- ดูจบ ชอบ เป็นหนังแวมไพร์รสชาติแปลกที่นำเสนอมุมมองของวัยรุ่นยุคปัจจุบันได้น่ารักและจริงจังกำลังดี แม้การเล่าไม่ตามใจทุกคนตามสไตล์หนังยุโรปที่คุ้นเคยจนทราบแก่ใจว่าส่วนใหญ่ถ้ามา way นี้จะไม่ได้ดูความน่ากลัวของบรรยากาศหรือความรุนแรงจากคำพูดหรือการไฝว้กับเพื่อนเพื่อตอบสนองทางอารมณ์ 100% แต่ยังคง Concept ความเป็นแวมไพร์ในแง่ของบรรยากาศหรือความเชื่อที่สืบทอดส่งต่อกันมาโดยใช้ดนตรีแนวโกธิคประยุกต์กับเพลงสมัยใหม่เป็นตัวกระตุ้นและดำเนินขับเคลื่อนร่วมกับ Story ที่กำลัง Run ไปข้างหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่มีชีวิตชีวาในส่วนของ Details ที่มีความขลังและร่วมสมัยในทีได้ละมุนไปอีกแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นของต้องมีและควบคู่กันถึงจะทำให้หนังประเภทนี้มีรสชาติต่อให้จะดูไม่รู้เรื่องก็ตาม
- หนังเปิดตัวที่นางเอกเป็นสาวแวมไพร์ตั้งแต่กำเนิดโดยย้อนความตอนเด็กเพื่อปูปมพอสังเขปว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะไม่กัดคอเหยื่อเพื่อดูดเลือดเหมือนคนในบ้านซึ่งเป็นแวมไพร์ทั้งหมดกำลังรุมทึ้งชายคนนึงที่แต่งมาสคอตเป็นตัวตลกสด ๆ ต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีภาพประกอบให้เห็นแต่กลับดูดจากถุงที่ได้จากโรงพยาบาล ก่อนจะวกกลับมาปัจจุบันในขณะที่เธอยืนดีดเปียโนไฟฟ้าอยู่คนเดียวตรงหน้าร้านอะไรจำไม่ได้ตั้งตรงทาง 3 แพร่งในคืนเดือนมืด จากนั้นหนังก็พาสำรวจ Live ส่วนตัวของเธอไปท้องนา ซึ่งใช้เวลาไม่นานจนกระทั่งได้เจอกับพระเอกที่ยืนบนหลังคาอาคารลานสเก็ตฝั่งตรงข้ามคนเดียวที่เดาไม่ยากว่าจะทำอะไร ?
- จากนั้นตัวหนังก็เริ่มมุ่งไปที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในฐานะที่ต่างคนต่างเป็นคนแปลกแยกจากสังคม ร่วมกันทำภารกิจเคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจพระเอกที่จะวนเวียนอยู่ไม่กี่ที่ ไม่ว่าจะเป็นการเอาคืนบรรดาเพื่อนและอาจารย์ใน High School ที่ชอบคอยบูลลี่กลั่นแกล้งสารสิ่ง หรือ การเคลียร์ใจกับแม่ที่ทำแต่งานมากกว่าจะอยู่บ้าน เพื่อเป็นการสั่งเสียก่อนจะเข้าสู่พิธีการุณยฆาตตามเจตนารมย์ของพระเอก ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ก็ค่อย ๆ เติบโตไปด้วย ถึงไม่หวือหวาแต่มีช่วงเสียว ๆ อย่างเช่น ฉากกัดคอ หรือ ตอนเลือดตกยางออกให้ตื่นเต้นเล่น ๆ เหมือนกัน อีกทั้งชูความเป็น Coming Of Age ผ่านสัญญะที่มาในรูปการสอนของผู้ใหญ่ในครอบครัวนางเอกให้รู้จักการล่า เอาตัวรอด การใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปในอารมณ์ขันแบบผู้ดีไปกับวีรกรรมเพี้ยน ๆ ของคนในบ้านนางเอกที่คอยโผล่ศีรษะเป็นระยะว่าลูกหลานกูทำสำเร็จหรือยัง ? ได้ค่อนข้างลึกซึ้งพอสมควร โดยที่เราเองก็ลุ้นไปว่านางเอกจะกัดคอพระเอกกี่โมง ? ใจนึงก็คิดตามสิ่งที่นางเอกสงสัยว่า ทำไมแวมไพร์ต้องกินแต่เลือด กัดคอเพื่อนแล้วจะตุยมั้ย ? ถ้าไม่กินแล้วกินอาหารแบบคนปกติจะเป็นอะไรมั้ย ? อะไรอย่างนี้
- ถึงช่วงท้ายจะเลือกกลับเข้าสู่สภาวะ Save Zone ตาม way ที่ได้อ่านเรื่องย่อที่เราเห็นว่าจบแบบนี้ก็โอเคดี แม้ในใจแอบหวังว่า อยากให้มันฉีก way ไปทางอื่นไปเลย ไม่ต้องสาละวนอยู่แต่กับเรื่องรักใคร่เธอกับฉันที่เห็นมานักต่อหลายเรื่องในแนวนี้จนจำเจ แต่โดยรวมตลอด 1 ชั่วโมง 30 นาที ดูไม่ยาก เป็นหนังสยองปนตลกร้ายที่ไม่หน๋อมแหน๋มแต่ชวนค้นหาโลกอีกมุมที่ชื่อว่าวัย ไม่มีช่วงไหนรู้สึกเบื่อถึงกับวูบหลับไปกลางทาง ด้วยเพราะความที่หนัง Focus ตัวนาง-พระเป็นหลักบวกกับอยากดูมันทำให้เราอยากรู้ปมของตัวละครได้เต็มที่แม้บางช่วงจะรำคาญพวกญาติ ๆ นางเอกที่ชอบมาจุ้นจ้านเรื่องเพื่อนหน่อย ๆ แต่อีกมุมนึงก็ทราบแก่ใจว่านอกจากความเป็นห่วงแล้วเด็กวัยนี้ยังต้องได้รับการดูแลอาศัยจากครอบครัวเป็นหลักอยู่
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.135 Humanist Vampire Seeking Consenting Suicidal Person (2023) : ขอกัดคอนั้น ไว้แลกใจเธอ
- ดูจบ ชอบ เป็นหนังแวมไพร์รสชาติแปลกที่นำเสนอมุมมองของวัยรุ่นยุคปัจจุบันได้น่ารักและจริงจังกำลังดี แม้การเล่าไม่ตามใจทุกคนตามสไตล์หนังยุโรปที่คุ้นเคยจนทราบแก่ใจว่าส่วนใหญ่ถ้ามา way นี้จะไม่ได้ดูความน่ากลัวของบรรยากาศหรือความรุนแรงจากคำพูดหรือการไฝว้กับเพื่อนเพื่อตอบสนองทางอารมณ์ 100% แต่ยังคง Concept ความเป็นแวมไพร์ในแง่ของบรรยากาศหรือความเชื่อที่สืบทอดส่งต่อกันมาโดยใช้ดนตรีแนวโกธิคประยุกต์กับเพลงสมัยใหม่เป็นตัวกระตุ้นและดำเนินขับเคลื่อนร่วมกับ Story ที่กำลัง Run ไปข้างหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่มีชีวิตชีวาในส่วนของ Details ที่มีความขลังและร่วมสมัยในทีได้ละมุนไปอีกแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นของต้องมีและควบคู่กันถึงจะทำให้หนังประเภทนี้มีรสชาติต่อให้จะดูไม่รู้เรื่องก็ตาม
- หนังเปิดตัวที่นางเอกเป็นสาวแวมไพร์ตั้งแต่กำเนิดโดยย้อนความตอนเด็กเพื่อปูปมพอสังเขปว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะไม่กัดคอเหยื่อเพื่อดูดเลือดเหมือนคนในบ้านซึ่งเป็นแวมไพร์ทั้งหมดกำลังรุมทึ้งชายคนนึงที่แต่งมาสคอตเป็นตัวตลกสด ๆ ต่อหน้าต่อตาโดยไม่มีภาพประกอบให้เห็นแต่กลับดูดจากถุงที่ได้จากโรงพยาบาล ก่อนจะวกกลับมาปัจจุบันในขณะที่เธอยืนดีดเปียโนไฟฟ้าอยู่คนเดียวตรงหน้าร้านอะไรจำไม่ได้ตั้งตรงทาง 3 แพร่งในคืนเดือนมืด จากนั้นหนังก็พาสำรวจ Live ส่วนตัวของเธอไปท้องนา ซึ่งใช้เวลาไม่นานจนกระทั่งได้เจอกับพระเอกที่ยืนบนหลังคาอาคารลานสเก็ตฝั่งตรงข้ามคนเดียวที่เดาไม่ยากว่าจะทำอะไร ?
- จากนั้นตัวหนังก็เริ่มมุ่งไปที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในฐานะที่ต่างคนต่างเป็นคนแปลกแยกจากสังคม ร่วมกันทำภารกิจเคลียร์เรื่องที่ค้างคาใจพระเอกที่จะวนเวียนอยู่ไม่กี่ที่ ไม่ว่าจะเป็นการเอาคืนบรรดาเพื่อนและอาจารย์ใน High School ที่ชอบคอยบูลลี่กลั่นแกล้งสารสิ่ง หรือ การเคลียร์ใจกับแม่ที่ทำแต่งานมากกว่าจะอยู่บ้าน เพื่อเป็นการสั่งเสียก่อนจะเข้าสู่พิธีการุณยฆาตตามเจตนารมย์ของพระเอก ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ก็ค่อย ๆ เติบโตไปด้วย ถึงไม่หวือหวาแต่มีช่วงเสียว ๆ อย่างเช่น ฉากกัดคอ หรือ ตอนเลือดตกยางออกให้ตื่นเต้นเล่น ๆ เหมือนกัน อีกทั้งชูความเป็น Coming Of Age ผ่านสัญญะที่มาในรูปการสอนของผู้ใหญ่ในครอบครัวนางเอกให้รู้จักการล่า เอาตัวรอด การใช้ชีวิตร่วมกับคนทั่วไปในอารมณ์ขันแบบผู้ดีไปกับวีรกรรมเพี้ยน ๆ ของคนในบ้านนางเอกที่คอยโผล่ศีรษะเป็นระยะว่าลูกหลานกูทำสำเร็จหรือยัง ? ได้ค่อนข้างลึกซึ้งพอสมควร โดยที่เราเองก็ลุ้นไปว่านางเอกจะกัดคอพระเอกกี่โมง ? ใจนึงก็คิดตามสิ่งที่นางเอกสงสัยว่า ทำไมแวมไพร์ต้องกินแต่เลือด กัดคอเพื่อนแล้วจะตุยมั้ย ? ถ้าไม่กินแล้วกินอาหารแบบคนปกติจะเป็นอะไรมั้ย ? อะไรอย่างนี้
- ถึงช่วงท้ายจะเลือกกลับเข้าสู่สภาวะ Save Zone ตาม way ที่ได้อ่านเรื่องย่อที่เราเห็นว่าจบแบบนี้ก็โอเคดี แม้ในใจแอบหวังว่า อยากให้มันฉีก way ไปทางอื่นไปเลย ไม่ต้องสาละวนอยู่แต่กับเรื่องรักใคร่เธอกับฉันที่เห็นมานักต่อหลายเรื่องในแนวนี้จนจำเจ แต่โดยรวมตลอด 1 ชั่วโมง 30 นาที ดูไม่ยาก เป็นหนังสยองปนตลกร้ายที่ไม่หน๋อมแหน๋มแต่ชวนค้นหาโลกอีกมุมที่ชื่อว่าวัย ไม่มีช่วงไหนรู้สึกเบื่อถึงกับวูบหลับไปกลางทาง ด้วยเพราะความที่หนัง Focus ตัวนาง-พระเป็นหลักบวกกับอยากดูมันทำให้เราอยากรู้ปมของตัวละครได้เต็มที่แม้บางช่วงจะรำคาญพวกญาติ ๆ นางเอกที่ชอบมาจุ้นจ้านเรื่องเพื่อนหน่อย ๆ แต่อีกมุมนึงก็ทราบแก่ใจว่านอกจากความเป็นห่วงแล้วเด็กวัยนี้ยังต้องได้รับการดูแลอาศัยจากครอบครัวเป็นหลักอยู่
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้