พ่อแม่บังคับทุกอย่าง ไม่อยากอยู่แล้ว อึดอัดมากๆ ทำไงดี

ก่อนอื่นบอกเลยว่าเราเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่ตั้งหวังไว้สูงมาก ตอนเด็กๆอยู่กกับตายาย พอโตขึ้นมาก็ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ สิ่งแรกที่โดนก็คือบังคับเรียนพิเศษ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีนะคะ เข้าใจมากขึ้น ต่อมาเริ่มยึดโทรศัพท์ค่ะ คือไห้เอาไปโรงเรียนได้ แต่ 4 ทุ่มปุ๊ปต้องเอาให้พ่อแม่นะ ตอนนั้นไม่คิดไรมากค่ะก็พออยู่ได้ เพราะเรายังไม่ค่อยมีสังคมเท่าไหร่ พอโตมาอีกหน่อย ประมาณ ม.3 เป็นวัยรุ่นเต็มที่ แม่ไม่ให้อยู่ในห้องเลยค่ะ พอเราเข้าห้องปิดประตูปุ๊ป จะมาเปิดดูเลย หรือไม่ก็คอยถามว่าทำอะไร เราเลยเริ่มไม่โอเคละ ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่นเราก็อยากมีชีวิตส่วนตัวของตัวเอง เลยกลับบ้านมาก็เข้าห้องเลย บางวันไม่ได้กินข้าวมาก็ไปกินข้าวก่อน เราก็คิดว่าทุกคนก็คงเป็นแบบนั้น ซึ่งต้องบอกว่าเรากลับบ้านดึกทุกวัน เพราะเราต้องเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนถึงประมาณ 2 ทุ่มค่ะ แม่กลับมาถามว่าทำไมกลับบ้านแล้วเข้าห้องเลยตลอด ทำไมไม่มาอยู่นอกห้องก่อน เราก็แบบตอบอยากอยู่ในห้องมากกว่า แม่เลยบอกว่า"งั้นไม่ต้องปิดประตูห้อง จะได้รู้ว่า ทำไร " คือเราไม่โอเคอยู่แล้วก็ไม่ทำ พอไม่ทำ แม่ก็มาเปิดประตูเองเลย เพราะห้องเราเป็นประตูลูกบิด ถ้ามีกุญแจก็เปิดเข้ามาเองได้ พอโตมาอีกหน่อยก็ยึดมือถือตอน 5 ทุ่มค่ะ เที่ยวบอกชาวบ้านว่าลูกจะเป็นหหมอ พอมีเทอมนึงเราเกรดตกลง บังคับจะเอารหัสโทรศัพท์ เปิดเช็กค้นโทรศัพท์เราบ่อยมาก เราไม่กล้าคุยกะใครเลยค่ะแม้แต่เพื่อน เราอายเพื่อนมากๆ ขนาดปิดเทอมก็บังคับให้เรานอนก่อนเที่ยงวคืน พี่เข้าใจมั้ยคะ ว่าเออวัยรุ่นแล้วแต่คน เวลานี้มันอาจจะเป็นเวลานอนของคนทั่วไป แต่พี่เข้าใจมั้ยคะว่ามันไม่ง่วงมันไม่อยากนอน เราก็นั่เล่นคอมดูอะไรไปเรื่อยๆ 2 ทุ่มมาบอกให้ไปอาบน้ำ แต่คลิปที่เราดูมันยังไม่จบ เราก็เลยบอกไปวว่าแปปนึง จบคลิปก่อน พออีกไม่ถึง 5 นาทีก็มาดึงปลั๊กคอมออกละทำอารมณ์เสียใส่ เราก็หงุดหงิดมาก ว่าทำไมมาทำแบบนี้ เที่ยงคืนก็เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็มาดึงปลั๊กคอมออก เคยมีครั้งนึงเรานั่งทำงานอยู่ ละงานเราหายไปทั้งหมด ไม่มีงานส่งเลยค่ะตอนนั้น การทำแบบนี้มันเกินไปรึเปล่าคะ  แต่เราว่ามันเกินไปนะ ไม่ไหวละค่ะเราคิดว่าเราอยู่ในฐานที่ถูกบังคับมากเกินไป เคยเปิดใจลองคุยนะคะ เรื่องโทรศัพท์แม่บอกว่า เอาไปทำไม มันมีความสำคัญอะไร ไม่ต้อเอาก็ได้มั้ย อายเพื่อนก็ไม่ต้องบอกเพื่อน เรื่องห้องก็บอกว่าที่ทำำมันความลับหรอ มีความลับกับแม่หรอ คือหนูต้องทำยังไงคะ หนูอยู่แบบนี้ไม่ไหวจริงๆค่ะ อดทนมาขนาดไหนแล้ว ตอนนี้มันทนไม่ไหวแล้วค่ะ เราก็อยู่ ม.ปลายแล้ว ไม่ให้เที่ยวกับเพื่อน เพื่อนชวนเราก็เบี้ยวตลอด เที่ยวหมายถึงไปดูหนังกันไปที่ยวห้างนะคะ ไม่ใช่เที่ยวกลางคืน เราไม่ชอบอยู่แล้ว เราคิดว่าเราโตพอที่จะรับรู้อะไรด้วยตนเองได้แล้วรึเปล่า เราควรจะไม่มีข้อบังคับอะไรเยอะขนาดนี้แล้วมั้ย เราพยายามจะเข้าใจพ่อแม่นะ แต่เราว่าท่านไม่เข้าใจเรา ที่ท่านทำ เราว่ามันเกินไปจริงๆ เรารับไม่ได้แล้ว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ก็ทำตัว  แบบพอกลับบ้านแล้ว  ก็เข้าห้องเลย  แบบนี้ไม่งาม ครับ

มีวัยุร่นอีกเย่อะแย่ะ  ที่พอกลับเข้าบ้าน แล้ว    ก็ชวนคุยกับ พ่อแม่  ซัก คร่ึ่ง  ชั่วโมง  แล้วค่อยเข้าห้องส่วนตัว
ทำไมวัยุร่นคนอื่นหลายๆคนทำได้  ง่ายๆ   ก็คิดเอาเอง นะครับ  ว่า ทำไม  จขกท  ไม่ทำ  
จขกท  โตแล้วนะครับ  ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ที่ไม่รู้จักคิดนะครับ
  
จขกท บริหารและจัดการ ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ไม่เป็น  นะครับ  แก้ไข ตรงนี้นะครับ

ถ้ารู้จักคิด   ก็ถือโอกาสหัดเลยครับ   พอเข้าบ้าน ก็คุยโน่นนี่  กับพ่อ หรือ แม่ ซัก ครึ่ง ชม.   ก่อนจะชิ่งออกมา
ทุกอย่างจะดีขึ้นเองครับ

พ่อแม่ ไม่ใช่หัวตอ ครับ

เชื่อผม ครับ  ทำแล้วจะดีเอง

เพื่อนผม  มีลูกชาย  กะ ลูกสาว   ขนาดอยู่ ป.ตรี  ทั้งคู่
เข้าบ้าน ก็คุยกันกับ พ่อแม่ ก่อน ครับ  
ซักพักค่อยปลีกตัว  ขอตัวไปทำธุระส่วนตัว
ฝึกหัดให้เป็นนิสัยครับ  ไม่งั้น พ่อแม่ จะเป็นหัวตอ เอานะครับ
สงสารพ่อ แม่  จขกท  เลย  ที่ลูกทำแบบนี้ กะ พ่อแม่

ถ้าฝึกหัดเรื่องคุย นู้นนี้  กะพ่อแม่  ก่อนซักครึ่ง  ชม.    แล้วค่อยเข้าห้อง
ถ้าทำซักเดือนนึง แล้ว พ่อแม่ ยังไม่ดีขึ้น  
เข้ามาตั้งกระทู้ใหม่ครับ

เรื่องแบบนี้ต้องหัด ใจเขา ใจเรานะครับ
อยากให้คนอื่นเข้าใจเรา  เราเองก็ต้องเข้าใจคนอื่นด้วยนะครับ
หัดเถอะครับ   แล้วจะดีเองครับ


อย่าทำนิสัย แบบคนไม่ได้คิด  พอเข้าบ้าน แล้วเข้าห้องเลย  
ถ้าทำจนเคยตัว ติดนิสัย  มันไม่ดีนะครับ  
พูดจริงๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่