ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าจะทำงานที่นี่ (ที่ทำงานปัจจุบัน) ไปตลอดค่ะ เราชอบสภาพแวดล้อมของที่นี่ และรู้สึกโชคดีที่ได้เจอหัวหน้าที่ดี
เขาใจดี และชอบให้โอกาสคน นั่นเป็นส่วนที่ดีของเขา แน่นอนค่ะ ว่าคนเราจะต้องมีทั้งส่วนที่ดี และ ไม่ดี
เราเองก็เป็นแบบนั้น มีทั้งส่วนที่ดี และ ไม่ดีเช่นกัน...
เราทำการตลาดให้บริษัทนี้ค่ะ แต่เป็นสาขาที่อยู่ต่างจังหวัด หน้าที่หลักก็ทำการตลาด ทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์ ติดต่อประสานเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง Supplier และ หน่วยงานต่างๆ ใน สนญ. เราทำงานที่นี่มาได้จะ 2 ปีแล้วค่ะ และก็ได้พบกับความยากลำบากมากขึ้น มากขึ้น
และมากขึ้น...
จนเราเริ่มไม่ไหว ไม่โอเคแล้ว
หัวหน้าเราเขาค่อนข้างจู้จี้ จุกจิก และเจ้าระเบียบมากกกกกก ข้อดีตรงนี้คอยย้ำเตือนเราเสมอ เพื่อให้คิดในแง่ดี ว่ามันจะทำให้เราทำงานดีขึ้น ฝึกความอดทน บลาๆๆๆๆ
โอเคแรกๆ เราก็คิดแบบนี้ แต่หลังๆ ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวกับความเพอร์เฟคของเขา
แต่เหมือนเขาจะไม่เคยรู้เลย ว่าความเพอร์เฟคของเขา มันทำให้เราทำงานลำบาก
คือ ต้องขอบอกก่อนว่า งานของเราส่วนใหญ่จะต้องพึงพาอาศัยหน่วยงานอื่นๆ ถึงเกือบจะ 40% ค่ะ เราต้องแจ้งงานซึ่งได้รับมอบหมายมาจากหัวหน้างานอีกที แล้วหลังจากนั้นก็ รอๆๆๆ รอให้หน่วยงานนั้นๆ ทำงานเสร็จ เราจึงจะสามารถรวบรวมแล้วส่งให้หัวหน้างานเราได้
ทีนี้ถ้าหน่วยงานไหนล่าช้า เราทำหน้าที่ได้แค่ ตามๆๆๆ แรกๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่หลังๆ เริ่มเบื่อแล้ว
เราอยากทำงานที่เราสามารถบริหารและจัดการได้เอง โดยพึงพาฝ่ายอื่นน้อยที่สุดค่ะ
เดี๋ยวจะยาวเกินไป เราขอเล่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ไหวกับหัวหน้างานกันเลยดีกว่า
เริ่มแรก...
เราเริ่มต้องประสานงานกับฝ่ายจัดซื้อค่ะ ให้จัดซื้อเปรียบเทียบราคาสินค้าตัวหนึ่งให้ แต่งานล่าช้ามาก ถึงมากๆ จนพี่หัวหน้ามาตามเรา ให้เราตามจัดซื้ออีกทีเพราะมันล่วงเวลามามากแล้ว (เลยเวลาที่เขากำหนดค่ะ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแพลนของเขา)
เราก็ตาม ทั้งโทร ทั้งเมล ก็ไม่ได้รับการ feedback กลับมา เราแจ้งหัวหน้าไปตามนั้น เพราะไม่รู้จะตามต่อยังไง
(สนญ. อยู่ที่ กทม. นะคะ ส่วนเราอยู่สาขาที่ต่างจังหวัดค่ะ)
ทีนี้พี่หัวหน้าก็บอกเราว่า ให้เมลไปใหม่ ครั้งนี้ CC หัวหน้าทุกคนของจัดซื้อท่านนี้ (ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไรไปไกล แต่มารู้ที่หลังจากหัวหน้าเราว่า มันเป็นวิธีการจี้งานของเขา) โอเค เราทำตาม โดยที่เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารายชื่อที่หัวหน้าเราให้มาเพื่อ CC ในเมลเป็นใครบ้าง แต่ก็ทำไปตามนั้น โดยเนื้อหาในเมล เป็นการตามงานปกติเหมือนเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ CC หลายคนมาก
หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องค่ะ...
จากที่จัดซื้อท่านนี้ติดต่อไม่ค่อยจะได้ ก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเราเอง
แต่โทรมาวีนจ้า โวยวายว่าเราจะ CC หัวหน้าเขาทำไม CC ทำไมหลายคน ต้องการอะไร ทำเพื่ออะไร...
โอเค เราตอบอย่างใจเย็นในฐานะคนที่เด็กกว่า ว่าเราทำตามที่หัวหน้าเราสั่ง เขาเงียบและเสียงอ่อยลง และบอกว่าจริงๆ เราก็คุยกันเองได้เนอะ พอดีพี่ยุ่งๆ แต่พี่ก็เตรียมจะส่งงานให้แหล่ะ ที่จริงไม่เห็นต้อง CC ไปหาคนนู้นคนนี้เลย คล้ายๆ จะบอกว่าคุยกันเองภายในงี้จะดีกว่า แล้วก็ขอโทษเราที่หัวร้อนใส่ไปเมื่อกี้
แล้วก็บอกอีกครั้งว่า ไอ่วิธีการ CC ไปหาหลายๆ คนเพื่อตามงานกับคนๆ หนึ่งมันไม่เวิร์คหรอก...เราก็โอเค ในใจก็คิดแบบนั้น เพราะตอนแจ้งงานครั้งแรกเราไม่ได้ CC ไปหาใครเลย แล้วเราก็คิดว่าผู้หลัก ผู้ใหญ่ที่เรา CC ไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานตรงนี้เลย
แต่สุดท้ายก็ตามงานนี้สำเร็จ เสร็จไปได้ด้วยดี
พร้อมกับความรู้สึกแอนตี้จากพี่จัดซื้อคนนี้ค่ะ
ใช่ค่ะ...เขาแอนตี้เรา
และมารู้ทีหลังว่าเขาก็แอนตี้พี่หัวหน้าเราเช่นกัน
ต่อมา...
จุดเปลี่ยน ที่ทำให้เราเปลี่ยนความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กับหัวหน้างานของเรา
คือสาขาเราเวลามีโปรโมชั่น จะต้องเตรียมทำแผนการตลาดออนไลน์ เราก็แพลนงานของเราในส่วนที่เราจัดการได้ แต่ส่วนที่เราจัดการเองไม่ได้ คือการทำกราฟฟิก แน่นอน บริษัทเรามีหน่วยงานนี้อยู่แล้วที่ สนญ. หน้าที่ของเราคือการแจ้งงาน แจ้งคอนเซปต์ แจ้งคอนเทนต์ เพื่อให้กราฟฟิกออกแบบ ผ่านทางโทรศัพท์
โดยคอนเซปต์ทุกอย่าง เราจะได้รับบรีฟมาจากพี่หัวหน้างานอีกที
ซึ่งก่อนเราจะแจ้งงานกราฟฟิก เราจะต้องทำสรุปให้หัวหน้าเรา Approved ก่อนเสมอ
มันเป็นขั้นตอนของการทำงานและเพื่อให้หัวหน้าเรารู้ว่า เรากำลังสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน
หลังจากแจ้งงาน และได้รับงานจากฝ่ายกราฟฟิก เราก็จะนำมาให้พี่หัวหน้าตรวจสอบ (การส่งแบบจะส่งผ่านทางอีเมลนะคะ)
หลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกว่ากราฟฟิกออกแบบมาได้โอเค และสวยมากแล้ว
แต่ก็ดูจะยังไม่เป็นที่พอใจของหัวหน้าเรา จนต้องสั่งให้แก้แล้ว แก้อีก แก้นู่น แก้นี่ ตามแต่จะนึกออก
โดยเขาจะให้เราเป็นคนไปแจ้งกราฟฟิกว่าแก้ตรงไหน อย่างไรบ้าง ตรงนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้เราทำงานลำบาก
อย่างที่บอกว่างานของเราเกือบ 40% ต้องขึ้นอยู่กับการทำงานให้แล้วเสร็จของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า แก้แล้วแก้อีกแบบตามใจฉัน ทางฝ่ายนั้นก็เริ่มไม่โอเค แน่นอน! ปราการด่านแรกที่เขาจะแอนตี้คือเราค่ะ
การทำงานกับฝ่ายออกแบบจะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ จนหลังๆ เราเองก็เริ่มลำบากใจที่จะโทรไปให้เขาแก้งานให้
แต่พอเราเริ่มจับความรู้สึกได้ว่าฝ่ายออกแบบไม่โอเคกับการทำงานของทีมเรา พอมีการแจ้งงานไปใหม่ เป็นงานใหม่นะคะ
พอได้รับแบบตัวอย่าง เราก็ลิสต์เป็นข้อๆ เพื่อให้หัวหน้าเราพิจารณาว่าจะแก้ตรงไหนบ้าง เห็นด้วยกับเราไหม
สมมติว่างานนี้ เราลิสต์ไปให้แก้ 4 จุด พี่หัวหน้าเราก็โอเค เห็นพ้องต้องกัน แต่ก็เพิ่มไปอีก 1 จุดให้แก้ สรุปรวมเป็น 5 จุด
โอเค เราแจ้งงานฝ่ายกราฟฟิกให้แก้ตามนี้ 5 จุด โดยเราปริ้นท์รูปตัวอย่างที่กราฟฟิกส่งมาให้แล้วเขียนกำกับในนั้นแล้วสแกนส่งให้
ในใจก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาเรื่องแก้งานไม่จบไม่สิ้นแล้ว เพราะลิสต์กำกับให้ชัดเจน พี่หัวหน้าก็เซ็นยืนยันให้แก้ตามนี้
แล้วกราฟฟิกก็แก้งานให้ตามที่บอก พร้อมโทรมาบอกว่าส่งให้แล้ว เราก็โอเค ขอบคุณเขา เราก็คุยกับเขาว่างานโอเคแล้วนะ ในสายตาเราคือสวยแล้ว คงไม่ได้ต้องแก้อะไรแล้วเพราะแก้ครบทุกจุดแล้ว เดี๋ยวเอาให้พี่หัวหน้าดู คงไม่มีปัญหา น่าจะทำเป็นไฟล์เพื่อส่งผลิตได้เลย
แล้วปัญหาเดิมๆ ก็เกิดขึ้น
พี่หัวหน้าดูแล้ว แล้วก็สั่งให้แก้ไขจุดใหม่ ที่เพิ่งจะสังเกตเห็นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ก็ให้แก้จุดใหม่อีกหนึ่งจุด เป็นจุดที่ 6
โดยเขาก็ให้เหตุผลกับเราแหล่ะค่ะ ว่าตัวอักษรสีมันดรอปไป ขยายใหญ่ๆ หน่อย (ในใจเราก็บ่นแหล่ะ ว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนที่แจ้งแก้ไขครั้งแรก)
โอเค สรุปแล้วเราก็ต้องโทรแจ้งกราฟฟิกให้ช่วยแก้เพิ่มอีก 1 จุด
พอแก้เสร็จ กราฟฟิกก็ส่งมาให้ เราก็เอาให้พี่หัวหน้าพิจารณา คราวนี้กลับไปให้แก้จุดเดิมคือจุดที่ 2 ที่เคยแจ้งให้แก้มาแล้ว โดยเขาก็หาเหตุผลมาได้เรื่อยๆ ค่ะ มันควรจะเป็นอย่างนู้น อย่างนี้ แล้วมันก็เป็นเราที่ต้องทำใจกลับไปแจ้งงานกราฟฟฟิก
คือเป็นแบบนี้มาตลอดอ่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นกราฟฟิก เราก็เข้าใจได้เลยว่ามันจะน่าหงุดหงิดขนาดไหนที่ต้องทำงานกับทีมแบบนี้
จนมีครั้งหนึ่งที่เราโทรไปแจ้งงานแล้วได้ยินฝ่ายนั้นพูดแซวเราดังเข้ามาในสาย ประมาณว่า
“โทรมาอีกแล้วเหรอ” “งานเข้าแล้ว” “ดีที่ตรูไม่ได้ทำงานให้ทีมนี้”
จนกระทั่งมาถึงจุดแตกหัก
หัวหน้าฝ่ายกราฟฟิกคงมาบ่นกับ หัวหน้างานเรา ว่าเขาไม่โอเคกับการทำงานแบบนี้ และไม่มีใครอยากทำงานให้ทีมสาขาเราแล้ว
พี่หัวหน้าเรียกเราเข้าห้องเย็นเลยจ้า
เรียกเข้ามาต่อว่า ว่าเราประสานงานยังไง ทำไมกราฟฟิกไม่โอเค รู้ไหม ทางนู้นเขาไม่โอเคกับเรา ไม่อยากทำงานให้เรา (หมายถึงตัว จขกท.) แล้วนะ!
คือหัวหน้าพูดเหมือนจะปัดความผิดทั้งหมดมาให้เราเลยค่ะ ตอนนั้นคือเราอึ้งมาก ไม่คิดว่าพี่หัวหน้าคนนี้ คนที่เราเคารพและชื่นชอบในตัวเขา จะพูดแบบนี้
ตอนนั้นเราก็โมโหค่ะ แล้วเราก็ตอบกลับไปว่า “หนูก็แจ้งงานตามที่พี่บอกนะคะ”
แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เขาไม่ได้สนใจ และพูดย้ำๆ ให้เรายอมรับแต่โดยดีว่าเรานั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายผิด
ผิดที่ทำให้กราฟฟิกไม่อยากทำงานด้วย ต่อว่า ตักเตือนนู่นนี่ จนเราหมดใจที่จะทำงานกับคนแบบนี้แล้วค่ะ
///////////////////////////////////////
ตอนนี้เราคิดว่าเราจะลาออกแล้วค่ะ มองหางานที่ใหม่แล้ว ซึ่งพุธนี้จะได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหม่
แน่ชัดกับตัวเองแล้วว่าถ้าได้ที่ใหม่จะลาออกทันที หรือ ถึงแม้ว่าสิ้นเดือนนี้จะยังไม่ได้งาน เราก็คิดว่าจะลาออกแน่นอนค่ะ ผิดหวังกับคนแบบนี้มาก
เราก็เลยอยากมาปรึกษา ว่าระหว่างที่เรากำลังรองานที่ใหม่
และ รอจนสิ้นเดือนนี้
เราควรจะทำตัวยังไง เรารู้สึกผิดหวังกับหัวหน้างานแบบนี้จนไม่อยากจะมองหน้าเขาเลยค่ะ
หัวหน้าที่ Perfect กำลังทำให้เราทำงานลำบาก...ขอระบายหน่อยจ้า T^T
เขาใจดี และชอบให้โอกาสคน นั่นเป็นส่วนที่ดีของเขา แน่นอนค่ะ ว่าคนเราจะต้องมีทั้งส่วนที่ดี และ ไม่ดี
เราเองก็เป็นแบบนั้น มีทั้งส่วนที่ดี และ ไม่ดีเช่นกัน...
เราทำการตลาดให้บริษัทนี้ค่ะ แต่เป็นสาขาที่อยู่ต่างจังหวัด หน้าที่หลักก็ทำการตลาด ทั้งออนไลน์ และ ออฟไลน์ ติดต่อประสานเป็นส่วนใหญ่ ทั้ง Supplier และ หน่วยงานต่างๆ ใน สนญ. เราทำงานที่นี่มาได้จะ 2 ปีแล้วค่ะ และก็ได้พบกับความยากลำบากมากขึ้น มากขึ้น
และมากขึ้น...
จนเราเริ่มไม่ไหว ไม่โอเคแล้ว
หัวหน้าเราเขาค่อนข้างจู้จี้ จุกจิก และเจ้าระเบียบมากกกกกก ข้อดีตรงนี้คอยย้ำเตือนเราเสมอ เพื่อให้คิดในแง่ดี ว่ามันจะทำให้เราทำงานดีขึ้น ฝึกความอดทน บลาๆๆๆๆ
โอเคแรกๆ เราก็คิดแบบนี้ แต่หลังๆ ก็เริ่มไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวกับความเพอร์เฟคของเขา
แต่เหมือนเขาจะไม่เคยรู้เลย ว่าความเพอร์เฟคของเขา มันทำให้เราทำงานลำบาก
คือ ต้องขอบอกก่อนว่า งานของเราส่วนใหญ่จะต้องพึงพาอาศัยหน่วยงานอื่นๆ ถึงเกือบจะ 40% ค่ะ เราต้องแจ้งงานซึ่งได้รับมอบหมายมาจากหัวหน้างานอีกที แล้วหลังจากนั้นก็ รอๆๆๆ รอให้หน่วยงานนั้นๆ ทำงานเสร็จ เราจึงจะสามารถรวบรวมแล้วส่งให้หัวหน้างานเราได้
ทีนี้ถ้าหน่วยงานไหนล่าช้า เราทำหน้าที่ได้แค่ ตามๆๆๆ แรกๆ ก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่หลังๆ เริ่มเบื่อแล้ว
เราอยากทำงานที่เราสามารถบริหารและจัดการได้เอง โดยพึงพาฝ่ายอื่นน้อยที่สุดค่ะ
เดี๋ยวจะยาวเกินไป เราขอเล่าจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ไหวกับหัวหน้างานกันเลยดีกว่า
เริ่มแรก...
เราเริ่มต้องประสานงานกับฝ่ายจัดซื้อค่ะ ให้จัดซื้อเปรียบเทียบราคาสินค้าตัวหนึ่งให้ แต่งานล่าช้ามาก ถึงมากๆ จนพี่หัวหน้ามาตามเรา ให้เราตามจัดซื้ออีกทีเพราะมันล่วงเวลามามากแล้ว (เลยเวลาที่เขากำหนดค่ะ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแพลนของเขา)
เราก็ตาม ทั้งโทร ทั้งเมล ก็ไม่ได้รับการ feedback กลับมา เราแจ้งหัวหน้าไปตามนั้น เพราะไม่รู้จะตามต่อยังไง
(สนญ. อยู่ที่ กทม. นะคะ ส่วนเราอยู่สาขาที่ต่างจังหวัดค่ะ)
ทีนี้พี่หัวหน้าก็บอกเราว่า ให้เมลไปใหม่ ครั้งนี้ CC หัวหน้าทุกคนของจัดซื้อท่านนี้ (ตอนแรกเราไม่ได้คิดอะไรไปไกล แต่มารู้ที่หลังจากหัวหน้าเราว่า มันเป็นวิธีการจี้งานของเขา) โอเค เราทำตาม โดยที่เราเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารายชื่อที่หัวหน้าเราให้มาเพื่อ CC ในเมลเป็นใครบ้าง แต่ก็ทำไปตามนั้น โดยเนื้อหาในเมล เป็นการตามงานปกติเหมือนเช่นเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือ CC หลายคนมาก
หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องค่ะ...
จากที่จัดซื้อท่านนี้ติดต่อไม่ค่อยจะได้ ก็เป็นฝ่ายโทรมาหาเราเอง
แต่โทรมาวีนจ้า โวยวายว่าเราจะ CC หัวหน้าเขาทำไม CC ทำไมหลายคน ต้องการอะไร ทำเพื่ออะไร...
โอเค เราตอบอย่างใจเย็นในฐานะคนที่เด็กกว่า ว่าเราทำตามที่หัวหน้าเราสั่ง เขาเงียบและเสียงอ่อยลง และบอกว่าจริงๆ เราก็คุยกันเองได้เนอะ พอดีพี่ยุ่งๆ แต่พี่ก็เตรียมจะส่งงานให้แหล่ะ ที่จริงไม่เห็นต้อง CC ไปหาคนนู้นคนนี้เลย คล้ายๆ จะบอกว่าคุยกันเองภายในงี้จะดีกว่า แล้วก็ขอโทษเราที่หัวร้อนใส่ไปเมื่อกี้
แล้วก็บอกอีกครั้งว่า ไอ่วิธีการ CC ไปหาหลายๆ คนเพื่อตามงานกับคนๆ หนึ่งมันไม่เวิร์คหรอก...เราก็โอเค ในใจก็คิดแบบนั้น เพราะตอนแจ้งงานครั้งแรกเราไม่ได้ CC ไปหาใครเลย แล้วเราก็คิดว่าผู้หลัก ผู้ใหญ่ที่เรา CC ไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานตรงนี้เลย
แต่สุดท้ายก็ตามงานนี้สำเร็จ เสร็จไปได้ด้วยดี
พร้อมกับความรู้สึกแอนตี้จากพี่จัดซื้อคนนี้ค่ะ
ใช่ค่ะ...เขาแอนตี้เรา
และมารู้ทีหลังว่าเขาก็แอนตี้พี่หัวหน้าเราเช่นกัน
ต่อมา...
จุดเปลี่ยน ที่ทำให้เราเปลี่ยนความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กับหัวหน้างานของเรา
คือสาขาเราเวลามีโปรโมชั่น จะต้องเตรียมทำแผนการตลาดออนไลน์ เราก็แพลนงานของเราในส่วนที่เราจัดการได้ แต่ส่วนที่เราจัดการเองไม่ได้ คือการทำกราฟฟิก แน่นอน บริษัทเรามีหน่วยงานนี้อยู่แล้วที่ สนญ. หน้าที่ของเราคือการแจ้งงาน แจ้งคอนเซปต์ แจ้งคอนเทนต์ เพื่อให้กราฟฟิกออกแบบ ผ่านทางโทรศัพท์
โดยคอนเซปต์ทุกอย่าง เราจะได้รับบรีฟมาจากพี่หัวหน้างานอีกที
ซึ่งก่อนเราจะแจ้งงานกราฟฟิก เราจะต้องทำสรุปให้หัวหน้าเรา Approved ก่อนเสมอ
มันเป็นขั้นตอนของการทำงานและเพื่อให้หัวหน้าเรารู้ว่า เรากำลังสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน
หลังจากแจ้งงาน และได้รับงานจากฝ่ายกราฟฟิก เราก็จะนำมาให้พี่หัวหน้าตรวจสอบ (การส่งแบบจะส่งผ่านทางอีเมลนะคะ)
หลายๆ ครั้งที่เรารู้สึกว่ากราฟฟิกออกแบบมาได้โอเค และสวยมากแล้ว
แต่ก็ดูจะยังไม่เป็นที่พอใจของหัวหน้าเรา จนต้องสั่งให้แก้แล้ว แก้อีก แก้นู่น แก้นี่ ตามแต่จะนึกออก
โดยเขาจะให้เราเป็นคนไปแจ้งกราฟฟิกว่าแก้ตรงไหน อย่างไรบ้าง ตรงนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้เราทำงานลำบาก
อย่างที่บอกว่างานของเราเกือบ 40% ต้องขึ้นอยู่กับการทำงานให้แล้วเสร็จของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เราไม่อยากมีปัญหากับใคร แต่พอเป็นแบบนี้บ่อยๆ เข้า แก้แล้วแก้อีกแบบตามใจฉัน ทางฝ่ายนั้นก็เริ่มไม่โอเค แน่นอน! ปราการด่านแรกที่เขาจะแอนตี้คือเราค่ะ
การทำงานกับฝ่ายออกแบบจะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ จนหลังๆ เราเองก็เริ่มลำบากใจที่จะโทรไปให้เขาแก้งานให้
แต่พอเราเริ่มจับความรู้สึกได้ว่าฝ่ายออกแบบไม่โอเคกับการทำงานของทีมเรา พอมีการแจ้งงานไปใหม่ เป็นงานใหม่นะคะ
พอได้รับแบบตัวอย่าง เราก็ลิสต์เป็นข้อๆ เพื่อให้หัวหน้าเราพิจารณาว่าจะแก้ตรงไหนบ้าง เห็นด้วยกับเราไหม
สมมติว่างานนี้ เราลิสต์ไปให้แก้ 4 จุด พี่หัวหน้าเราก็โอเค เห็นพ้องต้องกัน แต่ก็เพิ่มไปอีก 1 จุดให้แก้ สรุปรวมเป็น 5 จุด
โอเค เราแจ้งงานฝ่ายกราฟฟิกให้แก้ตามนี้ 5 จุด โดยเราปริ้นท์รูปตัวอย่างที่กราฟฟิกส่งมาให้แล้วเขียนกำกับในนั้นแล้วสแกนส่งให้
ในใจก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาเรื่องแก้งานไม่จบไม่สิ้นแล้ว เพราะลิสต์กำกับให้ชัดเจน พี่หัวหน้าก็เซ็นยืนยันให้แก้ตามนี้
แล้วกราฟฟิกก็แก้งานให้ตามที่บอก พร้อมโทรมาบอกว่าส่งให้แล้ว เราก็โอเค ขอบคุณเขา เราก็คุยกับเขาว่างานโอเคแล้วนะ ในสายตาเราคือสวยแล้ว คงไม่ได้ต้องแก้อะไรแล้วเพราะแก้ครบทุกจุดแล้ว เดี๋ยวเอาให้พี่หัวหน้าดู คงไม่มีปัญหา น่าจะทำเป็นไฟล์เพื่อส่งผลิตได้เลย
แล้วปัญหาเดิมๆ ก็เกิดขึ้น
พี่หัวหน้าดูแล้ว แล้วก็สั่งให้แก้ไขจุดใหม่ ที่เพิ่งจะสังเกตเห็นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ก็ให้แก้จุดใหม่อีกหนึ่งจุด เป็นจุดที่ 6
โดยเขาก็ให้เหตุผลกับเราแหล่ะค่ะ ว่าตัวอักษรสีมันดรอปไป ขยายใหญ่ๆ หน่อย (ในใจเราก็บ่นแหล่ะ ว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนที่แจ้งแก้ไขครั้งแรก)
โอเค สรุปแล้วเราก็ต้องโทรแจ้งกราฟฟิกให้ช่วยแก้เพิ่มอีก 1 จุด
พอแก้เสร็จ กราฟฟิกก็ส่งมาให้ เราก็เอาให้พี่หัวหน้าพิจารณา คราวนี้กลับไปให้แก้จุดเดิมคือจุดที่ 2 ที่เคยแจ้งให้แก้มาแล้ว โดยเขาก็หาเหตุผลมาได้เรื่อยๆ ค่ะ มันควรจะเป็นอย่างนู้น อย่างนี้ แล้วมันก็เป็นเราที่ต้องทำใจกลับไปแจ้งงานกราฟฟฟิก
คือเป็นแบบนี้มาตลอดอ่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นกราฟฟิก เราก็เข้าใจได้เลยว่ามันจะน่าหงุดหงิดขนาดไหนที่ต้องทำงานกับทีมแบบนี้
จนมีครั้งหนึ่งที่เราโทรไปแจ้งงานแล้วได้ยินฝ่ายนั้นพูดแซวเราดังเข้ามาในสาย ประมาณว่า
“โทรมาอีกแล้วเหรอ” “งานเข้าแล้ว” “ดีที่ตรูไม่ได้ทำงานให้ทีมนี้”
จนกระทั่งมาถึงจุดแตกหัก
หัวหน้าฝ่ายกราฟฟิกคงมาบ่นกับ หัวหน้างานเรา ว่าเขาไม่โอเคกับการทำงานแบบนี้ และไม่มีใครอยากทำงานให้ทีมสาขาเราแล้ว
พี่หัวหน้าเรียกเราเข้าห้องเย็นเลยจ้า
เรียกเข้ามาต่อว่า ว่าเราประสานงานยังไง ทำไมกราฟฟิกไม่โอเค รู้ไหม ทางนู้นเขาไม่โอเคกับเรา ไม่อยากทำงานให้เรา (หมายถึงตัว จขกท.) แล้วนะ!
คือหัวหน้าพูดเหมือนจะปัดความผิดทั้งหมดมาให้เราเลยค่ะ ตอนนั้นคือเราอึ้งมาก ไม่คิดว่าพี่หัวหน้าคนนี้ คนที่เราเคารพและชื่นชอบในตัวเขา จะพูดแบบนี้
ตอนนั้นเราก็โมโหค่ะ แล้วเราก็ตอบกลับไปว่า “หนูก็แจ้งงานตามที่พี่บอกนะคะ”
แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ เขาไม่ได้สนใจ และพูดย้ำๆ ให้เรายอมรับแต่โดยดีว่าเรานั่นแหล่ะที่เป็นฝ่ายผิด
ผิดที่ทำให้กราฟฟิกไม่อยากทำงานด้วย ต่อว่า ตักเตือนนู่นนี่ จนเราหมดใจที่จะทำงานกับคนแบบนี้แล้วค่ะ
///////////////////////////////////////
ตอนนี้เราคิดว่าเราจะลาออกแล้วค่ะ มองหางานที่ใหม่แล้ว ซึ่งพุธนี้จะได้มีโอกาสสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหม่
แน่ชัดกับตัวเองแล้วว่าถ้าได้ที่ใหม่จะลาออกทันที หรือ ถึงแม้ว่าสิ้นเดือนนี้จะยังไม่ได้งาน เราก็คิดว่าจะลาออกแน่นอนค่ะ ผิดหวังกับคนแบบนี้มาก
เราก็เลยอยากมาปรึกษา ว่าระหว่างที่เรากำลังรองานที่ใหม่
และ รอจนสิ้นเดือนนี้
เราควรจะทำตัวยังไง เรารู้สึกผิดหวังกับหัวหน้างานแบบนี้จนไม่อยากจะมองหน้าเขาเลยค่ะ