เนื้อจะหอมและกรอบ ไม่มีความเหนียวเลย
เนื้อสุก พนักงานก็เอาข้าวกับสลัดผัก มาเสริฟ กินคู่กัน
หืมมม อร่อยลืมมอ่ะ ลืมเนื้อที่เมืองไทยไปได้เลย
Special Set
เนื้อหอมมากและจะมีความฉ่ำมากกว่า เพราะเนื้อที่หนากว่า Lunch Set
ชิ้นนี้ความสุกระดับ Blue ยอมใจในความฉ่ำ
ละลายในปากจร้าาาา เข้าใจลึกซึ้งในคำๆนี้
กินเนื้อ จิบไวน์แดง ฟินอะไรเบอร์นั้น
พอเสริฟเนื้อชุดแรกจบ เชฟก็เอาผักมาย่างต่อเลย
ผักทั้ง 2 Set เหมือนกันค่ะ มีทั้งหมด 6 อย่าง
บุก, เต้าหู้, รากบ้ว, มันฝรั่ง, มะเขือม่วง, พริกหยวก
ย่างผักเสร็จ ตามด้วยเนื้ออีก 1 ชุด
ยัง มันยังไม่จบ มันของเนื้อยังต้องไปต่อ
กลุ่มเราไม่เอาข้าวผัด เลยกลายเป็นผัดถั่วงอก
ถั่วงอกผัดกับมันของเนื้อยังอร่อย แม่เจ้า!!! มันจะดีไปไหน
ความผัดถั่วงอก
ได้กาแฟตบท้ายอีกคนล่ะแก้ว
พุงกาง ท้องจะแตกมาก แต่ยังไม่หมด
Lunch Set มีไอศกรีมเสริฟอีก 1 ลูก
คราวนี้หมดของจริงแล้ว ถึงเวลาจ่ายค่าเสียหายจร้า
มือสั่นกันไปเบาๆ
ขอตัวไปซดมาม่าก่อนเด้อ