สวัสดีครับ วันนี้เรามาแชร์กันดีกว่าว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา เราลดน้ำหนักกันไปกี่รอบ
เรารักษาน้ำหนักที่เราลดได้ตามเป้าหมายที่ต้องการไว้ให้อยู่กับเราได้นานแค่ไหน
แล้วเราพัฒนาอะไรใช้กับชีวิต และสุขภาพของเราเองบ้าง
แต่ก่อนผมเป็นคนอ้วนครับ ตามกรรมพันธุ์ก็อ้วนกันทั้งบ้าน (ผมลดลงจาก 83 กก. ปัจจุบัน 57 กก.)
หลักๆที่ทำให้อ้วนเลยคือการกินครับ สมัยก่อนผมชอบกินหนังไก่ย่าง ของทอด ของมัน ขนมหวาน
เบเกอรี่ บุฟเฟ่ต์ จัดเต็ม ที่สำคัญชอบกินๆนอนๆขี้เกียจออกกำลังสุดๆ
อย่างที่บอกคนเราไม่ได้อ้วนภายในวันเดียว การลดน้ำหนักก็เช่นกัน ผมใช้เวลาลดจริงจังประมาณ
7-8 เดือน จน น้ำหนักลงมาได้ 58-60 กก. แต่ช่วงไหนตามใจปาก ไม่มีวินัยก็กลับมาอ้วนอีกครับ
(ปี 54 น้ำท่วม กินๆนอนๆ อ้วนขึ้นมาอีก)
ผมลองวิธีการลดน้ำหนักมาทุกทาง ทั้งกินยาลดความอ้วนตามคลีนิก(สมัยม.6ฮิตมาก)
เข้าสถาบันลดน้ำหนัก (ได้แข่งขันลดนน.ฟรี) อดอาหาร บลาๆๆๆ
ทำมาหมดครับ (ยกเว้นดูดไขมันไม่มีตังค์) ผลที่ได้คือสุดท้ายทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น
ถามนะ ใครจะกินยาลดความอ้วน กินอาหารเสริม อดอาหาร หรือออกกำลังกายอย่างหนักได้ตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้นเราจึงต้องปรับวิถีชีวิตเพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืน
ส่วนตัวผมเองปีนี้เข้าปีที่ 9 ในการฝืนกรรมพันธุ์ของตัวเอง
มีประโยคนึงที่ผมจะพูดเป็นประจำคือ การลดความอ้วนเหมือนการวิ่งมาราธอน
มันไม่ได้อยู่ที่เราวิ่งได้เร็วแค่ไหน แต่มันอยู่ที่เราจะเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความเหนื่อยล้า
ความเบื่อหน่าย ความเจ็บปวด และความท้อแท้ เพื่อที่จะวิ่งต่อไปบนทางที่ยาวไกลได้นานแค่ไหนต่างหาก
คนส่วนใหญ่มักจะโหมลดน้ำหนักอย่างหนักหน่วงในระยะแรก กินอาหารคลีนเอย ออกกำลังกายอย่างหนักเอย
หรือร้ายที่สุดคือการใช้ทางลัดในการลดน้ำหนักเช่น การอดอาหาร การใช้ยาลดความอ้วน เป็นต้น
ผมลองสรุปเหตุผลที่ทำให้คนเราไม่สามารถคงน้ำหนักที่ดีไว้ให้อยู่กับตัวเราไปนานๆเป็นข้อๆได้ดังนี้
1.ใจร้อนเกินไป ไม่มีการวางแผน เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียกับวิธีการที่เลือกใช้
คนส่วนใหญ่จะทุ่มสุดตัวอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักลดลงตามที่ต้องการอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผลที่อาจเกิดกับร่างกาย
- อดอาหาร ร่างกายเราฉลาดนะครับเมื่อคุณอดอาหารหรือทานน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ในระยะแรกมันลดเร็วจริง แต่เคยสังเกตไหมครับ
หลังจากที่อดแล้วพอเริ่มกลับมากินอีกครั้งที่นี้หล่ะ บวมไวมากและถ้าคิดจะลดมันลดยากกว่าเดิมสุดๆ เพราะร่างกายเรากำลังเรียนรู้ในช่วง
ที่คุณอดอาหารว่า "เฮ้ยแย่แล้วฉันกำลังจะตาย ฉันไม่ได้รับสารอาหาร ฉันยอมไม่ได้ฉันต้องลดการเผาผลาญเพื่อให้ฉันอยู่รอด" ทีนี้พอคุณ
กลับมากินเท่าเดิม(เท่าที่ก่อนจะอด) ร่างกายจะพยามสำรองพลังงานเก็บไว้ให้ได้มากที่สุดเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน(เหมือนตอนที่คุณเริ่มอด)
เราเรียกเหตุการณ์นี้ติดปากว่า โยโย่ ทางแก้เรื่องระบบเผาพลาญเป็นอะไรที่กู้ยากและแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากครับ (ไว้ว่างๆจะมาบอกนะ)
2.ความเคร่งเครียดจนเกินไป (ต้องคลีน ต้องไม่มัน ต้องไม่ขนมหวน ต้องออกกำลังให้หนักๆ บลาๆๆๆ)
การควบคุมน้ำหนักในระยะยาวข้อนี้สำคัญครับ เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้บาลานซ์และมีความสุข
- ลองถามตัวเอง เราจะอด เราจะกินคลีนเเบบเคร่งเครียด เราจะออกกำลังกายอย่างหนักไปได้ทุกวันไหม เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตไหม
บางที่การได้กินอะไรอร่อยๆบ้าง การได้พักผ่อนบ้าง มันก็มีความสุขดีนะ ผมไม่เคยอด ผมยังกินในสิ่งที่ผมอยากกิน ผมสนุกกับการออกกำลังกาย ผมสร้างกิจกรรมและความท้าทายใหม่ๆให้ตัวเองเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างการกินของผมนะครับ
จันทร์-ศุกร์
เช้า (7.30 น.) - ขนมปัง แซนวิส กาแฟดำ (กาแฟกับน้ำร้อน)
สาย (10.00 น.) - ซีเรียลเคี้ยวเล่น ครึ่งกล่องเล็ก (10 บาท) หรือผลไม้ บางทีผมกินข้าวเหนียว 2-3 คำ
เที่ยง (12.00 น.) - มื้อนี้ผมเน้นโปรตีนเป็นหลัก
ไข่ไก่ 1-2 ฟอง อกไก่ (เน้นทำกับข้าวที่ไม่มันและไม่ใส่หนังไก่)
กินกับข้าวกล้อง 1.5-2.5 ทัพพี ของหวานล้างปากได้นิดหน่อยครับถ้าอยาก
บ่าย (15.00 น.) - ขนมขบเคี้ยวแคลลอรี่ต่ำ ถั่วต่างๆ กล้วยตามชอบ (เลือกเอานะครับไม่ใช่กินหมด)
เย็น ( 19.00 น.) หลังจากออกกำลังกาย ผมจะเน้นผักกินผักสลัดเปล่าๆไม่ใส่น้ำสลัดใดๆ(กินเป็นกะละมังเอาให้อิ่มครับ)
เสริมโปรตีนหลังออกกำลัง กินน้ำพริก กินไข่ กินอกไก่ (ไม่ทอด ผัด หนัง มัน) กินกับข้าว ครึ่ง ทัพพี
เสาร์-อาทิตย์
วันนี้อยากกินอะไรฟรีสไตล์ครับกินได้ตามต้องการ เพื่อให้ร่างกายไม่รู้สึกโหย เรายังได้กินในสิ่งที่เราอยากกิน
แต่มีทริคเล็กๆคือ กินแค่พอหายอยาก และพยามอย่ากินให้เกิน 1800-2000 แคลนะครับ
เห็นไหมครับครบทุกมื้อแบบจัดเต็มอิ่ม กินได้เป็นกาละมัง จะลดความอ้วนอย่าปล่อยให้อดครับ
เพราะไม่มีใครอดได้ทุกวันตลอดไปหรอกเชื่อผมมันจะยิ่งทำให้โหยป่าวๆ
มายกตัวอย่างการออกกำลังกายกันบ้าง
ผมวิ่งสัปดาห์ละ 3-4 วัน (วิ่ง 3 พัก 1) ทุกวันจะกลับมาเวทต่ออีก ครึ่งชม. เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อ
ผมลงวิ่งมินิมาราธอน วิ่งเทรล สนุกดีครับ
3.ไม่มีเวลา ไม่มีเงินไปเข้าฟิตเนสแพงๆ
- คนเรามี 24 ชม.เท่ากัน (ผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึง) มันอยู่ที่ความตั้งใจที่จะบริหารเวลาในการออกกำลังกาย
ผมไม่เคยเสียเงินไปฟิตเนส เพราะทุกที่คือที่ออกกำลังกายของผม ผมวิ่งตามสวนสาธารณะ
ผมเปิดยูทูป เสิร์ทกูเกิ้ลดูท่าทางการออกกำลังกาย สมัยนี้เราเข้าถึงสื่อได้ง่าย อย่าใช้คำว่า
ไม่มีเงิน ไม่มีเวลามาเป็นข้อจำกัด ขอแค่คุณมีความพยายามมากพอ มีวินัยในตนเอง
4.กรรมพันธุ์ อันนี้ยากแต่ถ้าพยายามคุณทำได้ (แต่ถ้าทำต้องทำให้ถูกต้องและอย่าหยุดถ้าหยุดน้ำหนักคุณจะไปไวตามกรรมพันธุ์)
บ้านผมเป็นคนตัวใหญ่ทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง (น้ำหนักหลักร้อยกันทุกคน)
เห็นไหมครับบ้านผมตัวใหญ่ทุกคน ผมต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน การออกกำลังกาย
และเมื่อไหร่ที่ผมเลิกทำ กรรมพันธุ์ดั้งเดิมก็จะตามมา ยิ่งผมผ่าตัดไทรอยด์ ระบบเผาผลาญยิ่งน้อยกว่าคนปกติ
แต่อย่างว่าทำแบบนี้ไปนานๆเราก็เบื่อเราก็ท้อได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่เราพยายามทำนั้น
มันคือความสุขของเรา เพราะเมื่อเรามีความสุขแม้จะเหนื่อยจะยากแค่ไหน แต่เมื่อเรายังรักษาเป้าหมายไว้ได้เราจะมีความสุขที่ได้ทำ
กว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ผมต้องแลกอะไรหลายๆอย่างหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่อยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นนะครับ
ปล.อย่า งง ถ้ารูปช่วงแรกผมเป็นผู้หญิง เพราะผมมีคำนำหน้าชื่อว่า นส. (ผมเป็นผู้ชายข้ามเพศครับ)
ถ้าสงสัยเพศสภาพตามไปได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/35635454
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/36288819
สุดท้ายมาดูเส้นทางและผลของความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองกันครับ
9 ปีที่เปลี่ยนไป
มาแชร์ประสบการณ์การรักษาน้ำหนัก ความสำเร็จความล้มเหลว เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจ
ให้คนที่อยากเปลี่ยนเเปลงตัวเองกันครับ
กดโหวตเป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
(ขอความสุภาพในการคอมเม้นท์ และกรุณาให้เกียรติในเพศสภาพด้วยนะครับ ขอบคุณครับ)
รูปทุกรูปในนี้มีลิขสิทธิ์ใครเอารูปไปแอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตผมฟ้องร้องทางแพ่งและอาญานะครับ
ขอบคุณที่อ่านต่อจนจบนะครับ.................
สอบถามแนะนำการลดน้ำหนัก การข้ามเพศได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/napat.kitti.8?ref=bookmarks
9 ปีของฉัน การต่อสู้กับความอ้วนที่แสนยาวนาน
สวัสดีครับ วันนี้เรามาแชร์กันดีกว่าว่าทั้งชีวิตที่ผ่านมา เราลดน้ำหนักกันไปกี่รอบ
เรารักษาน้ำหนักที่เราลดได้ตามเป้าหมายที่ต้องการไว้ให้อยู่กับเราได้นานแค่ไหน
แล้วเราพัฒนาอะไรใช้กับชีวิต และสุขภาพของเราเองบ้าง
แต่ก่อนผมเป็นคนอ้วนครับ ตามกรรมพันธุ์ก็อ้วนกันทั้งบ้าน (ผมลดลงจาก 83 กก. ปัจจุบัน 57 กก.)
หลักๆที่ทำให้อ้วนเลยคือการกินครับ สมัยก่อนผมชอบกินหนังไก่ย่าง ของทอด ของมัน ขนมหวาน
เบเกอรี่ บุฟเฟ่ต์ จัดเต็ม ที่สำคัญชอบกินๆนอนๆขี้เกียจออกกำลังสุดๆ
อย่างที่บอกคนเราไม่ได้อ้วนภายในวันเดียว การลดน้ำหนักก็เช่นกัน ผมใช้เวลาลดจริงจังประมาณ
7-8 เดือน จน น้ำหนักลงมาได้ 58-60 กก. แต่ช่วงไหนตามใจปาก ไม่มีวินัยก็กลับมาอ้วนอีกครับ
(ปี 54 น้ำท่วม กินๆนอนๆ อ้วนขึ้นมาอีก)
ผมลองวิธีการลดน้ำหนักมาทุกทาง ทั้งกินยาลดความอ้วนตามคลีนิก(สมัยม.6ฮิตมาก)
เข้าสถาบันลดน้ำหนัก (ได้แข่งขันลดนน.ฟรี) อดอาหาร บลาๆๆๆ
ทำมาหมดครับ (ยกเว้นดูดไขมันไม่มีตังค์) ผลที่ได้คือสุดท้ายทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราเองทั้งนั้น
ถามนะ ใครจะกินยาลดความอ้วน กินอาหารเสริม อดอาหาร หรือออกกำลังกายอย่างหนักได้ตลอดชีวิต
เพราะฉะนั้นเราจึงต้องปรับวิถีชีวิตเพื่อการควบคุมน้ำหนักอย่างยั่งยืน
ส่วนตัวผมเองปีนี้เข้าปีที่ 9 ในการฝืนกรรมพันธุ์ของตัวเอง
มีประโยคนึงที่ผมจะพูดเป็นประจำคือ การลดความอ้วนเหมือนการวิ่งมาราธอน
มันไม่ได้อยู่ที่เราวิ่งได้เร็วแค่ไหน แต่มันอยู่ที่เราจะเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความเหนื่อยล้า
ความเบื่อหน่าย ความเจ็บปวด และความท้อแท้ เพื่อที่จะวิ่งต่อไปบนทางที่ยาวไกลได้นานแค่ไหนต่างหาก
คนส่วนใหญ่มักจะโหมลดน้ำหนักอย่างหนักหน่วงในระยะแรก กินอาหารคลีนเอย ออกกำลังกายอย่างหนักเอย
หรือร้ายที่สุดคือการใช้ทางลัดในการลดน้ำหนักเช่น การอดอาหาร การใช้ยาลดความอ้วน เป็นต้น
ผมลองสรุปเหตุผลที่ทำให้คนเราไม่สามารถคงน้ำหนักที่ดีไว้ให้อยู่กับตัวเราไปนานๆเป็นข้อๆได้ดังนี้
1.ใจร้อนเกินไป ไม่มีการวางแผน เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียกับวิธีการที่เลือกใช้
คนส่วนใหญ่จะทุ่มสุดตัวอย่างบ้าคลั่งเพื่อที่จะทำให้น้ำหนักลดลงตามที่ต้องการอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผลที่อาจเกิดกับร่างกาย
- อดอาหาร ร่างกายเราฉลาดนะครับเมื่อคุณอดอาหารหรือทานน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ในระยะแรกมันลดเร็วจริง แต่เคยสังเกตไหมครับ
หลังจากที่อดแล้วพอเริ่มกลับมากินอีกครั้งที่นี้หล่ะ บวมไวมากและถ้าคิดจะลดมันลดยากกว่าเดิมสุดๆ เพราะร่างกายเรากำลังเรียนรู้ในช่วง
ที่คุณอดอาหารว่า "เฮ้ยแย่แล้วฉันกำลังจะตาย ฉันไม่ได้รับสารอาหาร ฉันยอมไม่ได้ฉันต้องลดการเผาผลาญเพื่อให้ฉันอยู่รอด" ทีนี้พอคุณ
กลับมากินเท่าเดิม(เท่าที่ก่อนจะอด) ร่างกายจะพยามสำรองพลังงานเก็บไว้ให้ได้มากที่สุดเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน(เหมือนตอนที่คุณเริ่มอด)
เราเรียกเหตุการณ์นี้ติดปากว่า โยโย่ ทางแก้เรื่องระบบเผาพลาญเป็นอะไรที่กู้ยากและแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากครับ (ไว้ว่างๆจะมาบอกนะ)
2.ความเคร่งเครียดจนเกินไป (ต้องคลีน ต้องไม่มัน ต้องไม่ขนมหวน ต้องออกกำลังให้หนักๆ บลาๆๆๆ)
การควบคุมน้ำหนักในระยะยาวข้อนี้สำคัญครับ เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้บาลานซ์และมีความสุข
- ลองถามตัวเอง เราจะอด เราจะกินคลีนเเบบเคร่งเครียด เราจะออกกำลังกายอย่างหนักไปได้ทุกวันไหม เราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตไหม
บางที่การได้กินอะไรอร่อยๆบ้าง การได้พักผ่อนบ้าง มันก็มีความสุขดีนะ ผมไม่เคยอด ผมยังกินในสิ่งที่ผมอยากกิน ผมสนุกกับการออกกำลังกาย ผมสร้างกิจกรรมและความท้าทายใหม่ๆให้ตัวเองเรื่อยๆ
ยกตัวอย่างการกินของผมนะครับ
จันทร์-ศุกร์
เช้า (7.30 น.) - ขนมปัง แซนวิส กาแฟดำ (กาแฟกับน้ำร้อน)
สาย (10.00 น.) - ซีเรียลเคี้ยวเล่น ครึ่งกล่องเล็ก (10 บาท) หรือผลไม้ บางทีผมกินข้าวเหนียว 2-3 คำ
เที่ยง (12.00 น.) - มื้อนี้ผมเน้นโปรตีนเป็นหลัก
ไข่ไก่ 1-2 ฟอง อกไก่ (เน้นทำกับข้าวที่ไม่มันและไม่ใส่หนังไก่)
กินกับข้าวกล้อง 1.5-2.5 ทัพพี ของหวานล้างปากได้นิดหน่อยครับถ้าอยาก
บ่าย (15.00 น.) - ขนมขบเคี้ยวแคลลอรี่ต่ำ ถั่วต่างๆ กล้วยตามชอบ (เลือกเอานะครับไม่ใช่กินหมด)
เย็น ( 19.00 น.) หลังจากออกกำลังกาย ผมจะเน้นผักกินผักสลัดเปล่าๆไม่ใส่น้ำสลัดใดๆ(กินเป็นกะละมังเอาให้อิ่มครับ)
เสริมโปรตีนหลังออกกำลัง กินน้ำพริก กินไข่ กินอกไก่ (ไม่ทอด ผัด หนัง มัน) กินกับข้าว ครึ่ง ทัพพี
เสาร์-อาทิตย์
วันนี้อยากกินอะไรฟรีสไตล์ครับกินได้ตามต้องการ เพื่อให้ร่างกายไม่รู้สึกโหย เรายังได้กินในสิ่งที่เราอยากกิน
แต่มีทริคเล็กๆคือ กินแค่พอหายอยาก และพยามอย่ากินให้เกิน 1800-2000 แคลนะครับ
เห็นไหมครับครบทุกมื้อแบบจัดเต็มอิ่ม กินได้เป็นกาละมัง จะลดความอ้วนอย่าปล่อยให้อดครับ
เพราะไม่มีใครอดได้ทุกวันตลอดไปหรอกเชื่อผมมันจะยิ่งทำให้โหยป่าวๆ
มายกตัวอย่างการออกกำลังกายกันบ้าง
ผมวิ่งสัปดาห์ละ 3-4 วัน (วิ่ง 3 พัก 1) ทุกวันจะกลับมาเวทต่ออีก ครึ่งชม. เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อ
ผมลงวิ่งมินิมาราธอน วิ่งเทรล สนุกดีครับ
3.ไม่มีเวลา ไม่มีเงินไปเข้าฟิตเนสแพงๆ
- คนเรามี 24 ชม.เท่ากัน (ผมก็เป็นมนุษย์เงินเดือนคนนึง) มันอยู่ที่ความตั้งใจที่จะบริหารเวลาในการออกกำลังกาย
ผมไม่เคยเสียเงินไปฟิตเนส เพราะทุกที่คือที่ออกกำลังกายของผม ผมวิ่งตามสวนสาธารณะ
ผมเปิดยูทูป เสิร์ทกูเกิ้ลดูท่าทางการออกกำลังกาย สมัยนี้เราเข้าถึงสื่อได้ง่าย อย่าใช้คำว่า
ไม่มีเงิน ไม่มีเวลามาเป็นข้อจำกัด ขอแค่คุณมีความพยายามมากพอ มีวินัยในตนเอง
4.กรรมพันธุ์ อันนี้ยากแต่ถ้าพยายามคุณทำได้ (แต่ถ้าทำต้องทำให้ถูกต้องและอย่าหยุดถ้าหยุดน้ำหนักคุณจะไปไวตามกรรมพันธุ์)
บ้านผมเป็นคนตัวใหญ่ทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ น้อง (น้ำหนักหลักร้อยกันทุกคน)
เห็นไหมครับบ้านผมตัวใหญ่ทุกคน ผมต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน การออกกำลังกาย
และเมื่อไหร่ที่ผมเลิกทำ กรรมพันธุ์ดั้งเดิมก็จะตามมา ยิ่งผมผ่าตัดไทรอยด์ ระบบเผาผลาญยิ่งน้อยกว่าคนปกติ
แต่อย่างว่าทำแบบนี้ไปนานๆเราก็เบื่อเราก็ท้อได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่เราพยายามทำนั้น
มันคือความสุขของเรา เพราะเมื่อเรามีความสุขแม้จะเหนื่อยจะยากแค่ไหน แต่เมื่อเรายังรักษาเป้าหมายไว้ได้เราจะมีความสุขที่ได้ทำ
กว่าจะมาได้ถึงขนาดนี้ผมต้องแลกอะไรหลายๆอย่างหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่อยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นนะครับ
ปล.อย่า งง ถ้ารูปช่วงแรกผมเป็นผู้หญิง เพราะผมมีคำนำหน้าชื่อว่า นส. (ผมเป็นผู้ชายข้ามเพศครับ)
ถ้าสงสัยเพศสภาพตามไปได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดท้ายมาดูเส้นทางและผลของความพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองกันครับ
9 ปีที่เปลี่ยนไป
มาแชร์ประสบการณ์การรักษาน้ำหนัก ความสำเร็จความล้มเหลว เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจ
ให้คนที่อยากเปลี่ยนเเปลงตัวเองกันครับ
กดโหวตเป็นกำลังใจให้หน่อยนะครับ
(ขอความสุภาพในการคอมเม้นท์ และกรุณาให้เกียรติในเพศสภาพด้วยนะครับ ขอบคุณครับ)
รูปทุกรูปในนี้มีลิขสิทธิ์ใครเอารูปไปแอบอ้างโดยไม่ได้รับอนุญาตผมฟ้องร้องทางแพ่งและอาญานะครับ
ขอบคุณที่อ่านต่อจนจบนะครับ.................
สอบถามแนะนำการลดน้ำหนัก การข้ามเพศได้ที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้