เมื่อเลขหน้าบัตรเครดิตถูกนำไปซื้อสินค้าโดยมิจฉาชีพ

กระทู้สนทนา
1 Nov 2017
6.15 ตื่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความในโทรศัพท์ว่าท่านได้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต จำนวน 4 ยอด เวลา 3.09 แต่ละยอดห่างกัน 3 นาที
EUR 2196.0 was approved
USD 1990.0 was approved
143,008.5 was not approved
USD 2279.82 was approved
6.20 โทรหา call center ตามหมายเลขที่แจ้งในในข้อความที่บอกว่าไม่อนุมัติ Call center ได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้น หลังจากนั้นให้ถือสายรอ เราก็กระวนกระวายใจทำไมนานจัง สักพักก็มีเสียงผู้หญิงอีกคนก็พูดในสาย เราก็พูดตะกุกตะกักด้วยความตื้นเต้น Call center บอกว่าลูกค้าไม่ต้องชำระเงินเข้ามา ทางเราจะยกเลิกบัตรใบเก่าแล้วส่งใบใหม่มาให้หลังจากนั้นถ้าทางร้านค้าเรียกเก็บเงินเราจะส่งเอกสารให้ลูกค้าเซ็นต์ปฎิเสธการใช้บัตร หรือถ้าร้านค้าไม่ติดต่อมาเราก็จะคืนเงินเข้าบัตรให้เหมือนเดิม เราก็ยังตกอยู่ในพะวง เลยได้ถามแค่ชื่อกับรหัสพนักงานไว้
10.20 มีข้อความจากธนาคารว่าสงสัยมีการใช้บัตรไม่ถูกต้องด้วยยอดเงิน 4194 USD ที่ San Diego ถ้าเราใช้จริงให้พิมพ์ 1 ถ้าไม่ได้ใช้ให้พิมพ์ 2 แล้วจะมีคนติดต่อกลับ ด้วยความร้อนใจเราเลยโทรไปตามเบอร์ที่ติดมากับข้อความ มี call center ผู้ชายรับ เค้าถามเบอร์โทรศัพท์ เค้าบอกว่าเรื่องถูกดำเนินการเรียบร้อยและมีการจัดส่งบัตรใหม่ไปแล้ว เราเลยสงสัยว่าทำไมมันดูง่ายจัง เลยถามว่าปกติมีแบบนี้เยอะหรอคะ เค้าตอบว่าเยอะครับ แล้วอย่างนี้ใครรับผิดชอบเงินส่วนนี้คะ เค้าบอกว่าปกติร้านค้าต้องเป็นคนรับเพราะถือว่าร้านไม่มี การรักษาความปลอดภัยที่ดี ถ้ามีการฟ้องร้องส่วนมากธนาคารจะชนะอยู่แล้ว ดังนั้นร้านค้าต้องสังเกตุว่าบัตรที่ใช้เช่น บัตรจากไทย สั่งซื้อของผ่านเว็บอเมริกาแต่ส่งของที่อิหร่านซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ร้านค้าต้องเช็คข้อมูลก่อนส่งสินค้า ส่วนเว็บที่ใช้ซื้อของในกรณีของเราเป็นเว็บที่เพียงใส่เลขที่บัตรก็สามารถตัดยอดซื้อของได้แล้ว ไม่ต้องมี OTP ไม่ต้องมี CVV ไม่ต้องมี expire date เราเลยตกใจแค่มีเลขที่บัตรก็ได้แล้วหรอ ความปลอดภัยอยู่ที่ไหน เค้าให้ข้อมูลว่า ที่อเมริกาจะมีเว็บพวกนี้เพื่ออำนวยความสะดวกกับลูกค้า ส่วนลูกค้าเองต้องระวังสถานที่ใช้งานควรใช้ตามห้างที่มีการสอดบัตร ไม่ใช่ตัวที่รูดจากบนลงล่างซึ่งตอนนี้ถ้ามีการรูดทางธนาคารจะไม่อนุมัติบัตร เราก็นึกไม่ออกว่าเราใช้งานบัตรที่ไหนเพราะบัตรใบนี้ไม่ได้ใช้มานาน ปกติจะมียอดเดือนละ ร้อยกว่าบาทจากการซื้อเพลงและสติ๊กเกอร์ ซึ่งบัตรมีผูกไว้กับ ID ของโทรศัพท์ มีผูกไว้กับ app เพื่อซื้อสติกเกอร์ แล้วก็เว็บจอง โรงแรมสองเว็บ เลยสันนิษฐานว่ามาจากสี่ที่นี้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้เรารู้สึกว่าธนาคารให้ข้อมูลดีมากและตอบคำถามได้ดี เราแค่อยากจะแชร์ข้อมูลเพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ เราอาจขอแนะนำให้มีการสมัคร sms alert เพื่อให้ทราบการเคลื่อนไหวของเงินในบัตร รวมถึงอาจต้องจำกัดวงเงินในการใช้ต่อวันหรือต่อครั้งด้วย ส่วนเลขที่บัตรที่มีการผูกไว้ต้องเอาออก ของเรายังถือว่าโชคดีที่มี sms เตือนไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าเงินหายไปสองแสนกว่าบาท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่