"ธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์" พร้อม "ชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์" ระบุน้อมรับคำตัดสินของสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมปฏิบัติตามเกณฑ์เพื่อร่วมสร้างบรรทัดฐานที่ดีแก่ตลาดทุน ชี้แจงกรณีซื้อหุ้น BIG เพราะเชื่อมั่นธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยเป็นการซื้อขาเดียวตั้งแต่ต้นปี 2559 จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่ได้ขายเลย เหตุเพราะต้องการลงทุนระยะยาวไม่เคยคิดเล่นเก็งกำไร แต่เพื่อเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ร่วมสร้างธรรมาภิบาล และจะวางระเบียบภายในให้รัดกุม เพื่อป้องกันความผิดพลาดของกรรมการ และผู้บริหารทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และยินดีให้ความร่วมมือกับทั้ง ก.ล.ต. และ ตลท. ทุกประการเพื่อร่วมพัฒนาตลาดทุนไทย
นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) ชี้แจงถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ (1) นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ และ (2) นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ กรณีซื้อหุ้น BIG โดยอาศัยข้อมูลภายใน โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 6,250,075.80 บาท
ต่อกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่าผมจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ผมซื้อหุ้น BIG เพราะต้องการลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง ไม่ได้คิดที่จะเก็งกำไรจากการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากประเมินเองว่าแนวโน้มธุรกิจในอนาคตจะสามารถขยายตัวได้อีกมากและสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องแก่บริษัทฯ ประกอบกับตลอดทั้งปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรได้เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ ก.ล.ต. ได้แจ้งว่าคำชี้แจงของผมไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างข้อสันนิษฐานของก.ล.ต.ได้ ดังนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบและยอมรับต่อกฎเกณฑ์ของก.ล.ต.จึงขอน้อมรับคำตัดสินดังกล่าว
"ช่วงต้นปี 2559 ผมได้เข้าไปซื้อหุ้น BIG เพราะเชื่อมั่นในทิศทางธุรกิจว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวดีในระยะยาวและเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยเป็นการซื้อรวมจำนวน 2,620,000 หุ้น ส่วนคุณชิตชัย ซื้อรวมจำนวน 3,858,100 หุ้น จนกระทั้งบัดนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย โดยช่วงที่ซื้อนั้นเป็นช่วงระยะเวลาที่เกินกว่า 30 วันก่อนการเปิดเผยงบการเงินของบริษัทฯ ซึ่งไม่อยู่ในกรอบระยะเวลาห้ามซื้อขายหุ้นที่กำหนดไว้ในธรรมาภิบาลของบริษัทฯ จึงเข้าใจว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อผลสรุปโดยสำนักงาน ก.ล.ต.ออกมาเช่นนี้ เราก็น้อมรับคำสั่งนั้น อย่างไรก็ตาม อยากให้สาธารณชนทราบว่าผมและครอบครัวมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาล และพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด"
นายธนสิทธิ์ กล่าวว่า เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวนี้ขึ้นอีกในอนาคต บริษัทฯ กำลังหารือเพื่อกำหนดระเบียบและข้อพึงปฏิบัติภายในเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯกรรมการ และผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในแง่ระยะเวลาซื้อและขายรวมถึงเรื่องการรายงานข้อมูลไปยังหน่วยงานกำกับดูแลให้ครบถ้วนเป็นไปตามข้อกฏหมายกำหนด
พร้อมกันนี้ BIG ได้แต่งตั้งให้ นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้ามาดำรงตำแหน่ง รักษาการกรรมการผู้จัดการ เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนกิจการของบริษัทให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตและสามารถผลักดันให้ผลประกอบการสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้เพราะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บริหารหลักในการผลักดันให้บริษัทเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=1&content_id=1374
"ธนสิทธิ์"เปิดใจกรณี ก.ล.ต.สั่งปรับกรณีซื้อหุ้น BIG แจงซื้อลงทุนยาวเพราะเชื่อมั่นธุรกิจ-วันนี้ยังไม่ได้ขายหุ้นออกมา
นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BIG) ชี้แจงถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 2 ราย ได้แก่ (1) นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ และ (2) นายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ กรณีซื้อหุ้น BIG โดยอาศัยข้อมูลภายใน โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 6,250,075.80 บาท
ต่อกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่าผมจะได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ผมซื้อหุ้น BIG เพราะต้องการลงทุนระยะยาวอย่างแท้จริง ไม่ได้คิดที่จะเก็งกำไรจากการลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากประเมินเองว่าแนวโน้มธุรกิจในอนาคตจะสามารถขยายตัวได้อีกมากและสร้างผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องแก่บริษัทฯ ประกอบกับตลอดทั้งปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรได้เติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ ก.ล.ต. ได้แจ้งว่าคำชี้แจงของผมไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างข้อสันนิษฐานของก.ล.ต.ได้ ดังนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบและยอมรับต่อกฎเกณฑ์ของก.ล.ต.จึงขอน้อมรับคำตัดสินดังกล่าว
"ช่วงต้นปี 2559 ผมได้เข้าไปซื้อหุ้น BIG เพราะเชื่อมั่นในทิศทางธุรกิจว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวดีในระยะยาวและเติบโตได้อย่างมั่นคง โดยเป็นการซื้อรวมจำนวน 2,620,000 หุ้น ส่วนคุณชิตชัย ซื้อรวมจำนวน 3,858,100 หุ้น จนกระทั้งบัดนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้ขายหุ้นออกมาเลย โดยช่วงที่ซื้อนั้นเป็นช่วงระยะเวลาที่เกินกว่า 30 วันก่อนการเปิดเผยงบการเงินของบริษัทฯ ซึ่งไม่อยู่ในกรอบระยะเวลาห้ามซื้อขายหุ้นที่กำหนดไว้ในธรรมาภิบาลของบริษัทฯ จึงเข้าใจว่าไม่ผิดกฎหมาย แต่เมื่อผลสรุปโดยสำนักงาน ก.ล.ต.ออกมาเช่นนี้ เราก็น้อมรับคำสั่งนั้น อย่างไรก็ตาม อยากให้สาธารณชนทราบว่าผมและครอบครัวมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสภายใต้หลักธรรมาภิบาล และพร้อมปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด"
นายธนสิทธิ์ กล่าวว่า เพื่อมิให้เกิดความผิดพลาดในลักษณะดังกล่าวนี้ขึ้นอีกในอนาคต บริษัทฯ กำลังหารือเพื่อกำหนดระเบียบและข้อพึงปฏิบัติภายในเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯกรรมการ และผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในแง่ระยะเวลาซื้อและขายรวมถึงเรื่องการรายงานข้อมูลไปยังหน่วยงานกำกับดูแลให้ครบถ้วนเป็นไปตามข้อกฏหมายกำหนด
พร้อมกันนี้ BIG ได้แต่งตั้งให้ นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เข้ามาดำรงตำแหน่ง รักษาการกรรมการผู้จัดการ เพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนกิจการของบริษัทให้เดินหน้าต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตและสามารถผลักดันให้ผลประกอบการสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้เพราะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและเป็นผู้บริหารหลักในการผลักดันให้บริษัทเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=1&content_id=1374