สวัสดีรายเดือน แบบลุ่มๆ ดอนๆ
Yen Press
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
http://www.b2c.hachettebookgroup.com/titles/none/The-Case-Study-of-Vanitas-Chapter-26/9781975381820/?yen
ความเดิมตอนที่แล้ว:
- แอสโทลโฟกำลังจะเอาหอกแทงโนเอะ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยฌานกับน้องหมา
((ตกใจ))
- ณานเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองที่ฆ่าสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องไม่ได้ เพราะสมัยก่อนทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้ว
คราวนี้เลยจัดหนัก /ฌานคิดว่าตัวจริงของของสัตว์ร้าย คือ "โคลเอ้" ซึ่งเป็นคนรู้จักของตน
- วานิทัสพยายามห้ามณาน แต่ไม่เป็นผล (วิ่งตามไม่ทัน ฮ่าฮ่า)
ส่วนทางโนเอะก็สู้กับแอสโทลโฟได้ไม่เต็มที่เพราะใจดีเกิน เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กอายุ 15 เลยไม่กล้าลงมือหนัก
- เห็นท่าจะไม่ได้เรื่อง วานิทัสเลยขอสลับกัน โดยให้โนเอะไปห้ามฌาน ส่วนตัวเองจะรับมือกับแอสโทลโฟเอง
ความทรงจำที่ 26 - Dissonance - Creaking Laughter
Dissonance = ความไม่สอดประสานกันของเสียง ,ความไม่ลงรอยกัน
ฌานโจมตีใส่สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องจนมันทรุดกองลงกับพื้น เธอตั้งใจจะปิดบัญชีเดี๋ยวนั้น
แต่โนเอะเข้ามาขวางไว้ทันพอดี แวมไพร์หนุ่มกระโดดตัวลอยแล้วซัดลูกเตะใส่ถุงมือเกราะ Carpe diem
เมื่อถูกผลักไปอีกทาง เพลิงจาก Carpe diem จึงผลาญใส่ป่าจนราบแทน
โนเอะขัดขวางสำเร็จก็แลนดิ้งลงพื้น พร้อมกับอุ้มฌานเอาไว้
โนเอะอธิบายว่า ไม่อยากให้ฌานฆ่าเจ้าสัตว์ร้าย
เพราะวานิทัสอาจอาจใช้พลังจากบันทึกของวานิทัสช่วยผู้ต้องสาปได้โดยที่ไม่ต้องฆ่า
พูดไปแบบไม่คิดอะไร แต่ปรากฎว่าสาวเจ้าโกรธจัด แถมโกรธมากเสียด้วย
แวมไพร์สาวตวัดขาเข้าล็อกคออีกฝ่าย แล้วพลิกตัวขึ้นกดหัวโนเอะ
ช่วยเหรอ?
เรื่องนั้นยอมไม่ได้
ฌานมาที่นี่เพื่อประหารผู้ต้องสาปในฐานะบูโร ถ้าโนเอะมาขวางเธอก็จะฆ่าเขาทิ้งซะ
โดนความน่ารักช่วงออกเดทบดบังไปหลายตอน ทว่าฌานยังไม่ทิ้งตัวตนบูโรแสนดุร้ายของลอร์ดรูธเวน
นอกจากจะโดนรัดคอแล้วยังโดนขี่หลังอีก 😂 โถ่ ไม่มีความเป็นพระ/นาง ที่ถาวรในเรื่องนี้
- ภาพตัดมาทางวานิทัส -
วานิทัสสู้ไปก็พูดจายั่วโทสะแอสโทลโฟไปด้วย
ทั้งสองคนสู้กัน ขณะที่ดันเต้กับโยฮันช่วยกันจัดการพวกลูกน้องเชสเซอร์ด้วยวิธีแบบบ้านๆ ยิงปืนตาข่ายใส่ ใช้ท่อนไม้ฟาด
พอแอสโทลโฟเผลอ วานิทัสก็ส่งลูกเตะอัดเข้าที่หน้าแบบเต็มรัก ทำให้แอสโทลโฟยิ่งทวีความโกรธเข้าไปอีก
วานิทัสทำการบ้านมา เลยจี้ว่าแอสโทลโฟเป็นเด็กเส้นมาจากตระกูล Garnatum
ที่เคยเข้าร่วมในสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ใช่ไหม
ที่ได้เป็นพาลาดินตั้งแต่อายุเท่านี้ คงเพราะไปอ้อนขอพ่อให้ได้เป็นล่ะสิ พ่อนายจ่ายให้ศาสนจักรไปเท่าไหร่ล่ะ ฯลฯ
พอแอสโทลโฟหลงกลแล้วพุ่งเข้าใส่แบบน็อตหลุด
วานิทัสก็ค่อนแคะว่านายนี่มันถูกปั่นหัวง่ายจริงๆ น่าแปลกที่ยังอุตส่าห์มีชีวิตรอดมาได้นานขนาดนี้
เข้ามาเลย เดี๋ยวเชสเซอร์รุ่นพี่จะช่วยสั่งสอนให้เอง!
- ภาพตัดมาทางโนเอะ -
นับยังไม่ถึง 3 เลย โนเอะโดนฌานตบปลิว!
จะดับเพราะใจอ่อนเป็นพิเศษกับเด็กและผู้หญิงเนี่ยแหล่ะ เงอะงะขึ้นมาทันที
ทางน้องหมาก็ลุกขึ้นมาได้แล้ว แถมจ้องมาทางนี้ด้วย!?
แต่ปรากฏว่ามีมือที่สามเข้ามาแทรก
และมือนั้นก็ไม่ใช่ของคน
โบกี้รถไฟผุดขึ้นจากใต้หิมะ ตรงจุดที่ฌานยืนอยู่พอดีทำให้เธอเซตกลงไปอีกทาง
สูงขึ้นไป โครงกระดูกวาฬโปร่งแสง แหวกว่ายล่องลอยเหนือหัวของพวกวานิทัสกับแอสโทลโฟ
พวกเขาเหลียวซ้ายแลขวาและพบว่าพวกตนตกอยู่ในวงล้อมของพาเหรดชาลาตัน
จังหวะนั้นเองที่เนเนียโผล่เข้ามารัดตัวโนเอะ
- ภาพตัด -
มือของเด็กน้อยในหลอดทดลองกระตุก ลอร์ดรูธเวนจึงหันไปมองร่างนั้น
- ภาพตัด -
กลางขบวนพาเหรด พวกตุ๊กตากลตีวงล้อมแอสโทลโฟเอาไว้
พวกมันหัวเราะคิกคัก แล้วถามว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงมี 'ดวงตราแห่งการครอบครองของแวมไพร์' อยู่ทั่วทั้งตัวเลย
เลือดของเขาต้องถูกปากพวกแวมไพร์มากแน่ๆ ก็นับแล้วได้ตั้ง 13 รอย ..ไม่สิเคยมีต่างหาก ตอนนี้เหลือแค่ 5 แล้ว น่าเสียดายจัง
(เดาว่า แวมไพร์ 8 ตนที่ทิ้งรอยเอาไว้ถูกฆ่าตายไปแล้ว รอยเลยหายไปด้วย)
แอสโทลโฟถึงจะวางท่าอวดดีแค่ไหนก็ยังเป็นแค่เด็ก ในที่สุดแรงกดดันก็ทำให้เขาสติหลุด
เขาร้องลั่นแล้วเอาหอกในมือทั้งฟาดทั้งแทงพวกมันอย่างบ้าคลั่ง
อีกด้านฌานเผชิญหน้ากับตุ๊กตากลสองหัว
"ฌาน.." "ฌาน.."
"ลูกสาวที่น่ารัก...ของพวกเรา.."
ทั้งสองหัวส่งเสียงร้องเรียก ขณะที่คืบคลานเข้ามาใกล้
ฌานก้มหน้าเอามือปิดปาก สีหน้าหวาดกลัว
ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นของพ่อและแม่ของเธอไม่มีผิดแน่
แต่ทำไม..?
ทว่าก่อนที่ตุ๊กตากลสองหัวจะมาถึงตัว แอสโทลโฟก็โผล่เข้ามาจัดการมันแล้วซัดหอกใส่ฌานต่อทันที
ฌานปัดหอกทิ้งได้ แต่แอสโทลโฟไม่ยอมเลิก เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปชักมีดสั้นออกมาแล้วตะโกนว่า เขาจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกแวมไพร์ให้หมด
ฌานยังไม่ทันหายตกใจเลยยืนทื่อ แต่โชคดีที่วานิทัสรีบถลาเข้ามากันไว้ แล้วเตะแอสโทลโฟให้ถอยห่างออกไป (หล่อมาก)
มาร์โก้ (เชสเชอร์ผู้ติดตามของแอสโทลโฟ) ที่สบจังหวะพอดี ก็เข้ามาดึงตัวเด็กหนุ่มไว้
ท่ามกลางความชุลมุน
วานิทัสที่สุดจะทนแล้วก็ควักบันทึกออกมา ตั้งท่าจะช่วยโนเอะที่โดนเนเนียรัดอยู่
แต่มีดาบเล่มหนึ่งพุ่งฝ่าเข้ามาตัดโซ่ที่ร้อยบันทึกเอาไว้กับเข็มขัดของวานิทัส
.
.
.
บันทึกของวานิทัสหลุดกระเด็นออกจากมือของเจ้าของ
บันทึกสีน้ำเงินลอยคว้างกลางอากาศ
สาดประกายแสงสว่างเจิดจ้า
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่ทันได้ปัดป้อง
ในชั่วพริบตานั้นเอง พลังมหาศาลจากบันทึกของวานิทัสก็เข้ากระแทกกับทุกฝ่าย
- ภาพตัด -
หิมะร่วงโปรยปราย
ในความเยือกเย็นสีเงิน
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้มลงเก็บบันทึกของวานิทัสขึ้นมาจากกองหิมะ
ใกล้ๆ กันนั้น พระเอกของเรานอนสิ้นสติ โดยมีสาวน้อยนางหนึ่งนั่งดูอยู่ข้างๆ
เธอคือ โคลเอ้ (Chloé) ที่ฌานกำลังตามหาอยู่นั่นเอง
เด็กสาวบอกว่าเธอเจ็บขา และขอให้ชายหนุ่มผมดำช่วยอุ้มเธอไปที
----จบตอน---
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หนุ่มผมดำ!
สาวน้อยผู้งดงาม โคลเอ้!
และโนเอ้ที่นอนกลิ้งสลบเหมือด!!
เที่ยวชนบทไม่สนุกแล้วสิ สู้แพ้เด็ก โดนสาวทำร้าย โดนปีศาจรัด
โดนเพื่อนมือลั่นใส่แบบไม่ได้ตั้งใจ แถมโดนแมวทิ้งอีก--มูร์ผู้หายตัวไปตั้งแต่ตอนที่เจอแอสโทลโฟ
- ฌานทำไมเกรี้ยวกราด เจอกันครั้งแรกก็ฟัดโนเอะเลือดออก จับเหวี่ยงกระแทกกำแพง
เจอกันครั้งสองท่าทางเป็นมิตรขึ้น แต่เจอกันครั้งสามจับล็อกคอไปอีก 😂 😂 นี่แวมไพร์หรือสิงโตตัวเมีย 55555
ปกติแล้วไม่น่าจะโมโหเพราะเรื่องนี้เลยนะ ถ้าวานิทัสช่วยผู้ต้องสาปได้ก็น่าจะดีกว่าการฆ่าทิ้งไม่ใช่หรือ
หรือว่ามีสาเหตุเกี่ยวกับอดีตของตัวเธอเอง? โคลเอ้? คุณพ่อเอริค คุณแม่ลูอิส? น่าสนใจ..น่าสนใจ..
- วานิทัสยังคงความปากปีจอกับท่าทางกวนส้นเอาไว้เสมอต้นเสมอปลาย นี่ก็ชินกับนิสัยมันแล้วล่ะ (...)
มีตัวเอกแบบนี้ดำเนินเรื่องก็ให้ความรู้สึกสดใหม่ดี
- เด็กหลอดแก้วปริศนาของท่านลอร์ดจะเกี่ยวอะไรกับเนเนียไหม?
- ส่วนแอสโทลโฟทำตัวกร่างได้แค่ 2-3 ตอน ก็มาร้องไห้สะอื้นเป็นเด็กแล้ว อดสงสารไม่ได้ น้องเอ๊ยยย
- แล้วโคลเอ้คือสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องหรือไม่ หรือเธอคือแม่มดแห่งผืนป่าสีเงิน หรือทั้งสองอย่าง? ปริศนามีเยอะแล้วก็เยอะอีกได้
สุดท้ายนี้ หน้าปิดท้ายสวยมากค่ะ ปราสาทดำทะมึนกลางพายุหิมะ ตอนหน้าเราคงได้เข้าไปดูด้านในกัน?
ว่าแต่พ่อหนุ่มผมดำนั่นจะแบกโคลเอ้กับโนเอะไปยังไงน่ะ
ขอเชิญติดตามวิบากกรรมของ โนเอะผู้อาภัพโชค ได้ในตอนถัดไป (หรือถัดๆไป)
Notes:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- Roland of Jasper
แจสเปอร์ เป็นอัญมณีในตระกูลควอตซ์ Old French jaspre and Latin iaspidem
ซึ่งเป็นที่เป็นที่นิยมกันในอารยธรรมโบราณ ชื่อของแจสเปอร์สามารถสืบย้อนขึ้นไปได้จากภาษาอาราบิก อาเซอร์ไบจาน
เปอร์เซียน ฮิบรู อัสซีเรียน กรีก และละติน มีความเชื่อว่าหินแจสเปอร์สีเขียว คือหินแห่งการปกปักรักษา
การต่อสู้และความกล้าหาญ ช่วยไล่ผีและวิญญาณร้าย สัตว์มีพิษ ไสยศาสตร์มนต์ดำต่างๆ ความนึกคิดที่อันตราย
ช่วยชะล้างความเศร้าโศก และทำให้ผู้ที่มีหินติดตัวสามารถควบคุมสติของตัวเองได้ เป็นการเสริมความแข็งแกร่งทั้งทางกายและจิต
ในอดีตแจสเปอร์สีเขียวถูกเรียกว่า “rain bringers” หรือ ผู้นำพาสายฝน เพราะเป็นหินที่ใช้ประกอบพิธีกรรมขอฝน
- Astolfo of Garnet
Garnet (โกเมน) เป็นแร่ซิลิกาที่พบได้หลายสี แต่ที่นิยมคือสีแดง สีส้มอมแดง
มาจากภาษาละตินว่า granatus หรือ granatum แปลว่า เหมือนเมล็ดพืช
เพราะมักจะพบโกเมนสีสวยฝังอยู่ในหิน ดูโดดเด่นเหมือนเมล็ดกลางเนื้อผลไม้
พาลาดินตามตำนานจะมีกัน 12 คน (The Twelve Peers)
Jasper และ Garnet เป็น 2 ในอัญมณี 12 ชนิด ที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิล
ทั้งนี้ในส่วนของ Garnet ในพระคัมภีร์จะใช้ชื่อว่า Carnelian ระบุว่าเป็นพลอยที่มีสีแดงดั่งเลือด
แต่ความจริง คาร์เนเลียน มีช่วงสีที่หลากหลาย ตั้งแต่ส้มอ่อนจนถึงแดงเข้มจนเกือบเป็นสีดำ
โดยมักพบในประเทศบราซิล อินเดีย ไซบีเรีย และเยอรมนี
Carnelian, Also found in Noah story is the unproven that the dove Noah sent down
to the ground was actually a garnet used to light the ground.
ชื่อ โนเอ้/โนเอะ (Noé) ก็คือ โนอาห์ ในภาษาฝรั่งเศส
L’arche de Noé = Noah's Ark
เรื่องของเรือโนอาห์กับน้ำท่วมโลกน่าจะเคยผ่านตาหลายๆ คนมาแล้ว
และเรื่องลูกหลานของโนอาห์ก็จะไปโยงกับหอคอยบาเบลอีกที
แต่ก็ไม่รู้ว่าอ.จุนแค่ยืมชื่อมาใช้เฉยๆ หรือเปล่า ดังนั้นเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้(ฮา)
อ่านเพิ่มเติม:
https://en.wikipedia.org/wiki/Carnelian
https://en.wikipedia.org/wiki/Jasper
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_gemstones_in_the_Bible
- Naenia
เนเนีย ภาษาละติน แปลว่า โคลงกำศรวญ หรือ บทเพลงไว้อาลัยแด่ผู้วายชนม์
มักเป็นที่รู้จักจาก Nenia Dea - Goddess of the Roman funerary lament
เทพธิดาแห่งการคร่ำครวญในพิธีศพของชาวโรมัน
- ถุงมือเกราะของฌาน Carpe diem คา-เป-เดี้ยม
เป็นภาษาละติน แปลว่า Seize the day หรือ "จงคว้าวันนี้ไว้"
จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้
ใช้วันนี้ให้เต็มที่ อย่าปล่อยให้เวลาสูญไป
จงอยู่กับปัจจุบันกาล
ฮอเรซ (Horace) กวีโรมัน เป็นผู้ใช้วลีนี้ มีความหมายว่า “จงคว้าวันนี้ไว้ เชื่ออนาคตให้น้อยเท่าที่จะน้อยได้”
(“seize today; trust as little as possible to the future”) สำหรับผู้ที่คาดหวังว่าจะมีชีวิตใหม่หลังจากตายไปแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังเป็นประโยคที่โด่งดังจากหนังรางวัลออสการ์เรื่อง Dead Poets Society
ที่มา: ราชบัณฑิตยสภา
[Spoil] Vanitas no Carte ความทรงจำที่ 26 ทัวร์ชนบทชักจะไม่สนุกแล้ว
สวัสดีรายเดือน แบบลุ่มๆ ดอนๆ
Yen Press
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความเดิมตอนที่แล้ว:
- แอสโทลโฟกำลังจะเอาหอกแทงโนเอะ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยฌานกับน้องหมา
((ตกใจ))
- ณานเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของตัวเองที่ฆ่าสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องไม่ได้ เพราะสมัยก่อนทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้ว
คราวนี้เลยจัดหนัก /ฌานคิดว่าตัวจริงของของสัตว์ร้าย คือ "โคลเอ้" ซึ่งเป็นคนรู้จักของตน
- วานิทัสพยายามห้ามณาน แต่ไม่เป็นผล (วิ่งตามไม่ทัน ฮ่าฮ่า)
ส่วนทางโนเอะก็สู้กับแอสโทลโฟได้ไม่เต็มที่เพราะใจดีเกิน เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กอายุ 15 เลยไม่กล้าลงมือหนัก
- เห็นท่าจะไม่ได้เรื่อง วานิทัสเลยขอสลับกัน โดยให้โนเอะไปห้ามฌาน ส่วนตัวเองจะรับมือกับแอสโทลโฟเอง
ความทรงจำที่ 26 - Dissonance - Creaking Laughter
Dissonance = ความไม่สอดประสานกันของเสียง ,ความไม่ลงรอยกัน
ฌานโจมตีใส่สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องจนมันทรุดกองลงกับพื้น เธอตั้งใจจะปิดบัญชีเดี๋ยวนั้น
แต่โนเอะเข้ามาขวางไว้ทันพอดี แวมไพร์หนุ่มกระโดดตัวลอยแล้วซัดลูกเตะใส่ถุงมือเกราะ Carpe diem
เมื่อถูกผลักไปอีกทาง เพลิงจาก Carpe diem จึงผลาญใส่ป่าจนราบแทน
โนเอะขัดขวางสำเร็จก็แลนดิ้งลงพื้น พร้อมกับอุ้มฌานเอาไว้
โนเอะอธิบายว่า ไม่อยากให้ฌานฆ่าเจ้าสัตว์ร้าย
เพราะวานิทัสอาจอาจใช้พลังจากบันทึกของวานิทัสช่วยผู้ต้องสาปได้โดยที่ไม่ต้องฆ่า
พูดไปแบบไม่คิดอะไร แต่ปรากฎว่าสาวเจ้าโกรธจัด แถมโกรธมากเสียด้วย
แวมไพร์สาวตวัดขาเข้าล็อกคออีกฝ่าย แล้วพลิกตัวขึ้นกดหัวโนเอะ
ช่วยเหรอ? เรื่องนั้นยอมไม่ได้
ฌานมาที่นี่เพื่อประหารผู้ต้องสาปในฐานะบูโร ถ้าโนเอะมาขวางเธอก็จะฆ่าเขาทิ้งซะ
โดนความน่ารักช่วงออกเดทบดบังไปหลายตอน ทว่าฌานยังไม่ทิ้งตัวตนบูโรแสนดุร้ายของลอร์ดรูธเวน
นอกจากจะโดนรัดคอแล้วยังโดนขี่หลังอีก 😂 โถ่ ไม่มีความเป็นพระ/นาง ที่ถาวรในเรื่องนี้
- ภาพตัดมาทางวานิทัส -
วานิทัสสู้ไปก็พูดจายั่วโทสะแอสโทลโฟไปด้วย
ทั้งสองคนสู้กัน ขณะที่ดันเต้กับโยฮันช่วยกันจัดการพวกลูกน้องเชสเซอร์ด้วยวิธีแบบบ้านๆ ยิงปืนตาข่ายใส่ ใช้ท่อนไม้ฟาด
พอแอสโทลโฟเผลอ วานิทัสก็ส่งลูกเตะอัดเข้าที่หน้าแบบเต็มรัก ทำให้แอสโทลโฟยิ่งทวีความโกรธเข้าไปอีก
วานิทัสทำการบ้านมา เลยจี้ว่าแอสโทลโฟเป็นเด็กเส้นมาจากตระกูล Garnatum
ที่เคยเข้าร่วมในสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ใช่ไหม
ที่ได้เป็นพาลาดินตั้งแต่อายุเท่านี้ คงเพราะไปอ้อนขอพ่อให้ได้เป็นล่ะสิ พ่อนายจ่ายให้ศาสนจักรไปเท่าไหร่ล่ะ ฯลฯ
พอแอสโทลโฟหลงกลแล้วพุ่งเข้าใส่แบบน็อตหลุด
วานิทัสก็ค่อนแคะว่านายนี่มันถูกปั่นหัวง่ายจริงๆ น่าแปลกที่ยังอุตส่าห์มีชีวิตรอดมาได้นานขนาดนี้
เข้ามาเลย เดี๋ยวเชสเซอร์รุ่นพี่จะช่วยสั่งสอนให้เอง!
- ภาพตัดมาทางโนเอะ -
นับยังไม่ถึง 3 เลย โนเอะโดนฌานตบปลิว!
จะดับเพราะใจอ่อนเป็นพิเศษกับเด็กและผู้หญิงเนี่ยแหล่ะ เงอะงะขึ้นมาทันที
ทางน้องหมาก็ลุกขึ้นมาได้แล้ว แถมจ้องมาทางนี้ด้วย!?
แต่ปรากฏว่ามีมือที่สามเข้ามาแทรก
และมือนั้นก็ไม่ใช่ของคน
โบกี้รถไฟผุดขึ้นจากใต้หิมะ ตรงจุดที่ฌานยืนอยู่พอดีทำให้เธอเซตกลงไปอีกทาง
สูงขึ้นไป โครงกระดูกวาฬโปร่งแสง แหวกว่ายล่องลอยเหนือหัวของพวกวานิทัสกับแอสโทลโฟ
พวกเขาเหลียวซ้ายแลขวาและพบว่าพวกตนตกอยู่ในวงล้อมของพาเหรดชาลาตัน
จังหวะนั้นเองที่เนเนียโผล่เข้ามารัดตัวโนเอะ
- ภาพตัด -
มือของเด็กน้อยในหลอดทดลองกระตุก ลอร์ดรูธเวนจึงหันไปมองร่างนั้น
- ภาพตัด -
กลางขบวนพาเหรด พวกตุ๊กตากลตีวงล้อมแอสโทลโฟเอาไว้
พวกมันหัวเราะคิกคัก แล้วถามว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงมี 'ดวงตราแห่งการครอบครองของแวมไพร์' อยู่ทั่วทั้งตัวเลย
เลือดของเขาต้องถูกปากพวกแวมไพร์มากแน่ๆ ก็นับแล้วได้ตั้ง 13 รอย ..ไม่สิเคยมีต่างหาก ตอนนี้เหลือแค่ 5 แล้ว น่าเสียดายจัง
(เดาว่า แวมไพร์ 8 ตนที่ทิ้งรอยเอาไว้ถูกฆ่าตายไปแล้ว รอยเลยหายไปด้วย)
แอสโทลโฟถึงจะวางท่าอวดดีแค่ไหนก็ยังเป็นแค่เด็ก ในที่สุดแรงกดดันก็ทำให้เขาสติหลุด
เขาร้องลั่นแล้วเอาหอกในมือทั้งฟาดทั้งแทงพวกมันอย่างบ้าคลั่ง
อีกด้านฌานเผชิญหน้ากับตุ๊กตากลสองหัว
"ฌาน.." "ฌาน.."
"ลูกสาวที่น่ารัก...ของพวกเรา.."
ทั้งสองหัวส่งเสียงร้องเรียก ขณะที่คืบคลานเข้ามาใกล้
ฌานก้มหน้าเอามือปิดปาก สีหน้าหวาดกลัว
ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นของพ่อและแม่ของเธอไม่มีผิดแน่
แต่ทำไม..?
ทว่าก่อนที่ตุ๊กตากลสองหัวจะมาถึงตัว แอสโทลโฟก็โผล่เข้ามาจัดการมันแล้วซัดหอกใส่ฌานต่อทันที
ฌานปัดหอกทิ้งได้ แต่แอสโทลโฟไม่ยอมเลิก เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปชักมีดสั้นออกมาแล้วตะโกนว่า เขาจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกแวมไพร์ให้หมด
ฌานยังไม่ทันหายตกใจเลยยืนทื่อ แต่โชคดีที่วานิทัสรีบถลาเข้ามากันไว้ แล้วเตะแอสโทลโฟให้ถอยห่างออกไป (หล่อมาก)
มาร์โก้ (เชสเชอร์ผู้ติดตามของแอสโทลโฟ) ที่สบจังหวะพอดี ก็เข้ามาดึงตัวเด็กหนุ่มไว้
ท่ามกลางความชุลมุน
วานิทัสที่สุดจะทนแล้วก็ควักบันทึกออกมา ตั้งท่าจะช่วยโนเอะที่โดนเนเนียรัดอยู่
แต่มีดาบเล่มหนึ่งพุ่งฝ่าเข้ามาตัดโซ่ที่ร้อยบันทึกเอาไว้กับเข็มขัดของวานิทัส
.
.
.
บันทึกของวานิทัสหลุดกระเด็นออกจากมือของเจ้าของ
บันทึกสีน้ำเงินลอยคว้างกลางอากาศ
สาดประกายแสงสว่างเจิดจ้า
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นไม่ทันได้ปัดป้อง
ในชั่วพริบตานั้นเอง พลังมหาศาลจากบันทึกของวานิทัสก็เข้ากระแทกกับทุกฝ่าย
- ภาพตัด -
หิมะร่วงโปรยปราย
ในความเยือกเย็นสีเงิน
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้มลงเก็บบันทึกของวานิทัสขึ้นมาจากกองหิมะ
ใกล้ๆ กันนั้น พระเอกของเรานอนสิ้นสติ โดยมีสาวน้อยนางหนึ่งนั่งดูอยู่ข้างๆ
เธอคือ โคลเอ้ (Chloé) ที่ฌานกำลังตามหาอยู่นั่นเอง
เด็กสาวบอกว่าเธอเจ็บขา และขอให้ชายหนุ่มผมดำช่วยอุ้มเธอไปที
----จบตอน---
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายนี้ หน้าปิดท้ายสวยมากค่ะ ปราสาทดำทะมึนกลางพายุหิมะ ตอนหน้าเราคงได้เข้าไปดูด้านในกัน?
ว่าแต่พ่อหนุ่มผมดำนั่นจะแบกโคลเอ้กับโนเอะไปยังไงน่ะ
ขอเชิญติดตามวิบากกรรมของ โนเอะผู้อาภัพโชค ได้ในตอนถัดไป (หรือถัดๆไป)
Notes:
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้