รีวิวลดน้ำหนักจากกะเทยควาย 98 เหลือ 58 ในวันนี้

สวัสดีครับแนะนำตัวก่อน ชื่อเจครับ อายุตอนนี้ 23 แล้ว เรียนอยู่ปี 4 มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เหตุผลที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะมีเพื่อนสมัยประถมแล้วก็มัธยมแอดมาทักในเฟสเยอะมากว่าใช่เจหรือเปล่าโน่นนี่นั่น เพราะว่าเปลี่ยนไปเยอะมาก กระทู้เก่าที่เคยลงรีวิวไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วบอกแค่การลดน้ำหนักอย่างเดียวแต่ในกระทู้นี้จะบอกถึงวิธีการกินในแต่ละวันด้วย ซึ่งก็ทรมานเหมือนกันการลดช่วงแรกๆเหมือนกันและขี้เกียจอธิบายให้เพื่อนฟังทีละครเลยมาตั้งไว้ในนี้ให้มันมาอ่านเองดีกว่า รวมถึงคนอื่นด้วยนะครับ ถือว่าเป็นวิทยาทานและแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากลดความอ้วนแบบจริงๆจังก็แล้วกันนะครับ รู้จักกันพอสมควรละเริ่มกันเลยดีกว่า
ย้อนไปเมื่อประมาณ ม.3 ยังเป็นตุ๊ดหัวโปกกระโหลกไฝว้ตวามกรี๊ดกร๊าดรุ่นพี่ในโรงเรียนก็ต้องมีแน่นอนและนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง วันนึงไปกินหมูกะทะกับเพื่อนฉลองจนม.3  แล้วตรงข้ามร้านนั้นจะเป็นโรงเรียนหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาครซึ่งสายตาอีตุ๊ดเด็กคนนี้ละเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนึงโคตรหล่อ สูง 180 กว่า ขาว หล่อ หน้าคมมาก ตรงสเป็คสุดๆ ขอใช้ชื่อว่าพี่ อ.อ่าง ละกัน ซึ่งแตกต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง >>> คิดภาพไม่ออกละสิไปดูรูปข้างล่างกันเลอ !!!


ในรูปที่เห็นด้านบนนั้นน้ำหนักเท่าที่จำได้น่าจะประมาณ 80  ซึ่งก็เป็นตุ๊ดหัวโปกคนนึงโดยสภาพเนี้ยไปแอบชอบผู้ชายต่างโรงเรียนที่เพอเฟคด้านรุปลักษณ์หน้าตาถามเขาว่าเขาจะเอาไหม คำตอบคือ "หึ"
แต่แล้วก็เหมือนมันต้องมีอะไรทำให้มาเจอกันอีกครั้ง ตัวเจเองเรียนต่อที่เดิมในชั้มม.4 และวันนึงตอนเข้าแถวเราก็ได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกหน้าเสาธงซึ่งนางเรียนที่เดียวกันจ้า แต่นางเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนวันนั้นที่เจอหน้าร้านหมูกะทะนางเคยเรียนม.ต้นที่โรงเรียนเก่าแล้วกลับไปในหาเฉยๆ พรมลิขิตชัด (เหรอ) ไม่รู้เป็นเรื่องบังเอิญหรืออะไรเพื่อนชะนีในแก๊งคนนึงนางก็ดันไปเป็นเพื่อนกับพี่ในกลุ่มคนที่เจแอบชอบ ทุกๆวันเวลาพักกลางวันก็จะตามเพื่อนไปด้วยไป ไปแอบมองเขาอยู่ทุกวันแล้วรุ่นพี่ในกลุ่มนั้นก็จะแซวเจกับพี่ อ.อ่างว่า เอ้ย อ.อ่างเมียมาหาวะ โน่นนี่นั่นตัวพี่แกเองก็ไม่ได้มีปฏิกริยาแต่อย่างใด แต่เรานี่ดิเขินตัวกลมละ ก็แอบชอบเรื่อยมามาตั้งแต่ที่เรียนจบจนม.3กระทั่งม.6 รวมๆแล้วก็ใช้เวลาในการแอบชอบแอบรักและแอบส่งของไปให้เขาในตอนกลางวันอยู่ 4 ปี และเช่นเดิม 4 ปีที่เปลี่ยนไปเจก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เปลี่ยนไปในทางที่แย่นะ ดูรูปข้างล่างเลอ 55555


ซึ่งน้ำหนักสุทธิในตอนนั้นคือ 98 กิโลกรัมบางวันไม่ได้ขี้ก็น้ำหนักเข้า 100 กิโลกรัมตอนนั้นเจกินทุกอย่างที่ขวางหน้าตลอด 4 ปีตอนเช้ากินข้าวมันไก่ก่อนไปโรงเรียน กลางวันซัดข้าวราดแกง 2 จาน ตอนเย็นกลับมาผัดไทอีก 1 ห่อ และตามด้วยน้ำหวาน 1 ถุง ตกดึกก็เอาอีกมื้อซึ่งแม่ก็ตามใจปากมาก และในตอนนั้นก็ได้รับฉายา คำด่าและคำดูถูกจากเพื่อนฝูง อาทิ กะเทยควาย คางคกพันปี ผีไม่มีญาติ ซึ่งเราก็คุ้นชินกับคำพูดต่างๆเหล่านี้เพราะมันก็เหมือนเป็นการแซวเล่นๆขำๆกันธรรมดา แต่ถามในใจชอบไหม ถามทุกคนก็คงจะตอบว่าไม่เหมือนกัน
แต่ !!!!!!!!!!!!!!!!!! มันมาสะดุดกับคำพูดของคนคนนึงที่ทำให้เจเกิดการเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตนี่สิ นั่นก็คือบุคคลที่เจแอบชอบมานานถึง 4 ปี นั่นก็คือพี่ อ.อ่างนั่น วันนั้นเป็นวันแรกที่ทำให้ตัวเองหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เรื่องมีอยู่ว่า ในโรงเรียนมัธยมคนที่เป็นตุ๊ดกับเกย์ มักจะโดนเหมารวมกันว่าเป็นกะเทยซึ่งมันไม่ใช่ เวลาเราเข้าห้องน้ำเราก็มักจะไปกับเพื่อนผู้หญิงและเข้าห้องน้ำผู้หญิง ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากสำหรับตุ๊ด เกย์ กะเทยในช่วงนั้น เราก็ทำธุระส่วนตัวอยู่และได้ยินเสียงเพื่อนเราพูดขึ้นมาว่า "พี่อ.อ่างเจคิดถึงอะ" ซึ่งตอนนั้นเราก็แอบยิ้มและรู้สึกแต้งกิ้วเพื่อนมากทำดีมากเพื่อน แต่คำตอบกลับสำหับพี่อ.อ่าง.นั้นตอบกลับมามันทำให้อึ้งสุดๆ นางตอบกลับมาว่า "อ๋อ อีกะเทยควายนั่นน่ะเหรอ" <<< แอบชอบมา 4 ปี เป็นใครใครก็อึ้ง อยู่ต่อหน้าก็ทำเป็นนิ่งๆแต่ลับหลังเราเขากลับพูดแบบนี้กับเราคงนึกว่าเราไม่ได้ยิน จากที่แอบชอบมันไม่ได้เกลียดเขานะแต่มันกลายเป็นอยากเอาชนะเขามากกว่า และวันนั้นก็คือจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งสำคัญ และไม่อยากให้ทุกคนทำตามในช่วงแรกเพราะมันคือการหักโหมตัวเองและเป็นการฆ่าตัวเองทางตรงชัดๆ ใครใจไม่เด็ดพออาจจะตายได้ เริ่ม !!! ขอแบ่งการคุมอาหารและออกกำลังเป็น 3 ช่วงนะครับ
เริ่มเดือนที่ 1 ผมเริ่มกินไข่ต้ม 1 ฟอง และไม่กินอะไรอีกเลยทั้งวัน กลับมาบ้านกินน้ำวันละครึ่งแกลอน เพื่อขับถ่ายและฉี่ + อุจจาระบ่อยๆก
เริ่มเดือนที่ 2 ผมก็ทำเหมือนจากเดือนแรก แต่เพิ่มการออกกำลังกายโดยการกระโดดตบในห้องน้ำ วันแรก 50 ครั้งและเพิ่มไปเรื่อยๆวันละ 20 ครั้ง แตะเท้าสลับครึ่งนึงของการกระโดดตบต่อวัน บิดไปบิดมาให้ครบ 1 ชั่วโมงต่อวัน เวลาที่ผมออกกำลังกายคือเวลา 17.00 - 18.00 ในห้องน้ำเท่านั้นเพราะอากาศเวลานี้มันจะเริ่มอบอ้าว <<< จิตวิทยาล้วนๆ และทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติ
ปล.เดือนที่1และเดือนที่2 ที่ผมกินผมไม่แนะนำให้กินแบบนี้นะครับนอกจากจะทำร้ายตัวเองมากๆแล้ว ยังอ่อนเพลียอีกด้วย เคยเป็นลมคาบ้านอตัวเองครั้งนึงด้วย
เดือนที่ 3 ผมเริ่มเปลี่ยนการกิน มื้อเช้าเวลา 7.00 - 10.00 เท่านั้นกินปลานิ่ง + ข้าวครึ่งถ้วยเท่านั้น
มื้อกลางวัน กินก๋วยเตี๋ยวน้ำใสไม่ใส่กระเทียมเจียวเน้นผัก
มื้อเย็น ห้ามเกิน 16.00 กินสลัดน้ำใสและออกกำลังกายเพิ่มจากเดือนที่ 2 มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าุสดเวลาจะกระโดดตบก็จะกระโดดวันละ 2500 ที
ผมใช้เวลาประมาณ 7-8 เดือนในการลดน้ำหนัก ทั้งการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย จนน้ำหนักเหลือ 49
เมื่อไปโรงเรียนประมาณต้นปีเปิดเทอมพอดี เพื่อนเกือบทุกคนว่า "เป็นเอดส์ป่ะ ? ติดยาเหรอ? กินยาลดความอ้วนอะไร? เครียดอะไรปะเนี่ย?"
หลายคนอาจจะคิดว่ามันขนาดนั้นเลยหรอ ลองดูตอนม.ต้นกับม.ปลายและมาเทียบกับรูปข้างล่างนี้ครับ


อย่างที่เห็นละครับผมลดน้ำหนักจนเหลือแค่ 49 แต่มันก็ยังไม่สมส่วน ไม่พอดี เพราะว่าเพื่อนหลายคนรวมถึงคนรอบข้างก็บอกว่า "ผอมเกินไปไหม เหมือนเป็นโรคเลยนะ"
ผมเลยตัดสินใจตามใจปากอยู่พักนึงและก็ควบคุมอาหารให้คงที่ด้วยปัจจุบันก็น้ำหนัก 58-62 ขึ้นลงไม่เกินนี้ครับ
- นี่คือรูปปัจจุบัน -


หลังจากได้ดูรูปไปแล้วหลายคนเกิดความสงสัยว่าแต่งรูปหรือเปล่าสารพัด คำตอบคือใช่ครับ ปรับแสงให้สว่างขึ้นมากกว่าสีผิวจริงแต่ไม่ได้ฉีกจนกลายเป็นคนละคน ซึ่งกระทู้นี้เรามาดูรีวิวเรื่องการลดความอ้วนเนอะ (ไม่ดราม่านะครับ)
แล้วก็ยอมรับครับว่าทำแค่จมูกนอกนั้นไม่ได้ทำศัลยกรรมอะไรเลย มันก็ไม่ดูเพอเฟคอะไรมากมายขนาดนั้นแต่มันก็เป็นการลบปมด้อยในชีวิตตั้งแต่เกิดที่ไม่มีดั้งเลย มันก็ดูมีสัน มีโครงขึ้นมากับเขาบ้างแล้วละแต่ก็ยังไม่พอใจนะในสิ่งได้มาเพราะคิดว่ามันน่าจะโด่งได้มากกว่านี้อีกแล้วปีกจมูกก็ยังใหญ่อยู่ จบประเด็นนี้ 5555555
ส่วนอาหารที่เจกินในแต่ละวันหลังจากลดน้ำหนักมาได้แล้วนั้นก็ตามนี้เลยครับ
อาหารเช้า กล้วย 1 ลูก - นมสด 1 กล่อง - ธัญพืชในเซเว่น 20 บาท
อาหารกลางวัน กินตามใจปากแต่ต้องเป็นของที่ต้ม นึ่ง ลวกเท่านั้น ไม่กินของทอด ของมัน และก่อนจะซื้ออะไรต้องดูแคลอรี่ข้างๆเสมอ
อาหารเย็น - ยำวุ้นเส้น <<< เน้นผักเยอะๆ - นมเปรี้ยวดีไลท์สีเชียวเท่านั้น <<< ช่วยเรื่องขับถ่ายได้ดีมากวันไหนไม่ได้กินตอนเช้าขับถ่ายยากมาก
และหาเวลาออกวิ่งบ้างไม่ว่าที่ไหนสักที่ วันละ 10 นาทีก็ยังดีเอาให้ได้เหงื่อก็ยังดี วันไหนกินเยอะๆก็เพิ่มเวลาออกกำลังกายตามสมควร หรือถ้าไม่มีเวลาเวลานั่งอยู่บ้านก็แขม่วพุงเล่นๆ ขยับร่างกายบ่อยๆ ทำให้เป็นนิสัยเด้อ

สุดท้ายฝากไว้
โดนด่าเก็บไปคิดได้ครับคิดมี 2 แบบ
คิดไปตอกย้ำตัวเอง หรือ คิดแล้วเอาไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
FB : Jatupon Nenkul
ขอบคุณที่อ่านและติดตามจนจบครับ <3
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่