สวัสดีค่ะ คือตอนนี้ขอเล่าปัญหาของตัวเองก่อน ตอนนี้เป็นวัยรุ่น กำลังเรียนอยู่ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมจึงหางานพาร์ทไทม์ทำ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการกินยาแก้ปวด 10 เม็ดพร้อมกัน กับน้ำอัดลม
ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ อาศัยอยู่กับป้า และ ญาติ ๆ ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าตัวเองเป็นคนร่าเริงแจ่มใส หัวเราะ บ่อย ไม่ได้มีภาวะเครียดหรือวิตกกังวลใด ๆ ทุกๆ วันตอนเช้าจะตื่นมาช่วยที่บ้านทำอาหารเช้ากินกันเสมอ ๆ อาจจะเช้า บ้าง สายบ้าง คละ ๆ กันไป เพราะค่อนข้างเหนื่อยกับการทำงานงานพาร์ทไทม์ เพราะถึงขั้นว่าเป็นงานที่หนักใช้ได้ทีเดียว บางวันก็ปวดหัว ปวดเอวบ้าง แต่ไม่ได้บอกที่บ้านเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง มีบางครั้งเผลอหลุดปากบ่น ๆ ไป แต่ก็ไม่ได้ระบายทีเดียวเก็บๆ ไว้บ้าง การที่อยู่บ้านเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุด ชอบการอยู่บ้านมาก ๆ แต่มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้รู้สึกว่า บ้านเป็นอะไรที่โคตรแย่ ไม่มีใครเข้าใจ
อย่างที่บอกไปว่าอาศัยอยู่กับป้า ป้าเป็นคนที่ค่อนข้างมีความรับผิดชอบ ซึ่งต่างจากตัวเราเองมาก ๆ ป้าชอบบอกให้ลงมาช่วยที่บ้านบ้างตอนเช้า ซึ่งเอาจริง ๆ ทุกๆเช้าก็ลงมาช่วยที่บ้านอยู่แล้ว แต่อาจสายไปบ้าง แต่จะโดนบ่นอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ป้ากำหนดเวลาให้ตื่นแล้วไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้
ซึ่งนี่เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า มันต้องขนาดนนั้นเลยหรอ มันจำเป็นต้องตึงขนาดนั้นเลยหรอ นี่มันปิดเทอมนะ อะไรประมานนี้
ต่อเนื่องจากการตื่นสายวันไหนที่ป้ารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ใช่ ป้าจะชอบเรียกเราไปนั่งคุยกันสองคนในทำนองสอนแล้วให้เราคิดตาม แต่มันไม่ได้ทำให้เราคิดตามเลย มันกลับทำให้เรารู้สึกอึดอัดมาก ๆ เราไม่สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบอกได้ เดี๋ยวโดนด่าว่าเถียง เราก็ได้แต่นั่งฟังบ้าง เถียงบ้าง เพราะบางเรื่องนี่ทนไม่ได้จริง ๆ เข้าใจว่าป้าอาจเป็นห่วงอยากให้เป็นเด็กมีความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ ซึ่งนั้นก็ต้องขอบคุณป้ามาก ๆ แต่การที่ป้าสอนวนเวียนจำเจ เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เราไม่ชอบการนั่งสอนกันสองคน เราไม่ชอบการนั่งพูดอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ สมมุติ 10 วัน ที่เราตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าให้ แต่วันที่ 11 เป็นวันที่เราค่อนข้างไม่ไหว ป้าก็จะเรียกไปนั่งสอนแล้วพูดว่า ทำไมไม่มีความรับผิดชอบ นู้นนั้นนี่ เราก็จะพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า เราทำมาตั้งเยอะทำไมมามองที่เราทำแย่วันเดียว เราทำแย่วันเดียวไม่ได้ว่าเราไม่ได้ตื่นลงมาช่วยนะ แต่เราแค่ตื่นสาย เราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมากดดันอะไรแบบนี้ เรารู้สึกเครียดมาก ๆ มันขัดใจทุกอย่าง มันไม่ใช่สองสามครั้ง การเรียกไปคุยไม่ว่าเราทำไรผิด ต้องเจอวิธีนี้เสมอ เราค่อนข้างไปทางรำคาญ เราเริ่มต่อต้าน เพราะเรารู้สึกว่า มันไม่ใช่ ป้าไม่ได้สร้างความสัมพันธ์อื่น ๆ กับเรา ไม่ได้มีความรัก ความห่วงใยให้กัน เราไม่รู้ป้าคิดแบบไหน แต่สิ่งที่เราเห็น และ รับรู้คือ ทุกครั้งที่เราทำผิดป้าจะต้องเรียกไปคุยเสมอ ๆ ไม่เคยมีความห่วงใย หรือแคร์อะไร มีแต่เรียกไปคุย นี่คือสิ่งที่เรารับรู้ ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับป้า ฝ่ายญาติชอบบังคับให้เราไปขอโทษ เราขอโทษทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เราแค่ตื่นสาย ตื่นสายคือ 8.30 ปกติ 7.00-8.00 เราไม่ได้มีแฟน เราไม่ติดยา เราไม่ได้ติดเกมส์ เราไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่เราตื่นสายเพราะเราเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ แต่เราต้องไปขอโทษป้า โดยเหตุผลที่ว่าป้าจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียนให้เรา เราจึงอ่อนน้อมถ่อมตน เราทนได้นานมาก ๆ เมื่อตอนเด็ก ๆ เราเคยแอบกินเหล้ากับเพื่อน ด้วยความอยากรู้อยากลอง เราโดนตบเลือดออกที่ปากด้านขวา ต่อมา เราไม่เชื่อฟังคนในบ้าน ป้าจึงเรียกเราไปคุยแล้วทำการทำร้ายร่างกายเรา เพราะตอนเป็นเด็กเรากลัวป้ามาก เราร้องไห้ ป้าตีเราเพราะไม่อยากให้เราร้องไห้เสียงดัง นั้นเป็นเหตุการณ์ฝังใจของเรา เราคิดว่าเราอยากโตมาเป็นคนที่มีความคิดใหม่ ๆ เราอยากสร้างนู่นนี่นั้น เราอยากทำอะไรนอกกรอบ แต่ป้าชอบสร้างกรอบ แล้วคอยชี้นำทางเรา ซึ่งมันไม่ใช่ เราคิดว่าตอนนี้เราโตแล้ว เราโตพอที่จะหางานทำ แต่เราอาจไม่โตพอที่จะอยู่นอกบ้านคนเดียวได้ ตอนนี้เราเครียดมาก เราไม่รู้ว่าเราจะเจอสถานการณ์แบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ ยอมรับว่ากลัวมากจริง ๆ แต่ต้องทำเป็นไม่กลัว ต้องทำเป็นเข้มแข็งหลายครั้งที่ร้องไห้ แต่ต้องพยายามกลั้นไม่ให้มีน้ำไหลออกมา พยายามไม่ให้มีเสียงออกมา ถึงโดนด่าบ่อย ๆ ทุกครั้งก็จะยิ้มแล้วทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรแต่ในจนี่ไม่ไหวแล้ว อยากร้องไห้ แล้วตะโกนว่า กูไม่ไหวแล้ว ไอ
แต่ก็ทำได้แค่ในใจ เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอยู่ดี
ปัจจุบันเราไม่อยากกลับบ้าน เราไม่อยากคุยกับใคร เราไม่อยากพูดอะไรมาก เราไม่อยากเจอคนในบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป เรารู้สึกว่ากำแพงความอดทนค่อย ๆ หมดไป จนเราคิดว่ามันไปแล้ว ก็วันที่เรากินยาพารา 10 เม็ด กับน้ำอัดลม เราหวังให้ตายแบบไม่ทรมาน เราอยากตายให้จบ ๆ ไป เราไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว เราอยากนอน ไปนาน ๆ สิ่งที่เราทำเราไม่หวังให้ใครมาสนใจ เราแค่เหนื่อย อี
ยย ปล่อยกูไปเถอะ อย่าทรมานกูเลย ปล่อยกูไป นี่คือสิ่งที่คิดเสมอ บางคนอาจคิดว่าบ้าเปล่าเรื่องแค่นี้จะตายเลยหรอ รับไม่ได้ขนาดนนั้นเลยหรอ ใช่ เป็นอะไรที่โคตรรับไม่ได้ มันอยู่ยากมาก ใจมันไม่อยากอยู่มันคิดจะไป มันอึดอัด ทุกอย่างดูแย่ สภาพจิตใจก็แย่ อะไรก็แย่ไปหมด แต่โชคร้ายขนาดอยากตาย ตอนนี้ยังไม่ตายเลย ไม่รู้ว่าจะขนาดไหนกับโชคชะตา ขอคำปรึกษาหน่อยว่าควรไงดีกับชีวิตขอเราที่มีสภาพแวดล้อมแบบนี้
อยากตายเพราะทะเลาะกับที่บ้าน
ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ อาศัยอยู่กับป้า และ ญาติ ๆ ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่าตัวเองเป็นคนร่าเริงแจ่มใส หัวเราะ บ่อย ไม่ได้มีภาวะเครียดหรือวิตกกังวลใด ๆ ทุกๆ วันตอนเช้าจะตื่นมาช่วยที่บ้านทำอาหารเช้ากินกันเสมอ ๆ อาจจะเช้า บ้าง สายบ้าง คละ ๆ กันไป เพราะค่อนข้างเหนื่อยกับการทำงานงานพาร์ทไทม์ เพราะถึงขั้นว่าเป็นงานที่หนักใช้ได้ทีเดียว บางวันก็ปวดหัว ปวดเอวบ้าง แต่ไม่ได้บอกที่บ้านเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง มีบางครั้งเผลอหลุดปากบ่น ๆ ไป แต่ก็ไม่ได้ระบายทีเดียวเก็บๆ ไว้บ้าง การที่อยู่บ้านเป็นเรื่องที่วิเศษที่สุด ชอบการอยู่บ้านมาก ๆ แต่มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้รู้สึกว่า บ้านเป็นอะไรที่โคตรแย่ ไม่มีใครเข้าใจ
อย่างที่บอกไปว่าอาศัยอยู่กับป้า ป้าเป็นคนที่ค่อนข้างมีความรับผิดชอบ ซึ่งต่างจากตัวเราเองมาก ๆ ป้าชอบบอกให้ลงมาช่วยที่บ้านบ้างตอนเช้า ซึ่งเอาจริง ๆ ทุกๆเช้าก็ลงมาช่วยที่บ้านอยู่แล้ว แต่อาจสายไปบ้าง แต่จะโดนบ่นอยู่บ่อยครั้งเวลาที่ป้ากำหนดเวลาให้ตื่นแล้วไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้
ซึ่งนี่เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่า มันต้องขนาดนนั้นเลยหรอ มันจำเป็นต้องตึงขนาดนั้นเลยหรอ นี่มันปิดเทอมนะ อะไรประมานนี้
ต่อเนื่องจากการตื่นสายวันไหนที่ป้ารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ใช่ ป้าจะชอบเรียกเราไปนั่งคุยกันสองคนในทำนองสอนแล้วให้เราคิดตาม แต่มันไม่ได้ทำให้เราคิดตามเลย มันกลับทำให้เรารู้สึกอึดอัดมาก ๆ เราไม่สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะบอกได้ เดี๋ยวโดนด่าว่าเถียง เราก็ได้แต่นั่งฟังบ้าง เถียงบ้าง เพราะบางเรื่องนี่ทนไม่ได้จริง ๆ เข้าใจว่าป้าอาจเป็นห่วงอยากให้เป็นเด็กมีความรับผิดชอบให้มากกว่านี้ ซึ่งนั้นก็ต้องขอบคุณป้ามาก ๆ แต่การที่ป้าสอนวนเวียนจำเจ เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เราไม่ชอบการนั่งสอนกันสองคน เราไม่ชอบการนั่งพูดอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ สมมุติ 10 วัน ที่เราตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าให้ แต่วันที่ 11 เป็นวันที่เราค่อนข้างไม่ไหว ป้าก็จะเรียกไปนั่งสอนแล้วพูดว่า ทำไมไม่มีความรับผิดชอบ นู้นนั้นนี่ เราก็จะพูดอยู่เสมอ ๆ ว่า เราทำมาตั้งเยอะทำไมมามองที่เราทำแย่วันเดียว เราทำแย่วันเดียวไม่ได้ว่าเราไม่ได้ตื่นลงมาช่วยนะ แต่เราแค่ตื่นสาย เราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องมากดดันอะไรแบบนี้ เรารู้สึกเครียดมาก ๆ มันขัดใจทุกอย่าง มันไม่ใช่สองสามครั้ง การเรียกไปคุยไม่ว่าเราทำไรผิด ต้องเจอวิธีนี้เสมอ เราค่อนข้างไปทางรำคาญ เราเริ่มต่อต้าน เพราะเรารู้สึกว่า มันไม่ใช่ ป้าไม่ได้สร้างความสัมพันธ์อื่น ๆ กับเรา ไม่ได้มีความรัก ความห่วงใยให้กัน เราไม่รู้ป้าคิดแบบไหน แต่สิ่งที่เราเห็น และ รับรู้คือ ทุกครั้งที่เราทำผิดป้าจะต้องเรียกไปคุยเสมอ ๆ ไม่เคยมีความห่วงใย หรือแคร์อะไร มีแต่เรียกไปคุย นี่คือสิ่งที่เรารับรู้ ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับป้า ฝ่ายญาติชอบบังคับให้เราไปขอโทษ เราขอโทษทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร เราแค่ตื่นสาย ตื่นสายคือ 8.30 ปกติ 7.00-8.00 เราไม่ได้มีแฟน เราไม่ติดยา เราไม่ได้ติดเกมส์ เราไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่เราตื่นสายเพราะเราเหนื่อยจากการทำงานพาร์ทไทม์ แต่เราต้องไปขอโทษป้า โดยเหตุผลที่ว่าป้าจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียนให้เรา เราจึงอ่อนน้อมถ่อมตน เราทนได้นานมาก ๆ เมื่อตอนเด็ก ๆ เราเคยแอบกินเหล้ากับเพื่อน ด้วยความอยากรู้อยากลอง เราโดนตบเลือดออกที่ปากด้านขวา ต่อมา เราไม่เชื่อฟังคนในบ้าน ป้าจึงเรียกเราไปคุยแล้วทำการทำร้ายร่างกายเรา เพราะตอนเป็นเด็กเรากลัวป้ามาก เราร้องไห้ ป้าตีเราเพราะไม่อยากให้เราร้องไห้เสียงดัง นั้นเป็นเหตุการณ์ฝังใจของเรา เราคิดว่าเราอยากโตมาเป็นคนที่มีความคิดใหม่ ๆ เราอยากสร้างนู่นนี่นั้น เราอยากทำอะไรนอกกรอบ แต่ป้าชอบสร้างกรอบ แล้วคอยชี้นำทางเรา ซึ่งมันไม่ใช่ เราคิดว่าตอนนี้เราโตแล้ว เราโตพอที่จะหางานทำ แต่เราอาจไม่โตพอที่จะอยู่นอกบ้านคนเดียวได้ ตอนนี้เราเครียดมาก เราไม่รู้ว่าเราจะเจอสถานการณ์แบบนี้ไปอีกเมื่อไหร่ ยอมรับว่ากลัวมากจริง ๆ แต่ต้องทำเป็นไม่กลัว ต้องทำเป็นเข้มแข็งหลายครั้งที่ร้องไห้ แต่ต้องพยายามกลั้นไม่ให้มีน้ำไหลออกมา พยายามไม่ให้มีเสียงออกมา ถึงโดนด่าบ่อย ๆ ทุกครั้งก็จะยิ้มแล้วทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรแต่ในจนี่ไม่ไหวแล้ว อยากร้องไห้ แล้วตะโกนว่า กูไม่ไหวแล้ว ไอ แต่ก็ทำได้แค่ในใจ เพราะสุดท้ายแล้ว เราก็ต้องเป็นฝ่ายขอโทษอยู่ดี
ปัจจุบันเราไม่อยากกลับบ้าน เราไม่อยากคุยกับใคร เราไม่อยากพูดอะไรมาก เราไม่อยากเจอคนในบ้าน ทุกอย่างเปลี่ยนไป เรารู้สึกว่ากำแพงความอดทนค่อย ๆ หมดไป จนเราคิดว่ามันไปแล้ว ก็วันที่เรากินยาพารา 10 เม็ด กับน้ำอัดลม เราหวังให้ตายแบบไม่ทรมาน เราอยากตายให้จบ ๆ ไป เราไม่อยากเห็นอะไรแบบนี้อีกแล้ว เราอยากนอน ไปนาน ๆ สิ่งที่เราทำเราไม่หวังให้ใครมาสนใจ เราแค่เหนื่อย อี ยย ปล่อยกูไปเถอะ อย่าทรมานกูเลย ปล่อยกูไป นี่คือสิ่งที่คิดเสมอ บางคนอาจคิดว่าบ้าเปล่าเรื่องแค่นี้จะตายเลยหรอ รับไม่ได้ขนาดนนั้นเลยหรอ ใช่ เป็นอะไรที่โคตรรับไม่ได้ มันอยู่ยากมาก ใจมันไม่อยากอยู่มันคิดจะไป มันอึดอัด ทุกอย่างดูแย่ สภาพจิตใจก็แย่ อะไรก็แย่ไปหมด แต่โชคร้ายขนาดอยากตาย ตอนนี้ยังไม่ตายเลย ไม่รู้ว่าจะขนาดไหนกับโชคชะตา ขอคำปรึกษาหน่อยว่าควรไงดีกับชีวิตขอเราที่มีสภาพแวดล้อมแบบนี้