นั้นแหละปัญหา บ่อเกิดแห่งศาสนา
มิใช่ไม่รู้ แต่รู้มากเสียด้วย
คนไม่รู้ ย่อมกระทำผิดแก้ไขได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
แต่พวกคนที่รู้แล้ว ยังกระทำผิดซ้ำซากนี้แหละ ตัวปัญหา
ประเดี๋ยว
อย่างนี้ ประเดี๋ยว
อย่างนั้น
ประเดี๋ยว
อย่างโน้น ประเดี๋ยวอย่างอื่น
เริ่มแรกเดิมที่สมัยโลกยังว่างจากพระพุทธเจ้า(ตถาคต) ก็สมัยนั้นแล เป็นส่วนมาก คือนับไม่ถ้วน วิญญาณมีรัศมีเอง (ยังปรากฎอยู่.ก่อนอย่างผู้ที่มีใจนิ่งอันบริสุทธิ์ดีแล้วแลอยู่นั้น)
ผ่องใสเปล่งแสงได้ เคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระอำนาจทะลุทะลวงเชื่อมโยงกันเหมือนคลื่นสายสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน(สัมพันธภาพ)ในทุกแห่งหน ย่อมไม่ปรากกฎแก่มนุษย์ทั่วไปหรือจะทวดาชั้นไหนก็ตาม ดั่งอย่างก่อนจะมีหยดน้ำ ไอน้ำเกิดแรงดันรวมตัวกันมาเป็นหยดน้ำกลั่น บริสุทธิ์หรือไม่อยู่ที่สิ่งปนเปื้อนในอากาศและภาชนะ นั้น(ยังวิมานในอากาศ) ดิน น้ำ ไฟ และลม
ไม่อาจหยั่งถึงได้อันมหาภูตรูป 4
ไม่ถูกต้องแล้ว) เว้นจากอากาสานัญจายตนฌาน(เพ่งในอากาศไม่มีขอบเขตเป็นอารมณ์) จักขายตนญาณ (จุดโฟกัสผู้สังเกตุการณ์เป็นนิมิตหมาย อันเป็นไป) สัญญา หมายสำคัญรู้(เชิงสัญลักษณ์.... เป็น ดั่ง เงาติดตามตัวไป เช่น GPS หรือลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น และท่านได้เห็นต้นไม้ไหวนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน และก๊าซในอากาศตาท่านมองไม่เห็นว่าธาตุตัวใด หรือตัวความร้อน อุ่น หนาว เย็น กระแสไฟฟ้าเป็นต้น แต่กระทบสัมผัสได้ เปรียบเหมือนเส้นผมบังภูเขา
ก็ที่เป็นต้นไม้สัมผัสได้เหมือนกัน รู้หน้าที่ทำตามรหัสสายพันธุกรรมของมันเช่นนั้นเอง แต่ไม่มีตัณหา แค่เดินวิ่งเหาะจับผสมพันธุ์ในตัวผู้ตัวเมียเองไมได้เท่านั้นเอง เข้าถึงอยู่สหาย)
มิใช่ตัวตน โลกโคจรมาแล้วอาศัย
มหาภูตรูป 4 ซึ่งเป็นสภาพที่เกิดขึ้นมีอยู่โดยความ
เป็นใหญ่เป็นประธาน และเป็นที่อาศัยของอุปาทาย
รูป (ไม่มีดอก ผี(หลอกตัวเอง) มนุษย์ต่างโลกต่างดาว มีแต่ต่างด้าว
ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างความคิด ต่างความเชื่อ(ศาสนา เป็นเพียง สังขารธรรม กับ วิญญาณ..)
)(เป็น ดั่งหมอกกลายเป็นหยดน้ำค้างหลั่งลงดินเปียกไปทั่วถูกความร้อนแผดเผากลายเป็นไอระเหยขึ้นไปถูกลมพัดรวมตัวกันกลายเป็นเมฆมวลธาตุหนักกว่าแตกสลายกระจัดกระจายไปกลายเป็นเม็ดฝนตกลงมาอีก) บรรดาต้นไม้และสรรพสัตว์จึงถือกำเนิดขึ้นมา มีลมปราณO2แห่งชีวิต ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว อาศัยง้วนดินเป็นอาหาร(น้ำผสมขี้ดินแร่ธาตุดั้งเดิมทำให้ง้วนเหมือนน้ำนมสดเคี่ยวจนง้วนลอยหรือน้ำนมมารดา)ปั้นเป็นตัวขึ้น มีพืชและสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว ตัณหาจึงเกิดขึ้นอาศัยเพศ เป็นผู้สืบพันธุ์(ตัวอสุจิ)ปฐมกาล
3:15) เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อ
สายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะ
กระทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้า
ของท่านฟกช้ำ"
(Genesis 3:15) And I will put enmity between
thee and the woman, and between thy seed
and her seed; it shall bruise thy head, and
thou shalt bruise his heel.
ขยายเผ่าพันธุ์สัตว์โลกอันนอนเนื่องอยู่สิ้นกาลนานของสัตว์เหล่านั้น มีกรรมเป็นกำเนิด(เจ้าของแห่งกรรม)
อวิชชาย่อมเริ่มจากผู้แรกที่ตัวถือว่าคลอดมานั้น มารตัวแม่(เอวา หรือEve เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่มีชีวิต)
ดาบ่อเกิดแห่งอวิชชาตามมา) ที่รู้จักในความดีและความชั่วนั้น เองไม่ธรรมดา (จิตป่วนคือ ความตั้งจิตมั่น ไม่เป็นกลางไว้ถูกต้อง จะซ้ายหัน..ขวาหัน.. หรือที่ตรงหน้าดี) เดอะ .ลิงนั่นแหละ
ตถาคต.... ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา ซึ่งเเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดาของธรรมชาตินั้น ได้ทำหน้าที่ของขันธ์เช่นนั้นเอง จนกว่าจะหมดกิจคืนสู่สามัญ (ตราบธุลีดิน)
นธรรม ๒ ฝ่าย เมื่อมีทุกข์ก็ย่อมมีสุข เมื่อมีดีงามย่อมมีต่ำช้ามาก่อน 2/2+2:1 หรือ ข.เอ๋ย ขอไข่ ก.กอไก่ในเเล้า ฃ. ฃอฃวยของเรา ค. คอคนไถ่นา ง. งองูหัวเองเสียแต่เมื่อไร ตั้งแต่เกืดก็หาไม่ ว่าจะปรุ่งแต่งเป็นมาอย่างไร ก็ไปทางนั้น.(จะมีหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหาของเธอ ก็ตามทางนั้น ~>)
ต้นไม้นั้นแหละ ย่อมผลิดอก ออกผล โดยตัวเมันองย่อมไม่ผสมพันธุ์ได้ (เมื่อต้นไม้มีตัณหา อะไรจะเกิดขึ้น) เขาย่อมทำไร่ไถนา แล้วหว่านพืช และรักษาสวน เพื่อเลี้ยงชีพ แต่เขาจะ
เสวยผลแห่งต้นไมัที่มีพิษนั้นก็หาไม่ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า เป็นเหตุแห่งความสืบต่อของขันธ์ ชาติทุกข์ร่ำไป (ว่าเป็นพืชชนิดใดสายพันธุ์ไหนมีพิษหรือไม่มีพิษ) เป็นของหนักเน้อ อันนำมา
ซึ่งความ ฉิบทายทั้งปวง. นั้น เมื่อมีผู้เข้าไปเสวยแล้ว
ผัสสะจึงเกิดขึ้น(อารมณ์) ความรู้ดีและรู้ชั่วนั้นแหละ พิษของผลนั้น(ปลายเหตุ)เวทนาจึงเกิดขึ้น(สาวเหตุมาหาผล) (สำคัญว่ามี
ชีวะ(บุคคลแหละเ) เป็นช่อง ประทุษร้าย ทำลายล้างฆ่าเผ่าพันธุ์...กันเอง ยิว ...YHWH ถ้า...لِلَّهِ ก็.ตัวใคร
ตัวมันเถิด ยะถา....) ผลของบาปนั้น(คือไม่มีสามัญสำนึกและเกรงกลัว)ก็นำไปสู่ความตายไม่รู้....จบต่อไป.
الله
ส่วนมโนธาตุ ว่าโดยตามที่เกิดขึ้นพึงเห็นเหมือนการ
เที่ยวไปก่อน(เกิดก่อน) ( สัญญาเกิดก่อน)
และเที่ยวไปตาม (เกิดหลัง) (ดั่ง ญาณ
เกิดทีหลัง ก็เพราะสัญญาเกิดขึ้น ญาณจึงเกิดขึ้นได้.)
{มี 2 ทางเลือก
ตายก่อน... แก่ (เกิดก่อน) หรือแก่ก่อน... ตาย(เกิดหลัง)
กรณีที่ 2
เกิดก่อน... ตายเกิดหลัง(ไปก่อน...) หรือตายก่อน... เกิดหลัง(...ไปตาม) ไม่มีกฎความน่าจะเป็น....
เป็นไปไม่ได้...อะไร?} หมวยถึง ยุคอื่นเป็นมาแล้วอย่างไร ยุคนี้พวกไหนจะไป ที่ชอบๆก่อนกัน(คำสาปแช่งที่ไร้เหตุผลย่อมไม่มาเกาะเช่นเดียวกับนกที่กำลังโผไปมา และนกนางแอ่นกินรัง Edible-nest Swiftlets:Aerodramus fuciphagus
ที่บินออกไปหากินไม่ได้เกาะยึดสิ่งใดเลย ย่อมกลับไปยังตัวผู้นั้นเอง)(ตายรัง)
ของธาตุมีจักขุวิญญาณ (จักขุสัญญา )เป็นต้น ว่าโดยธรรมธาตุ
เวทนาขันธ์ พึงเห็นเหมือนลูกศรและหลาว สัญญา
และสังขารกยขันธ์ พึงเห็นเหมือนคนกระสับกระส่าย
ทุกข์เจียนตาย (ลูกไก่ในกำมือ)เพราะถูกลูกศรและหลาวหรือ ดาบ คือ ผู้นำดาบมาให้ (ถูกตรึงกางเขน เป็นตัน)
เวทนาเสียบแทง(หรือไม่มีอาวุธเช่น ขาดอากาศหายใจ เป็นต้น. อีกอย่างหนึ่ง สัญญา ของพวก
ปุถุชน พึงเห็นเหมือนกำมือเปล่าเพราะเกิดความหวัง
อันเป็นทุกข์ และเหมือนเนื้อป่าไม่ถือนิมิตตาม
ความเป็นจริง สังขารทั้งหลาย พึงเห็นเหมือนบุรุษ
โยนของใส่หลุมถ่านเพลิง .พราะการส่งจิตไปปฏิสนธิ
เป็นเหมือนพวกโจรถูกราชบุรุษติดตาม เพราะ การ
ติดตามของชาติทุกข์ (สังขาร ...หมายถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมวลรวมถึง สมภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ และเอกภพล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของใคร
หรือให้ยึดถือครอบาครองเป็นตัวเป็นตนนั้นแหละ .อนัตตา
และลพึงเห็นเหมือนเมล็ดพืชต้นไม้มีพิษนั้น เพราะเป็นเหตุแห่งความสืบต่อของขันธ์ (สืบทั้งตระกูลนั้นแหละ ไม่มีที่สิ้นสุด โลกย่อมมีจุดกำเนิด และจุดจบ แต่มนุษย์ไม่รู้. จบ)พันธุ์ไหนดีไม่ดี เปลืองทรัพยากร)) อันนำมาซึ่งความฉิบทายทั้งปวง. รูป พึงเห็นเหมือนจักรกรด เพราะเป็นเครื่องหมายของอุปัทวะมีนานาชนิด.
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน' และ `ผู้ใดด่าแช่งบิดามารดาของตน ผู้นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตาย
เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีบนแผ่นดินโลกนี้ นั้นแหละ ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูแลเจ้ามาตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเจ้าเติบใหญ่ อย่าทำให้พวกท่านหวังผิดอันเป็นทุกข์
ที่ได้เกิดเจ้ามาแล้วนั้น เพราะ เมื่อไม่มีบิดามารดา เจ้าจะไม่เกิดได้อย่างไร ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ นอกจากตนเอง
ว่าด้วยต้นไม้แห่งควมรู้ดีและรู้ชั่ว (the tree of knowledge of good and evil.)
มิใช่ไม่รู้ แต่รู้มากเสียด้วย
คนไม่รู้ ย่อมกระทำผิดแก้ไขได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่
แต่พวกคนที่รู้แล้ว ยังกระทำผิดซ้ำซากนี้แหละ ตัวปัญหา
ประเดี๋ยว
อย่างนี้ ประเดี๋ยว
อย่างนั้น
ประเดี๋ยว
อย่างโน้น ประเดี๋ยวอย่างอื่น
เริ่มแรกเดิมที่สมัยโลกยังว่างจากพระพุทธเจ้า(ตถาคต) ก็สมัยนั้นแล เป็นส่วนมาก คือนับไม่ถ้วน วิญญาณมีรัศมีเอง (ยังปรากฎอยู่.ก่อนอย่างผู้ที่มีใจนิ่งอันบริสุทธิ์ดีแล้วแลอยู่นั้น)
ผ่องใสเปล่งแสงได้ เคลื่อนไหวไปมาอย่างอิสระอำนาจทะลุทะลวงเชื่อมโยงกันเหมือนคลื่นสายสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน(สัมพันธภาพ)ในทุกแห่งหน ย่อมไม่ปรากกฎแก่มนุษย์ทั่วไปหรือจะทวดาชั้นไหนก็ตาม ดั่งอย่างก่อนจะมีหยดน้ำ ไอน้ำเกิดแรงดันรวมตัวกันมาเป็นหยดน้ำกลั่น บริสุทธิ์หรือไม่อยู่ที่สิ่งปนเปื้อนในอากาศและภาชนะ นั้น(ยังวิมานในอากาศ) ดิน น้ำ ไฟ และลม
ไม่อาจหยั่งถึงได้อันมหาภูตรูป 4
ไม่ถูกต้องแล้ว) เว้นจากอากาสานัญจายตนฌาน(เพ่งในอากาศไม่มีขอบเขตเป็นอารมณ์) จักขายตนญาณ (จุดโฟกัสผู้สังเกตุการณ์เป็นนิมิตหมาย อันเป็นไป) สัญญา หมายสำคัญรู้(เชิงสัญลักษณ์.... เป็น ดั่ง เงาติดตามตัวไป เช่น GPS หรือลมใคร่จะพัดไปข้างไหนก็พัดไปข้างนั้น และท่านได้เห็นต้นไม้ไหวนั้น แต่ท่านไม่รู้ว่าลมมาจากไหนและไปที่ไหน และก๊าซในอากาศตาท่านมองไม่เห็นว่าธาตุตัวใด หรือตัวความร้อน อุ่น หนาว เย็น กระแสไฟฟ้าเป็นต้น แต่กระทบสัมผัสได้ เปรียบเหมือนเส้นผมบังภูเขา
ก็ที่เป็นต้นไม้สัมผัสได้เหมือนกัน รู้หน้าที่ทำตามรหัสสายพันธุกรรมของมันเช่นนั้นเอง แต่ไม่มีตัณหา แค่เดินวิ่งเหาะจับผสมพันธุ์ในตัวผู้ตัวเมียเองไมได้เท่านั้นเอง เข้าถึงอยู่สหาย)
มิใช่ตัวตน โลกโคจรมาแล้วอาศัย
มหาภูตรูป 4 ซึ่งเป็นสภาพที่เกิดขึ้นมีอยู่โดยความ
เป็นใหญ่เป็นประธาน และเป็นที่อาศัยของอุปาทาย
รูป (ไม่มีดอก ผี(หลอกตัวเอง) มนุษย์ต่างโลกต่างดาว มีแต่ต่างด้าว
ต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ต่างความคิด ต่างความเชื่อ(ศาสนา เป็นเพียง สังขารธรรม กับ วิญญาณ..)
)(เป็น ดั่งหมอกกลายเป็นหยดน้ำค้างหลั่งลงดินเปียกไปทั่วถูกความร้อนแผดเผากลายเป็นไอระเหยขึ้นไปถูกลมพัดรวมตัวกันกลายเป็นเมฆมวลธาตุหนักกว่าแตกสลายกระจัดกระจายไปกลายเป็นเม็ดฝนตกลงมาอีก) บรรดาต้นไม้และสรรพสัตว์จึงถือกำเนิดขึ้นมา มีลมปราณO2แห่งชีวิต ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว อาศัยง้วนดินเป็นอาหาร(น้ำผสมขี้ดินแร่ธาตุดั้งเดิมทำให้ง้วนเหมือนน้ำนมสดเคี่ยวจนง้วนลอยหรือน้ำนมมารดา)ปั้นเป็นตัวขึ้น มีพืชและสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นแล้ว ตัณหาจึงเกิดขึ้นอาศัยเพศ เป็นผู้สืบพันธุ์(ตัวอสุจิ)ปฐมกาล
3:15) เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นปฏิปักษ์กัน ทั้งเชื้อ
สายของเจ้ากับเชื้อสายของนาง เชื้อสายของนางจะ
กระทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะกระทำให้ส้นเท้า
ของท่านฟกช้ำ"
(Genesis 3:15) And I will put enmity between
thee and the woman, and between thy seed
and her seed; it shall bruise thy head, and
thou shalt bruise his heel.
ขยายเผ่าพันธุ์สัตว์โลกอันนอนเนื่องอยู่สิ้นกาลนานของสัตว์เหล่านั้น มีกรรมเป็นกำเนิด(เจ้าของแห่งกรรม)
อวิชชาย่อมเริ่มจากผู้แรกที่ตัวถือว่าคลอดมานั้น มารตัวแม่(เอวา หรือEve เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่มีชีวิต)
ดาบ่อเกิดแห่งอวิชชาตามมา) ที่รู้จักในความดีและความชั่วนั้น เองไม่ธรรมดา (จิตป่วนคือ ความตั้งจิตมั่น ไม่เป็นกลางไว้ถูกต้อง จะซ้ายหัน..ขวาหัน.. หรือที่ตรงหน้าดี) เดอะ .ลิงนั่นแหละ
ตถาคต.... ธรรมธาตุนั้น ย่อมตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว คือความตั้งอยู่แห่งธรรมดา ซึ่งเเป็นกฎตายตัวแห่งธรรมดาของธรรมชาตินั้น ได้ทำหน้าที่ของขันธ์เช่นนั้นเอง จนกว่าจะหมดกิจคืนสู่สามัญ (ตราบธุลีดิน)
นธรรม ๒ ฝ่าย เมื่อมีทุกข์ก็ย่อมมีสุข เมื่อมีดีงามย่อมมีต่ำช้ามาก่อน 2/2+2:1 หรือ ข.เอ๋ย ขอไข่ ก.กอไก่ในเเล้า ฃ. ฃอฃวยของเรา ค. คอคนไถ่นา ง. งองูหัวเองเสียแต่เมื่อไร ตั้งแต่เกืดก็หาไม่ ว่าจะปรุ่งแต่งเป็นมาอย่างไร ก็ไปทางนั้น.(จะมีหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหาของเธอ ก็ตามทางนั้น ~>)
ต้นไม้นั้นแหละ ย่อมผลิดอก ออกผล โดยตัวเมันองย่อมไม่ผสมพันธุ์ได้ (เมื่อต้นไม้มีตัณหา อะไรจะเกิดขึ้น) เขาย่อมทำไร่ไถนา แล้วหว่านพืช และรักษาสวน เพื่อเลี้ยงชีพ แต่เขาจะ
เสวยผลแห่งต้นไมัที่มีพิษนั้นก็หาไม่ เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า เป็นเหตุแห่งความสืบต่อของขันธ์ ชาติทุกข์ร่ำไป (ว่าเป็นพืชชนิดใดสายพันธุ์ไหนมีพิษหรือไม่มีพิษ) เป็นของหนักเน้อ อันนำมา
ซึ่งความ ฉิบทายทั้งปวง. นั้น เมื่อมีผู้เข้าไปเสวยแล้ว
ผัสสะจึงเกิดขึ้น(อารมณ์) ความรู้ดีและรู้ชั่วนั้นแหละ พิษของผลนั้น(ปลายเหตุ)เวทนาจึงเกิดขึ้น(สาวเหตุมาหาผล) (สำคัญว่ามี
ชีวะ(บุคคลแหละเ) เป็นช่อง ประทุษร้าย ทำลายล้างฆ่าเผ่าพันธุ์...กันเอง ยิว ...YHWH ถ้า...لِلَّهِ ก็.ตัวใคร
ตัวมันเถิด ยะถา....) ผลของบาปนั้น(คือไม่มีสามัญสำนึกและเกรงกลัว)ก็นำไปสู่ความตายไม่รู้....จบต่อไป.
الله
ส่วนมโนธาตุ ว่าโดยตามที่เกิดขึ้นพึงเห็นเหมือนการ
เที่ยวไปก่อน(เกิดก่อน) ( สัญญาเกิดก่อน)
และเที่ยวไปตาม (เกิดหลัง) (ดั่ง ญาณ
เกิดทีหลัง ก็เพราะสัญญาเกิดขึ้น ญาณจึงเกิดขึ้นได้.)
{มี 2 ทางเลือก
ตายก่อน... แก่ (เกิดก่อน) หรือแก่ก่อน... ตาย(เกิดหลัง)
กรณีที่ 2
เกิดก่อน... ตายเกิดหลัง(ไปก่อน...) หรือตายก่อน... เกิดหลัง(...ไปตาม) ไม่มีกฎความน่าจะเป็น....
เป็นไปไม่ได้...อะไร?} หมวยถึง ยุคอื่นเป็นมาแล้วอย่างไร ยุคนี้พวกไหนจะไป ที่ชอบๆก่อนกัน(คำสาปแช่งที่ไร้เหตุผลย่อมไม่มาเกาะเช่นเดียวกับนกที่กำลังโผไปมา และนกนางแอ่นกินรัง Edible-nest Swiftlets:Aerodramus fuciphagus
ที่บินออกไปหากินไม่ได้เกาะยึดสิ่งใดเลย ย่อมกลับไปยังตัวผู้นั้นเอง)(ตายรัง)
ของธาตุมีจักขุวิญญาณ (จักขุสัญญา )เป็นต้น ว่าโดยธรรมธาตุ
เวทนาขันธ์ พึงเห็นเหมือนลูกศรและหลาว สัญญา
และสังขารกยขันธ์ พึงเห็นเหมือนคนกระสับกระส่าย
ทุกข์เจียนตาย (ลูกไก่ในกำมือ)เพราะถูกลูกศรและหลาวหรือ ดาบ คือ ผู้นำดาบมาให้ (ถูกตรึงกางเขน เป็นตัน)
เวทนาเสียบแทง(หรือไม่มีอาวุธเช่น ขาดอากาศหายใจ เป็นต้น. อีกอย่างหนึ่ง สัญญา ของพวก
ปุถุชน พึงเห็นเหมือนกำมือเปล่าเพราะเกิดความหวัง
อันเป็นทุกข์ และเหมือนเนื้อป่าไม่ถือนิมิตตาม
ความเป็นจริง สังขารทั้งหลาย พึงเห็นเหมือนบุรุษ
โยนของใส่หลุมถ่านเพลิง .พราะการส่งจิตไปปฏิสนธิ
เป็นเหมือนพวกโจรถูกราชบุรุษติดตาม เพราะ การ
ติดตามของชาติทุกข์ (สังขาร ...หมายถึงสิ่งที่ถูกปรุงแต่งสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งมวลรวมถึง สมภพ กามภพ รูปภพ อรูปภพ และเอกภพล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนของใคร
หรือให้ยึดถือครอบาครองเป็นตัวเป็นตนนั้นแหละ .อนัตตา
และลพึงเห็นเหมือนเมล็ดพืชต้นไม้มีพิษนั้น เพราะเป็นเหตุแห่งความสืบต่อของขันธ์ (สืบทั้งตระกูลนั้นแหละ ไม่มีที่สิ้นสุด โลกย่อมมีจุดกำเนิด และจุดจบ แต่มนุษย์ไม่รู้. จบ)พันธุ์ไหนดีไม่ดี เปลืองทรัพยากร)) อันนำมาซึ่งความฉิบทายทั้งปวง. รูป พึงเห็นเหมือนจักรกรด เพราะเป็นเครื่องหมายของอุปัทวะมีนานาชนิด.
จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน' และ `ผู้ใดด่าแช่งบิดามารดาของตน ผู้นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตาย
เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และเจ้าจะไปดีมาดีบนแผ่นดินโลกนี้ นั้นแหละ ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูแลเจ้ามาตั้งแต่ตั้งครรภ์จนเจ้าเติบใหญ่ อย่าทำให้พวกท่านหวังผิดอันเป็นทุกข์
ที่ได้เกิดเจ้ามาแล้วนั้น เพราะ เมื่อไม่มีบิดามารดา เจ้าจะไม่เกิดได้อย่างไร ไม่มีใครช่วยเจ้าได้ นอกจากตนเอง