อ้วน ขาเบียด หายได้ด้วยใจสู้ล้วนๆ (หากำลังใจในการสร้างกล้ามเนื้อต่อ)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะกระทู้นี้เป็นครั้งแรกที่ตั้งในพันทิปหากมีอะไรผิดพลาดโปรดแนะนำนะคะ  คือ จขกท สิงและหาข้อมูลในพันทิปมานานหลายปีพอๆกับอายุที่มากขึ้นค่ะเข้าเรื่องกันเลยนะคะ  จขกท อยากมาบอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของตัวเองครั้งใหญ่ เรียกว่าใหญ่มากๆ ก.ไก่ ล้านๆตัว  เพราะ จขกท. ควบคุมน้ำหนักจาก 84 กิโลกรัม ปัจจุบัน น้ำหนัก 58 กิโลกรัม
เหตุมาจากความที่ จขกท. เป็นหญิงอ้วนดำตั้งแต่เล็กๆใครให้ลดน้ำหนักยังสวนกลับเค้าไปว่ากว่าจะอ้วนได้ขนาดนี้เสียเงินเป็น 10 ล้านแล้วนะจะลดทำไหม  กอรปกับเป็นหญิงรักนวลสงวนตัวพออายุเพิ่มขึ้นพร้อมตีนกาโรคเริ่มมาจ้า  โรคประจำของหญิงไม่มี สามี น้องซีสต์ซิค่ะ  จขกท. เป็นครั้งแรกที่รังไข่ ผ่าตัด เมื่อปี 54 มาพร้อมน้ำท่วมคุณหมอพูดเล่นๆให้มีสามีซะตอนนั้น 555 ก็นะ ลดน้ำหนักง่ายกว่าหาสามีค่ะ จขกท. ว่านะ  พอปี 58 ช่วงเดือน ก.ค. จขกท. มีอาการมีประจำเดือนไหลออกไม่หยุดใส่ผ้าอนามัยแบบแผ่นต่อแผ่นแล้วที่สำคัญ ความเป็นหญิงบ้างานคือไม่ไปหาหมอคิดว่าเป็นเรื่องปกติปล่อยจนถึงเดือน ก.ย. แล้วอยู่ๆมีอยู่คืนหนึ่งใจเต้นแรงกลางดึงเวียงหัว รู้สึกรอบๆตัวมีฝาขาว คือมีอาการเลือดตกเกือบได้ไปนอนคุยกับไส้เดือนแล้ว  เลยยอมไปหาหมอค่ะ ถูกดุด้วยว่าทำไมถึงปล่อยไว้นานขนาดนั้น ก็นะนึกว่าเป็นอาการปกตินี้หน่า คุณหมอประจำรักษาโดยการขุดมดลูกค่ะ เพื่อเอาพวกติ่งเนื้อออกไป  พอปี 59 ช่วงเดือน ก.ค. เป็นอีกจ้าๆๆ อะไรมันจะกรรมหนักปานนั้น  แต่ครั้งนี้รู้ตัวแล้วคุณหมอผู้น่ารักและเคารพรักก็บอกว่าต้องขุดมดลูกเหมือนเดินนะคะ  เลยถามคุณหมอว่าหนูอยากหายขาดต้องทำไงค่ะนอกจากมีสามี55555 คุณหมอบอกหนูลองลดน้ำหนักดูไหมเพื่อควบคุมฮอร์โมนเพราะคนอ้วนจะมีเลือดมากกว่าคนน้ำหนักตัวปกติ  และคุณหมอให้ยามาพร้อมยาคุมกำเนิดอันดิฉันไม่เคยรับประทานมาก่อนในชีวิตมันเวียนหัวมากมาย พอเดือน ก.ย. 59 เข้าขุดมดลูกทีมแพทย์บอกว่าควรรักษาแบบผ่าตัดส่องกล้องดีกว่าเพราะติ่งเนื้ออยู่ในส่วนที่ลึกกว่าที่ห้องผ่าตัดที่เตรียมไว้สามารถทำได้จึงต้องยุติการดำเนินการขุดมดลูกก่อนแล้วรอผ่าตัดส่องกล้องได้คิวเดือน เม.ย. 60 (เป็น รพ.รัฐค่ะ) แต่เจ้าของกระทู้ไม่มีปัญหาที่ต้องรอนะคะ แต่เริ่มคิดว่าเราจะต้องมานั่งทรมานเข้าห้องผ่าตัดแบบนี้ทุกๆปีเหรอ เลยเชื่อคุณหมอค่ะ แต่จะหาสามีก็ยาก ดังนั้นเราเลยควบคุมน้ำหนักก็ได้วะ ลองซักตั้ง พอคิดได้ก็เหมือนคนทั่วไปที่คิดลดน้ำหนักค่ะอดอาหารตัด แป้งออกกำลังกายน้ำหนัก  ใช้วิธีการออกกำลังกายโดยการว่ายน้ำค่ะ ครั้งแรกที่ว่าย 1 รอบสำลักน้ำเหนื่อยเกือบตายแต่ใช้ใจสู้ทนว่ายๆๆๆทุกวัน  และเริ่มเปลี่ยนวิธีการไปทำงานฝึกตัวเองจากการรักสบายไปแท็กซี่เป็นเดินไปทำงานข้าม 3 สะพานลอยต่อพี่วิวนิดหน่อย (ที่ทำงานใกล้บ้านค่ะประมาณ 10 กิโล แต่งหน้าจัดเต็มใส่ส้นสูงก็เดินไปค่ะสวยๆ บอกแล้วสายสตรอง) แล้วทำท่าสควอท ไปเรื่อยๆ ทุกวัน น้ำหนักตอนนั้น 78 เหลือ 74  ภายใน 1 เดือน (บอกตัวเองว่าเราก็ทำได้นี้)  อาหารจะกินแต่สลัด ต้มจืด แกงป่า ผักต้ม ผลไม้ ไม่กินของทอด มัน หวาน แล้วก็จดทุกสิ่งที่กินกำหนดกินวันละไม่เกินวันละ 1200 แคลอรี่ (เกือบลืมเลิกกินไข่ทอดกับกากหมูเจียวตั้งแต่ปี 58 แล้วนะคือตอนนั้นแบบคิดว่าจะลดแบบค่อยๆตัดสิ่งที่โปรดที่ละอย่างเลยเลือกเลิกกิน 2 อย่างนี้ มาตั้งใจจริงๆ ก็ ก.ย. 59 นี้แหละ)  บอกแล้วว่าใช้ใจล้วนๆไม่มีความรู้เลยๆๆ ผู้คนทั่วไปต่างสงสัยว่า จขกท. เป็นอะไรเป็นโรคร้ายหรือเปล่า ครอบครัวกับเพื่อนๆไม่ชอบเลยบอกว่ามันไม่ใช่ตัวเรามันต้องอ้วนๆๆๆ และกินทุกสิ่งอันที่ขว้างหน้า แต่สายสตรองอย่างเราหรือจะสนทำต่อไป พอน้ำหนักประมาณ 68 ร่างเริ่มไม่ไหวมีอาการมึนและโทรมมากๆๆ แต่ไม่อยากอ้วนอีกแล้ว และเครียดๆๆมากๆๆกลัวน้ำหนักดีดกลับมาอ้วนอีก เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลจริงจังว่าต้องทำอย่างไงถึงลดน้ำหนักแบบยั่งยืน เลยรู้ว่าที่เราทำมานี้ผิดวิธีเดี๋ยวอ้วนใหม่แน่นนอนเลย  ดังนั้น จึงปรับใหม่กลับมาทานแป้งเป็นฟักทองนึ่ง มันต้ม เต้าหู้ ไข่ต้ม พวกถั่วต่างๆ ถั่วปั่น
5สีไม่ใส่น้ำตาล  น้ำผักล้วนไม่ใส่น้ำตาลปั่น สลัด ซื้อล้วนๆ เอาง่ายๆ เนื่องจาก จขกท ไม่มีครัวเลยซื้อกินตลอดหม้อหุ้งข้าวยังไม่มีเลย แล้วมันเปลืองมากๆๆ แต่โชคดีที่สวรรค์เมตตาประทานให้ จขกท.มีพรสวรรค์รับประทานได้ทุกสิ่งอันรสชาติไหนก็ทานได้ (ถึงอ้วนไงอะไรก็อร่อย)55 เข้าเรื่องต่อเลยกินเเบบลูกทุ่งเต้าหู้ไม่ปรุงก็ได้ทานได้ ไข่ต้มไม่จิ้มซอส ผักสดๆ ก็กินได้ อกไก่ต้ม ปลานึ่ง แต่มันเปลืองอะนะ และนิสัยที่เพิ่มขึ้นมาคือการอ่านฉลากข้างหลังผลิตภัณฑ์ต่างๆ พวกสินค้าที่เขียนว่าดีไลท์ ควบคุมน้ำหนักและแคลอรี่ต่ำอย่าเชื่อนะจ๊ะต้องอ่านให้ละเอียด เช่นพวกขนมปังโฮลวีตนี้ตัวดีนักแหล่จะบอกให้   และแม่จากที่ไม่สนับสนุนให้ควบคุมน้ำหนักก็เปลี่ยนมาทำให้อาหารกินโดยจะต้มไข่ นึ่งฟักทอง นึ่งมัน นึ่งผัก ตำน้ำพริกให้พอทานทั้งอาทิตย์ เพราะกลัวเราจะไม่กิน (อยู่คนละบ้านกับแม่จะกลับบ้านทุกเสาร์อาทิตย์ค่ะ) รักแม่ที่สุดในโลกเลยหัวใจ  ช่วงน้ำหนัก 68 นี้ ปรับการออกกำลังกายใหม่ไม่ว่ายน้ำอย่างเดียวแล้วเพิ่มการเวทเริ่มจากฟิตเนตที่ทำงานแต่คนเยอะ  เลยเริ่มวิ่งที่สวนรถไฟ(อยู่ตรงข้ามบ้าน)ซึ่งเหมือนเดิมการวิ่งครั้งแรกเหนื่องโคตรวิ่งๆเดินๆ แล้วก็ตื่นเช้าตี 4 วิ่งขึ้นวิ่งลงบันไดวันละ 20 นาที น้ำหนักลงมา ถึง 62 ดีใจมากๆๆ เริ่มศึกษาการควบคุมน้ำหนักแบบจริงจังทั้งการออกกำลังและพวกโภชนาการ น้ำหนักตัวปัจจุบันก็ประมาณ 58 กิโลกรัม ปัจจุบันนี้โลภอยากมีกล้ามเนื้ออยากมีอะไรพวกแพคๆกับเขาบาง55 ตอนนี้ก็ดูวิธีการออกกำลังกายจากเว็บต่าง ๆ  วิ่งที่สวนรถไฟเหมือนเดินสลับว่ายน้ำ หยุดพักประมาณ 2 วัน/สัปดาห์ แต่ที่เหนื่อยเล่นที่เมื่อไรอยากจะตายๆๆทุกครั้งไปคือ จำพวกท่าCrunch หน้าท้องถึงล้ำหน้าไม่ลงซักที่  เพิ่มการเล่นเวทเทรนนิ่งทั้งแบบใช้อุปกรณ์และน้ำหนักตัวเอง  แต่ที่ จขกท.ชอบและคิดว่ามันประหยัดเหมาะกับชีวิตบ้างานของตัวเองมากๆ คือการออกกำลังกายที่บันได 5555 และปัจจุบันยังตื่นตี 4 ออกกำลังประมาณ 20 นาที สัปดาห์ละประมาณ 2 วัน ไม่เข้มงวดเหมือนช่วงแรกไม่เครียดกับน้ำหนักว่าต้องลดได้เท่านั้นเท่านี้โลแล้ว  ส่วนเรื่องอาหารก็ซื้อเตาแก๊สเครื่องครัวมาทำอาหารกินเองเพื่อความประหยัดและยั่งยืน พยายามให้การควบคุมน้ำหนักอยู่ในวิถีชีวิตเราแบบปกติ ทั้งการออกกำลังกายและการทานอาหารไม่คิดว่าเป็นทุกข์ทรมาน เริ่มจากทำอาหารง่ายๆทาน  ปริมาณการกินก็ดูจากว่าใช้พลังงานเยอะไหมในวันนั้นส่วนใหญ่เป็นของนึ่งไข่ต้ม เต้าหู้ ผัก อกไก่ พอมีเครื่องครัวเริ่มหาเมนูทำเองเริ่มทำโยเกิร์ตกินเอง อันนี้เป็นสลัดเนื้ออบกับโยเกิร์ตทำเองผลไม้เป็นมื้อเช้า พอเริ่มทำอาหารกินเองก็พัฒนาหาอะไรที่อยากทานก็ทำแบบอยากกินขนมก็ทำเองจ้าอร่อยไม่อร่อยก็เรากินกลัวอะไร แต่ใจก็ยังรักปักใจกับเต้าหู้และไข่ต้มเพราะง่ายแล้วเร็วเหมาะกับชีวิตหญิงสายสตรองแบบเรา วันไหนไม่ขี้เกียจก็ทำไก่หมักโยเกิร์ตพริกไทยย่างจิ้มกับซอสยำโยเกิร์ต(แน่นนอนโยเกิร์ตทำเอง)เป็นอาหารกล่องไปทำงาน  ที่ตั้งกระทู้วันนี้เพื่ออยากให้กำลังคนที่คิดจะเริ่มดูแลตัวเอง ควบคุมน้ำหนัก จขกท.ทำได้ เชื่อว่าทุกคนบนโลกที่ต้องทำได้ชัวร์ เพราะ สมัยก่อน จขกท. ไม่ชอบการออกกำลังกาย  กินทุกสิ่งอันที่ขว้างหน้าไม่มีอะไรไม่อร่อยในโลกนี้ บุฟเฟ่ต์ทุกร้านทุกโรงแรมกินมาหมดแล้ว กิจกรรมประจำวันคือนอน แต่เราเปลี่ยนได้ กินของอร่อยได้แค่เปลี่ยนวิธีการคิดเท่านั้น ทุกวันนี้ จขกท.ก็ทานบุฟเฟ่ต์แต่เลือกทาน ใช้ชีวิตปกติ ตื่นเร็วขึ้น และออกกำลังให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จากเคยว่ายน้ำ วิ่ง  เหนื่อยเกือบตายเป็นทำได้เป็นชั่วโมงแล้วไม่เหนี่อย ยกลูกเหล็กก็ไม่ขึ้นตอนนี้ทำได้สนุกด้วย คุณลองทำดูแล้วคุณจะได้พบสิ่งใหม่ๆในชีวิต จขกท.เคยใส่กระโปร่งเอว 38 นิ้ว ตอนนี้ใส่เอว 28 นิ้ว ใส่เสื้อผ้าสนุกขึ้น  และสิ่งที่ตัดสิ้นใจง่ายคือ จขกท. ชอบท่องเที่ยวแต่ถ้าประจำเดือนไหลเป็นสายน้ำอยู่แบบนี้มันทำให้เราทำในสิ่งที่ชอบไม่ได้  จขกท.เคยนั่งประชุมอยู่ประจำเดือนไหลเปื้อนเก้าอี้ เสียเก้าอี้และต้องรบกวนพี่แม่บ้านอีกต้องไหวขอโทษพี่เขาเลย  คือตอนนี้ จขกท. อยากถามผู้รู้ในพันทิปเหมือนกันว่าจะพัฒนาระบบเผาผลาญและกล้ามเนื้อแบบไหนต่อดีเพราะ จขกท.ไม่สนในเรื่องน้ำหนักตัวเเล้วค่ะ แต่อยากหาแรงบันดานใจในการทำต่อไปมากกว่า  เพราะบางครั้งการที่ จขกท. ควบคุมน้ำหนักใน 1 ปี นี้ก็เจอแรงกดดันมาตลอดทั้งจากตัวเองที่กลัวอ้วนอีก หรือคำพูดของคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นใช้ยาลดความอ้วนแน่เลย เป็นโรคร้ายหรือเปล่า แต่ถ้าเราหนักแน่นใช้ใจในการทำสิ่งที่ถูกต้องเราจะทำมันได้ตลอด ถึงบอกว่าการควบคุมน้ำหนักมันต้องใช้ใจมากกว่าอะไรทั้งหมด จขกท.ไม่ใช้สายคลีนนะคะเพราะทานเผ็ดมากกินพริกเป็นเม็ดๆเลย แต่เป็นคนเลือกทานอาหารเท่านั้นเอง และเครื่องปรุงที่ใช้จะเป็นสูตรลดโซเดียม น้ำตาลหญ้าหวาน น้ำตาลมะพร้าวเล็กน้อย ส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่น้ำตาลจะเอาความหวานจากวัตถุดิบ   สู้ๆนะคะสำหรับทุกคนที่จะเริ่มควบคุมน้ำหนักเป็นกำลังใจให้ค่ะแต่ขอกำลังใจให้ จขกท.มีกล้ามเนื้อด้วยนะคะ ขาเบียดเปลี่ยนได้ด้วยใจยิ้ม ขอบคุณทุกท่านที่ทนอ่านจนจบค่ะ และผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่