สวัสดีรายเดือน! ตอนนี้เป็นตอนที่ 22
เพราะว่าตอน 20.5 ในรวมเล่มที่ 4 ถูกแก้เป็นตอนที่ 21 แล้วค่ะ
Vanitas no Carte เล่ม 4
ใหญ่โตอลังการ พร้อมภาพสีปกรองสุดงดงาม! (ft.โรลองด์)
ส่วนนิตยสาร Gangan Joker เดือนนี้ฌานกับวานิทัสได้ขึ้นปก แถมปกเวอร์ชั่นพิเศษ ‘โนเอะโดนตาลุงใจร้ายปิดปาก’
ยังไม่หมดแค่นี้ อ.จุนวาดหน้าเปิดสีคู่ให้ด้วย ถ้ายังไม่จุใจ goods ทั้งหลาย ผ้าขนหนู สแตรปยาง เข็มกลัด
ทุกอย่างวางขายที่ญี่ปุ่นแล้ววันนี้! ส่วนที่ไทยก็อยากให้ lc สักทีนะ
Note:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้มีปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง คือชื่อไทยของพวกตัวละคร เขียนกันหลายแบบมาก
Vanitas วานิทาส วานิทัส วานิตาส วานิตัส วานิต้าส์
Noé โนเอะ โนเอ้ โนเอล โนอาห์
Jeanne จานน์ ชาน ฌาน ฌานน์ โจน ฯลฯ
จขกท.ก็อยากจะใช้อันที่มันถูก แต่ตอนนี้ขอใช้ชื่ออย่างในกระทู้ไปชั่วคราวก่อน
ไว้เรื่องนี้ lc เข้ามาเมื่อไหร่ เราก็ยึดตามนั้น ทางออกของทุกคนอยู่ในกำมือท่านนักแปลแล้วนะคะ 555555
ทางเวอร์ชั่นฝรั่งเศสกับอังกฤษก็มีปัญหาเรื่องแปลตัวละครชื่อ Roland เป็น Laurent
ชื่อที่ถูกต้องคือ Roland Fortis
Yen Press
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.b2c.hachettebookgroup.com/authors/jun-mochizuki-teen/?yen
ความเดิมตอนที่แล้ว:
- เดทของวานิทัสกับฌานจบลงที่การเสียเลือดเสียเนื้อเล็กน้อย(?)
- โดมินิค เดอ ซาด? ใครเหรอ? ก็คนน่าสงสารที่เหมือนจะมีบทในตอนต่อไปแต่ปรากฏว่าไม่มียังไงล่ะ
ความทรงจำที่ 22 - Hurler - เสียงเพรียกหา
Hurler(Fr) = เห่าหอน/ กรีดร้อง
- ฌานทำหมวกกับร่มกันแดดที่โดมินิคให้มาหล่นหาย เธอเลยอยากกลับไปหา
แต่วานิทัสรีบเบรกเอาไว้เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์อาจจะเรียกเชสเซอร์แล้วก็ได้ การวกกลับไปจุดเดิมจึงไม่ใช่ความคิดที่ดี
ฌานเข้าใจแต่ก็แอบงอแงนิดหน่อยเพราะเป็นของที่โดมิอุตส่าห์ให้มา วานิทัสก็แหย่เล่นตามประสา
ทำให้แวมไพร์สาวหลุดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน (ฮา)
วานิทัสยิ้มเผล่แล้วบอกกับฌานว่าวันนี้เธอสวยมากแต่ฉันชอบเธอตอนที่เป็นแบบนี้ที่สุด ฌานก็เขินไปสิ จะให้ทำยังไง
แล้ววานิทัสก็พูดต่อว่า เขายังแปลกใจอยู่ที่ลูกะยอมให้เธอมาหาเขาตามลำพัง
แต่ปรากฏว่าฌานไม่ได้บอกลูก้าว่าจะมาโลกฝั่งนี้ ฌานอธิบายว่าตอนนี้ลูก้าอยู่กับพี่ชายของเขา
บีสต์เทีย “โลกิ”
ไม่มีที่ใดจะปลอดภัยยิ่งไปกว่าข้างกายของโลกิแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องอยู่คุ้มกันเด็กชาย
Beastia =
คำนำหน้าชื่อของแวมไพร์ที่ได้รับเกียรติให้เป็น “คมเขี้ยวของราชินี”
พี่สาวของโดมินิคที่ชื่อ เวโรนิก้า ก็มีสถานะเป็นบีสต์เทียเช่นกัน
ฌานอธิบายต่อว่าถึงยังไงเธอก็ได้รับอนุญาตให้มาหาเขาที่ฝั่งนี้ ดังนั้นคงไม่เป็นไร
วานิทัสสงสัยว่าเธอต้องขออนุญาตใครด้วยเหรอ แต่แล้วคำตอบก็เด้งขึ้นมาในหัวทันที ลอร์ดรูธเวนนั่นเอง!
พอฌานรับว่าใช่ เจ้าหนุ่มที่พึ่งรู้ตัวว่าเผลอปล่อยเพื่อนเอาไว้ในสภาพที่อาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ
ก็รีบวิ่งสับเท้าสุดชีวิตกลับไปที่โรงแรม ทิ้งให้แวมไพร์สาวยืนเอ๋อเดียวดายอยู่กลางถนน
- พอกลับไปถึงห้องพัก วานิทัสก็ตะโกนเรียกโนเอะ และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบี้องหน้าเขาก็คือ--
โนเอะที่นอนย้วยตกเตียงอยู่ในท่าเดิม
...
วานิทัสถึงกับอึ้งกิมกี่
แวมไพร์หนุ่มตื่นขึ้นมาทำหน้างัวเงียใส่เพื่อนมนุษย์ แล้วสะดุ้งตกใจที่ฟ้าด้านนอกมืดแล้ว
โนเอะงงเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองกำลังนั่งกินทาร์ตแอปเปิ้ลอยู่ที่คาเฟ่จนถึงเมื่อสักครู่นี้นี่เอง..
พอเห็นหน้าเพื่อนก็ถามว่าเป็นอะไรไป วานิทัสที่เป็นห่วงเก้อก็ได้แต่เอามือกุมหัวแล้วบอกปัดไปว่า ไม่มีอะไร
---ภาพตัดกลับมาทาง ฌาน --
เธอยังยืนรอวานิทัสอยู่ที่เดิม พอรู้ว่าเขาคงจะไม่กลับมาแล้วสีหน้าของเธอก็สลดลง (โถ แม่ลูกหมาน้อย)
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อของเธอ พอหันไปดูก็พบว่าเป็นลอร์ดรูธเวนที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ฌานเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปหา
เธอเรียกเขาว่า
“อาจารย์รูธเวน” ฝ่ายชายผู้มีสถานะเหนือกว่าก็เหยียดยิ้มให้เล็กน้อย
- ฌานถามว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ ลอร์ดรูธเวนตอบว่าเขาได้ยินว่าเกิดเหตุวุ่นวายที่เนินเขามงมาร์ต เลยลองมาตรวจสอบดู
นั่นเป็นฝีมือของเธอใช่ไหม? ฌานถูกจับได้ก็ออกอาการลนลาน
ทว่าลอร์ดรูธเวนกลับยื่นมือมาสัมผัสแก้มเด็กสาวอย่างนุ่มนวล แล้วเอ่ยปากชมว่าชุดนี้เหมาะกับเธอดี
เขามั่นใจว่าเอริคกับลูอิส พ่อกับแม่ของฌาน จะต้องอยากเห็นตัวเธอในตอนนี้แน่ๆ
--ภาพ Flashback คล้ายควันและเปลวเพลิง ปรากฏขึ้น--
^
นึกว่าจะเป็นความสัมพันธ์เคร่งครัดแบบนาย-บ่าว แต่นี่มันอะไรกัน!
อีกด้านหนึ่ง โอลิวิเย่ร์ขอเข้าไปในห้องทำงานของหญิงสาวใส่แว่นผมกระเซิงที่ชื่อ มิร่า (Mira)
^
สาวเจ้าดันขอจูบเป็นค่าผ่านทางซะนี่ 555555
โอลิวิเย่ร์เป็นผู้ชายรักนวลสงวนตัวเลยบอกว่าไว้จะเอาเหล้ามาให้แทนก็แล้วกัน
เขาเดินไปหาโรลองด์ที่กำลังนั่งขลุกอยู่ที่ห้องสมุดด้านใน พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นว่าเพื่อนกำลังอ่านหนังสือ
ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของแวมไพร์และมนุษย์อยู่ เห็นเรื่องสุ่มเสี่ยงจะผิดศีลธรรมของนักล่าแวมไพร์อยู่ตรงหน้าเช่นนั้น
มีหรือจะยอมปล่อยผ่าน พ่อหนุ่มผมยาวสลวยแสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จนโรลองด์ต้องบอกให้ใจเย็นๆ
แล้วอธิบายให้เพื่อนฟังว่าที่เขามานั่งอ่านหนังสือพวกนี้ใหม่อีกรอบเนี่ย เป็นเพราะว่าเขาอาจจะได้เห็นอะไรบางอย่าง
จากมุมที่ไม่เคยมองมาก่อน
แต่ก่อนโรลองด์เคยคิดว่าพวกแวมไพร์นั้นชั่วบริสุทธิ์ หาดีไม่ได้สักนิดเดียว เขาไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยจนกระทั่ง
ได้เจอกับโนเอะที่สุสานใต้ดิน ชายหนุ่มพูดต่อไปจนถึงเรื่องที่ว่าบางทีพระเจ้าเองก็อาจจะรักพวกแวมไพร์เหมือนกัน
พอหลุดประโยคที่ไม่ควรจะพูดออกมา ทีนี้โอลิวิเย่ร์ยิ่งปรี๊ดแตกหนักกว่าเดิม
โอลิวิเย่ร์เข้าไปปัดเอกสารออกจากมือของอีกฝ่าย เขาเตือนโรลองด์ว่านายเป็นเป็นเชสเซอร์นะ
หากเบื้องบนทราบเรื่องนี้เข้า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พ่อแม่กับน้องๆ ของนายก็จะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
- โรลองด์เงียบไป จากนั้นก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า นี่โอลิวิเย่ร์ นายคิดว่าลำพังตัวฉันคนเดียวจะจัดการพาลาดินได้สักกี่คน?
3 หรือ 4? ชายหนุ่มพูดต่อไปว่าตัวเลขอาจจะมากกว่านั้นสักหน่อยหากเขาพร้อมที่เอาชีวิตเข้าแลก
“แต่ว่านะ..” โรลองด์ยิ้มให้เพื่อน
- เห็นเพื่อนแยกเขี้ยวพร้อมกัดแบบนั้น โอลิวิเย่ร์ก็เลิกเถียง เขาเหลือบดูเอกสารที่โรลองด์กำลังก้มเก็บอยู่
โรลองด์ชมว่าลอร์ดรูธเวนเป็นคนที่เจ๋งมาก โอลิวิเย่ร์ที่ใจอ่อนแล้วก็ก้มลงไปช่วยเก็บเอกสารอีกแรง
แล้วเขาก็บังเอิญไปเห็นรายงานเกี่ยวกับ
La Bête du Gévaudan-สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง
..มันเป็นเหตุการณ์ในอดีตสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ที่ลอร์ดรูธเวนเข้าไปมีบทบาทสำคัญ
มีคนนับร้อยถูกฆ่าตายที่มณฑลเฌโวด็อง แม้ผู้คนภายนอกจะเข้าใจว่าเป็นฝีมือของฝูงหมาป่า
แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการไล่สังหารโหดในครั้งนั้นคือแวมไพร์ตนหนึ่ง
คดีนี้มีชื่อเสียงเพราะมันเป็นคดีที่ทำให้แวมไพร์และศาสนจักรต้องจับมือสู้ด้วยกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แต่โชคไม่ดีที่จู่ๆ วันหนึ่งฆาตกรต่อเนื่องก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้คดีต้องปิดลงทั้งๆ ที่ปริศนายังไม่กระจ่าง
The Beast of Gévaudan (French: La Bête du Gévaudan) คืออะไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง เป็นภัยคุกคามผู้คนทางตอนกลางของภาคใต้ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่าง ค.ศ. 1764 ถึง 1767 รัศมีการโจมตีครอบคลุมพื้นที่ราว 80-90 ตารางกิโลเมตร เหยื่อของมันมักจะถูกพบในสภาพลำคอฉีกขาด ทางการฝรั่งเศสใช้คนและเงินเป็นจำนวนมากในการออกล่าสัตว์ตัวนี้ มีรายงานว่ามันเข้าโจมตีถึง 210 ครั้ง ฆ่าคนไป 130 คน และทำร้ายไปอีก 49 คน โดยในจำนวนผู้ที่ตายหรือถูกทำร้าย 98 คนถูกกินอวัยวะไปบางส่วน
ลักษณะของอสุรกายตัวนี้ถูกอธิบายแตกต่างไปตามช่วงเวลา แต่ในภาพรวมผู้คนบอกว่ามันเป็นสัตว์ที่คล้ายสุนัขป่าแต่มีขนาดใหญ่เท่าลูกวัว มีหัวอย่างสัตว์ตระกูลสุนัข ใบหูเล็กตั้งตรง หน้าอกกว้าง และปากขนาดใหญ่เผยให้เห็นคมเขี้ยวน่าสะพรึงกลัว ขนของมันเป็นสีออกแดงมีขนสีดำแซมทั่วหลัง มีผู้ออกความเห็นว่าอสุรกายตัวนี้เป็นสัตว์ลูกผสม (Wolfdog) ระหว่างสุนัขป่าและสุนัขบ้านพันธุ์มาสตีฟขนสีแดง (Mastiff) บ้างก็ว่าสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องเป็นฝูงสุนัขป่า อย่างไรก็ตาม นักวิชาการสมัยใหม่ท่านหนึ่งได้เผยแพร่บทความบนเว็บไซต์ National Geographic Society ในปี 2016 ว่าเมื่อพิจารณาจากลักษณะมันน่าจะเป็นสิงโตตัวผู้ไม่มีแผงคอ (a subadult male lion) ที่หลุดออกจากที่กักขังเสียมากกว่า แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่นำมาวิเคราะห์กันในภายหลัง
“...มีคนพบเห็นเจ้าสัตว์ร้ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 1764 โดยหญิงชาวเมืองล็องฌ็อช (Langogne)
ได้เผชิญหน้ากับสัตว์กายมหึมาตัวหนึ่ง รูปร่างอย่างสุนัขป่า มันโผล่จากแมกไม้และเข้าจู่โจมเธอโดยตรง แต่เมื่อฝูงวัวในนาตรงเข้ามา
สัตว์ร้ายนั้นก็ผละหนีไป ต่อมา วันที่ 30 มิถุนายน *ฌาน บูเลต์ (Jeanne Boulet) เด็กหญิงวัยสิบสี่ปี
กลายเป็นเหยื่ออย่างเป็นทางการรายแรกของสัตว์ร้ายตัวนี้ เธอถูกฆ่าใกล้หมู่บ้านเลซูบัก (Les Hubacs) ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองล็องฌ็อช...”
ในสมัยนั้น การโจมตีของสุนัขป่าเป็นปัญหาที่รุนแรงมาก ไม่ใช่เฉพาะในฝรั่งเศสแต่เป็นทั่วยุโรป
แค่เฉพาะช่วงศตวรรษที่ 18 มีรายงานการเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวมากถึงหลายหมื่นราย
A statue created by Philippe Kaeppelin in 1995 / Photo Cr: [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.bus-chemin-compostelle.com/en/day-3-on-the-route-de-compostela-saugues-st-alban_p260
"...เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 1765, *Marie-Jeanne Valet หญิงสาวอายุยี่สิบปี กำลังข้ามแม่น้ำเพื่อเข้าไปในดงไม้ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เมื่อเธอหันกลับมาเห็นสัตว์รูปร่างคล้ายสุนัขที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติยืนอยู่ข้างหลัง มันกระโจนเข้าหาเธอ ทว่าหญิงสาวได้ใช้หอกที่นำติดตัวมาด้วยแทงสวนเข้าไปที่หน้าอกของมัน เจ้าสัตว์ร้ายยกอุ้งตีนขึ้นปัดป่ายที่แผล ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน จากนั้นร่างของมันก็กลิ้งตกลงไปในแม่น้ำแล้วจมหายไป..."
แม้สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องจะไม่สิ้นชีพเพราะบาดแผลดังกล่าว
แต่ผู้คนก็เรียกหญิงสาวว่า “Maid of Gévaudan” เพื่อยกย่องความกล้าหาญของเธอ
อ่านเพิ่มเติม:
https://en.wikipedia.org/wiki/Beast_of_G%C3%A9vaudan
https://th.wikipedia.org/wiki/สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง
https://voices.nationalgeographic.org/2016/09/27/solving-the-mystery-of-the-18th-century-killer-beast-of-gevaudan/
[Spoil] Vanitas no Carte ความทรงจำที่ 22 -Hurler- เสียงเพรียกหา
เพราะว่าตอน 20.5 ในรวมเล่มที่ 4 ถูกแก้เป็นตอนที่ 21 แล้วค่ะ
Vanitas no Carte เล่ม 4
ใหญ่โตอลังการ พร้อมภาพสีปกรองสุดงดงาม! (ft.โรลองด์)
ส่วนนิตยสาร Gangan Joker เดือนนี้ฌานกับวานิทัสได้ขึ้นปก แถมปกเวอร์ชั่นพิเศษ ‘โนเอะโดนตาลุงใจร้ายปิดปาก’
ยังไม่หมดแค่นี้ อ.จุนวาดหน้าเปิดสีคู่ให้ด้วย ถ้ายังไม่จุใจ goods ทั้งหลาย ผ้าขนหนู สแตรปยาง เข็มกลัด
ทุกอย่างวางขายที่ญี่ปุ่นแล้ววันนี้! ส่วนที่ไทยก็อยากให้ lc สักทีนะ
Note:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Yen Press
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความเดิมตอนที่แล้ว:
- เดทของวานิทัสกับฌานจบลงที่การเสียเลือดเสียเนื้อเล็กน้อย(?)
- โดมินิค เดอ ซาด? ใครเหรอ? ก็คนน่าสงสารที่เหมือนจะมีบทในตอนต่อไปแต่ปรากฏว่าไม่มียังไงล่ะ
ความทรงจำที่ 22 - Hurler - เสียงเพรียกหา
Hurler(Fr) = เห่าหอน/ กรีดร้อง
- ฌานทำหมวกกับร่มกันแดดที่โดมินิคให้มาหล่นหาย เธอเลยอยากกลับไปหา
แต่วานิทัสรีบเบรกเอาไว้เพราะคนที่อยู่ในเหตุการณ์อาจจะเรียกเชสเซอร์แล้วก็ได้ การวกกลับไปจุดเดิมจึงไม่ใช่ความคิดที่ดี
ฌานเข้าใจแต่ก็แอบงอแงนิดหน่อยเพราะเป็นของที่โดมิอุตส่าห์ให้มา วานิทัสก็แหย่เล่นตามประสา
ทำให้แวมไพร์สาวหลุดเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของวัน (ฮา)
วานิทัสยิ้มเผล่แล้วบอกกับฌานว่าวันนี้เธอสวยมากแต่ฉันชอบเธอตอนที่เป็นแบบนี้ที่สุด ฌานก็เขินไปสิ จะให้ทำยังไง
แล้ววานิทัสก็พูดต่อว่า เขายังแปลกใจอยู่ที่ลูกะยอมให้เธอมาหาเขาตามลำพัง
แต่ปรากฏว่าฌานไม่ได้บอกลูก้าว่าจะมาโลกฝั่งนี้ ฌานอธิบายว่าตอนนี้ลูก้าอยู่กับพี่ชายของเขา บีสต์เทีย “โลกิ”
ไม่มีที่ใดจะปลอดภัยยิ่งไปกว่าข้างกายของโลกิแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่เธอต้องอยู่คุ้มกันเด็กชาย
Beastia = คำนำหน้าชื่อของแวมไพร์ที่ได้รับเกียรติให้เป็น “คมเขี้ยวของราชินี”
พี่สาวของโดมินิคที่ชื่อ เวโรนิก้า ก็มีสถานะเป็นบีสต์เทียเช่นกัน
ฌานอธิบายต่อว่าถึงยังไงเธอก็ได้รับอนุญาตให้มาหาเขาที่ฝั่งนี้ ดังนั้นคงไม่เป็นไร
วานิทัสสงสัยว่าเธอต้องขออนุญาตใครด้วยเหรอ แต่แล้วคำตอบก็เด้งขึ้นมาในหัวทันที ลอร์ดรูธเวนนั่นเอง!
พอฌานรับว่าใช่ เจ้าหนุ่มที่พึ่งรู้ตัวว่าเผลอปล่อยเพื่อนเอาไว้ในสภาพที่อาจตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเมื่อ
ก็รีบวิ่งสับเท้าสุดชีวิตกลับไปที่โรงแรม ทิ้งให้แวมไพร์สาวยืนเอ๋อเดียวดายอยู่กลางถนน
- พอกลับไปถึงห้องพัก วานิทัสก็ตะโกนเรียกโนเอะ และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบี้องหน้าเขาก็คือ--
โนเอะที่นอนย้วยตกเตียงอยู่ในท่าเดิม
...
วานิทัสถึงกับอึ้งกิมกี่
แวมไพร์หนุ่มตื่นขึ้นมาทำหน้างัวเงียใส่เพื่อนมนุษย์ แล้วสะดุ้งตกใจที่ฟ้าด้านนอกมืดแล้ว
โนเอะงงเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าตัวเองกำลังนั่งกินทาร์ตแอปเปิ้ลอยู่ที่คาเฟ่จนถึงเมื่อสักครู่นี้นี่เอง..
พอเห็นหน้าเพื่อนก็ถามว่าเป็นอะไรไป วานิทัสที่เป็นห่วงเก้อก็ได้แต่เอามือกุมหัวแล้วบอกปัดไปว่า ไม่มีอะไร
---ภาพตัดกลับมาทาง ฌาน --
เธอยังยืนรอวานิทัสอยู่ที่เดิม พอรู้ว่าเขาคงจะไม่กลับมาแล้วสีหน้าของเธอก็สลดลง (โถ แม่ลูกหมาน้อย)
แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกชื่อของเธอ พอหันไปดูก็พบว่าเป็นลอร์ดรูธเวนที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกล ฌานเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปหา
เธอเรียกเขาว่า “อาจารย์รูธเวน” ฝ่ายชายผู้มีสถานะเหนือกว่าก็เหยียดยิ้มให้เล็กน้อย
- ฌานถามว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ ลอร์ดรูธเวนตอบว่าเขาได้ยินว่าเกิดเหตุวุ่นวายที่เนินเขามงมาร์ต เลยลองมาตรวจสอบดู
นั่นเป็นฝีมือของเธอใช่ไหม? ฌานถูกจับได้ก็ออกอาการลนลาน
ทว่าลอร์ดรูธเวนกลับยื่นมือมาสัมผัสแก้มเด็กสาวอย่างนุ่มนวล แล้วเอ่ยปากชมว่าชุดนี้เหมาะกับเธอดี
เขามั่นใจว่าเอริคกับลูอิส พ่อกับแม่ของฌาน จะต้องอยากเห็นตัวเธอในตอนนี้แน่ๆ
--ภาพ Flashback คล้ายควันและเปลวเพลิง ปรากฏขึ้น--
^ นึกว่าจะเป็นความสัมพันธ์เคร่งครัดแบบนาย-บ่าว แต่นี่มันอะไรกัน!
อีกด้านหนึ่ง โอลิวิเย่ร์ขอเข้าไปในห้องทำงานของหญิงสาวใส่แว่นผมกระเซิงที่ชื่อ มิร่า (Mira)
^ สาวเจ้าดันขอจูบเป็นค่าผ่านทางซะนี่ 555555
โอลิวิเย่ร์เป็นผู้ชายรักนวลสงวนตัวเลยบอกว่าไว้จะเอาเหล้ามาให้แทนก็แล้วกัน
เขาเดินไปหาโรลองด์ที่กำลังนั่งขลุกอยู่ที่ห้องสมุดด้านใน พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นว่าเพื่อนกำลังอ่านหนังสือ
ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของแวมไพร์และมนุษย์อยู่ เห็นเรื่องสุ่มเสี่ยงจะผิดศีลธรรมของนักล่าแวมไพร์อยู่ตรงหน้าเช่นนั้น
มีหรือจะยอมปล่อยผ่าน พ่อหนุ่มผมยาวสลวยแสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จนโรลองด์ต้องบอกให้ใจเย็นๆ
แล้วอธิบายให้เพื่อนฟังว่าที่เขามานั่งอ่านหนังสือพวกนี้ใหม่อีกรอบเนี่ย เป็นเพราะว่าเขาอาจจะได้เห็นอะไรบางอย่าง
จากมุมที่ไม่เคยมองมาก่อน
แต่ก่อนโรลองด์เคยคิดว่าพวกแวมไพร์นั้นชั่วบริสุทธิ์ หาดีไม่ได้สักนิดเดียว เขาไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลยจนกระทั่ง
ได้เจอกับโนเอะที่สุสานใต้ดิน ชายหนุ่มพูดต่อไปจนถึงเรื่องที่ว่าบางทีพระเจ้าเองก็อาจจะรักพวกแวมไพร์เหมือนกัน
พอหลุดประโยคที่ไม่ควรจะพูดออกมา ทีนี้โอลิวิเย่ร์ยิ่งปรี๊ดแตกหนักกว่าเดิม
โอลิวิเย่ร์เข้าไปปัดเอกสารออกจากมือของอีกฝ่าย เขาเตือนโรลองด์ว่านายเป็นเป็นเชสเซอร์นะ
หากเบื้องบนทราบเรื่องนี้เข้า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พ่อแม่กับน้องๆ ของนายก็จะพลอยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
- โรลองด์เงียบไป จากนั้นก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า นี่โอลิวิเย่ร์ นายคิดว่าลำพังตัวฉันคนเดียวจะจัดการพาลาดินได้สักกี่คน?
3 หรือ 4? ชายหนุ่มพูดต่อไปว่าตัวเลขอาจจะมากกว่านั้นสักหน่อยหากเขาพร้อมที่เอาชีวิตเข้าแลก
“แต่ว่านะ..” โรลองด์ยิ้มให้เพื่อน
- เห็นเพื่อนแยกเขี้ยวพร้อมกัดแบบนั้น โอลิวิเย่ร์ก็เลิกเถียง เขาเหลือบดูเอกสารที่โรลองด์กำลังก้มเก็บอยู่
โรลองด์ชมว่าลอร์ดรูธเวนเป็นคนที่เจ๋งมาก โอลิวิเย่ร์ที่ใจอ่อนแล้วก็ก้มลงไปช่วยเก็บเอกสารอีกแรง
แล้วเขาก็บังเอิญไปเห็นรายงานเกี่ยวกับ La Bête du Gévaudan-สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง
..มันเป็นเหตุการณ์ในอดีตสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ที่ลอร์ดรูธเวนเข้าไปมีบทบาทสำคัญ
มีคนนับร้อยถูกฆ่าตายที่มณฑลเฌโวด็อง แม้ผู้คนภายนอกจะเข้าใจว่าเป็นฝีมือของฝูงหมาป่า
แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการไล่สังหารโหดในครั้งนั้นคือแวมไพร์ตนหนึ่ง
คดีนี้มีชื่อเสียงเพราะมันเป็นคดีที่ทำให้แวมไพร์และศาสนจักรต้องจับมือสู้ด้วยกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
แต่โชคไม่ดีที่จู่ๆ วันหนึ่งฆาตกรต่อเนื่องก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้คดีต้องปิดลงทั้งๆ ที่ปริศนายังไม่กระจ่าง
The Beast of Gévaudan (French: La Bête du Gévaudan) คืออะไร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้