สวัสดีครับ ทุกๆคน มาพบกับการรีวิว ตอน 3 ต่อเนื่องจากตอนที่ 1,2 ตามที่ได้รีวิวไปแล้ว คร้ังนี้ผมจะพยายามให้จบเลยครับ ไว้คร้ังหน้าปั่นออแด็กซ์อีก ผมก็จะมารีวิวอีก ในคร้ังนี้ ผมจะมาพูดคุยให้ฟังในเรื่องอุปกรณ์ที่ติดต้ังด้านหน้ารถ และไฟท้ายรถจักรยานกันนิดหน่อยน่ะคับ มาดูครับ อุปกรณ์ที่ผมติดต้ังด้านหน้าแฮนด์จักรยานและไฟท้ายของผมเป็นแบบไหน ไฟหน้าและไฟท้ายตามกฎกติกา ในเวลากลางคืน จะต้องเปิดสว่างตลอดเวลา ห้ามกระพริบ มันก็เป็นปัญหาสำหรับผมตลอดมาในการปั่นทางไกลในระยะไกลๆ
สาเหตุที่ผมพูดเรื่องนี้ เนื่องจากผมเคยหาข้อมูลแนวๆ นี้เพื่อจะนำไปใช้งาน แต่ปรากฎว่ามีข้อมูลน้อยมาก ไม่ค่อยมีใครลงรีวิว สักเท่าใด ผมเองลองผิดลองถูกมาตลอด กระทั่งถือว่าน่าจะได้ข้อยุติแล้ว จึงอยากนำมาแบ่งปั่นให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้งานบ้างคับ
อุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมติดต้ังด้านหน้าแฮนจักรยาน ประกอบไปด้วย ไฟหน้า 1 ดวง, ไมล์เคทอาย 1 อัน และไมล์กามินอีก 1 เครื่อง
อุปกรณ์ทั้งหมดด้านหน้ามีความสำคัญมากคับ เดี๋ยว ลงลายละเอียดที่ละอย่างน่ะครับ ไฟหน้าที่ผมใช้เป็นแบบชาร์ท เขาเคลมไว้ว่าใช้งานในโหมดสว่างน้อยสุดได้ถึง 18 ชม. สามารถเปิดได้ถึง 3-4 โหมด ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการปั่นทางไกล ผมเคยใช้ไฟฉายมามากมายหลายแบบ เจ็บมาเยอะ เจ็บจนช้ำ ตั้งแต่ไฟฉาย 20 บาท แบบชาร์ททั้งหลาย แบบใส่ถ่าน สั่งจากลาซาด้า เต็มไปหมด แต่ใช้งานจริงไม่ได้ครับ มันมีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ไฟสว่างไม่พอ แบตหมด ตัวจับกับแฮนหลวม ฯลฯ แต่ตั้งแต่ได้ไฟฉายข้างบนมาถือว่าราคาแพงพอสมควร แต่เจ็บแล้วจบครับ ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว ขนาดไม่ไหญ่มาก สามารถติดตั้งกับแฮนได้อย่างแน่นหนาดี
ต่อไปมาว่ากันเรื่องไมล์ เอ๊ะ!!!.. ทำไมถึงติดไมล์เยอะจัง เกะกะไปหมด รุงรังไปรึป่าว......... ถ้าปั่นตามปกติผมจะมีไมล์กามินแค่ตัวเดียว แต่กรณีมาปั่นทางไกลแบบนี้ ผมจะติดต้ังไมล์แคทอายไปอีกตัว ทำไมเหรอคับ... เพราะไมล์กามิน มันอยู่ได้ประมาณ 15 ชั่วโมง ส่วนไมล์แคทอายอยู่ได้หลายเดือนกว่าแบตจะหมด ไมล์จักรยานเปรียบเสมือนเข็มทิศของนักปั่นจักรยาน ถ้าไม่มีไมล์ก็เหมือนกับล่องเรือในมหาสมุทรโดยไม่มีเข็มทิศ วิธีการใช้ไมล์ของผม ทั้ง 2 ตัว นี้มีประโยชน์หมดครับ ไมล์แคทอาย ผมจะรีเซ็ททุกอย่างเป็น 0 หมด แล้วใช้ประกอบคิวชีสเพื่อเป็นแผนที่นำทาง ส่วนไมล์กามิน ไว้เป็นไมล์นำทางเวลาที่ขี้เกียจอ่านคิวชีส คือปั่นตามที่มันบอกไปเรื่อยๆ
การใช้ไมล์แคทอายประกอบคิวชีสมีวิธีดังนี้ (ผมไม่ได้ไปลอกเลียนแบบไครที่ไหนมาน่ะคับ คิดเอาเอง) สมมุติในคิวชีสบอกว่าให้ตรงไป 5 กิโล แล้วเลี้ยวขวา ผมก็จะเริ่มปั่นไป ดูหน้าจอระยะ DST พอครบ 5 กิโล ก็เลี้ยวขวา หลังจากนั้นก็กดปุ่มรีเซ็ทไหม่ ระยะ DST ก็จะเป็น 0 ใหม่ แล้วก็เริ่มปั่นไปใหม่ตามที่ระยะคิวชีสบอก โดยที่ระยะทางสะสม ODO ไม่หายน่ะครับ มันจะบวกไปเรื่อยๆ
ที่นี้มาดูไฟท้ายของผมบ้างครับ
นี่ครับไฟท้ายของผม เป็นแบบใส่ถ่าน aaa 2 ก้อน ครับ ที่เห็นเป็นสายดำๆ นั่น ผมเอาเคเบิ้ลไทรัดไว้อีกรอบคับ กลัวหลุด เช่นเดียวกันครับ ไฟท้ายผมก็ใช้มามากมายหลายแบบ ค้นหามาเยอะแยะไปหมด จนมาจบที่ตัวนี้ ไฟท้ายตัวนี้เขาเคลมไว้ว่าเปิดในโหมดกระพริบอยู่ได้ 200 ชั่วโมง เปิดในโหมดสว่างได้ 60 ชม. ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการปั่นคร้ังนี้ แสงไฟท้ายที่พุ่งออกมาสามารถมองเห็นในระยะไกลมาก ไฟท้าย 20 บาท ที่ขายกันทั่วไปใช้ได้ม้ัย...... ถ้าจะใช้กันก็ใช้ได้แหละครับ แต่มันมองไกลๆไม่เห็น อีกอย่างถ้าไปปั่นระยะไกลๆ แบบนี้ ต้องซื้อเป็น 4-5 อันแน่ๆ ถ้าโดนน้ำ น้ำเข้า เจ๋งหมด ถ้าจะให้ซื้อ 4-5 อัน แล้วพกไปคงไม่ไหว เพราะมีอุปกรณ์อื่นที่ต้องพกไว้กับตัวเยอะพออยู่แล้ว
มาเข้า 600 กิโลเมตร พัทยา-ตราด กันต่อครับ หลังจากที่ผม ออกตัวจากจุด Control Point ที่เนินนางพญา ที่ระยะ 206 กิโลเมตร ขณะนั้นเวลา 15.45 น. ผมใช้เวลาปั่นต้ังแต่ออกตัวมาแล้ว 5 ชั่วโมง 45 นาที ถามว่าท้อมั้ย.........ตอบตรงๆเลยว่า ท้ออออออ ถามว่าเหนื่อยมั้ย........ตอบตรงๆ ว่า เหนื่อย........ เพลีย อากาศร้อนมากครับ เป้าหมายต่อไปผมจะต้องปั่นไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตร เพื่อไปถึง Check Point 3 ร้าน 7-11 ซึ่งจะต้องซื้อของ เก็บใบเสร็จและประทับตรา ยังมีกำลังใจนิดนึ่งตรงที่ว่าลงเนินแล้วก็ปล่อยไหลไปเรื่อย ผมเอาไมล์กามินมาใส่กระเป๋าท้ายจักรยานเพื่อชาร์ทกับ POWER BANK ไปเรื่อยๆ แบตยังไม่หมดหรอกครับ แต่ผมอยากให้เต็มไว้ ตั้งใจไว้ว่าเอามาใช้งานตอนกลางคืน ในช่วงนี้ผมก็เลยใช้คิวชีสประกอบไมล์แคทอายนำทางไปเรื่อยๆ ก่อน
ลงมาจากเนินผ่านหมู่บ้านชาวประมง ลมเย็น วิวสวยงามดี แต่ผมเหนื่อยเหลือเกิน เริ่มปั่นอยู่คนเดียว ตะคริวถามหาเป็นระยะๆ ความเร็วเหลือประมาณ 25 ผมก็ปั่นไปเรื่อยๆ
ผมนึกว่าเนินแบบนางพญาจะหมดแล้ว ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ มีอีกๆ มีอีกๆ แต่มันมาจังหวะที่อ่อนเปลี้ย เพลียแรงแล้ว นั้นคือหาดจ้าวหลาวครับ เป็นเนินเยอะกว่าเนินทางพญาอีก ผมเป็นตะคริวแล้ว ตะคริวๆอีก ค่อยๆ กระดึบเข้าไป ผมสงสัยเหลือเกินรอบนี้ทำไมเป็นตะคริวเยอะจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วอาการตะคริวกับผมนั้นไม่รู้จักกันนานแล้ว ผมเป็นเฉพาะใหม่ๆ ตอนเริ่มปั่นเท่านั้น หลังจากนั้นก็ดูแลเรื่องการกิน ปรากฎว่าตะคริวหายไปหมด แต่มารอบนี้ตะคริวเยอะเหลือเกิน แต่ให้ผมยอมแพ้นั่นเหรอ...... ไม่มีทางครับ สำหรับผม
ขึ้นเนินยาวๆๆไป
จุดที่อันตรายที่สุดของคร้ังนี้ครับ อยู่ที่หาดจ้าวหลาว เป็นเนินลงมาแบบชันมากแล้วก็หักศอกทันที ผมเพิ่งเคยมาคร้ังแรก ตกใจมาก เสียวจริงๆ กลัวมันทะลุลงเขาไป ถ้าเป็นกลางคืนคงอันตรายมาก ดีที่ผมมาถึงช่วงเย็น แล้วก็ลงผ่านไปด้วยดีครับ กำเบรคแน่น แล้วก็ลงจากจักรยานค่อยๆ จูง เลี้ยวหักศอกลงเขาไป รถสัญจรไปมาเยอะมากครับ
ที่ระยะ 227 กิโล ถึงสะพานแขมหนู บรรยากาศสวยงามตามท้องเรื่องครับ
ที่ระยะ 242 ผ่านสะพานตากสินมหาราช หรือสะพานแหลมสิงห์ สวยดีครับ ตอนนี้อีกนิดเดียวผมจะถึง จุด Check Point 3 ร้าน 7-11 แล้วครับ กำลังใจ ความฮีกเหิม เริ่มคืบคลานกลับมาอีกคร้ัง
ถึงแล้วครับ ยังยิ้มได้ นักพักผ่อนกันหน่อย มีสาวสวยร่วมปั่นด้วยครับ พูดคุยทักทายกันไปพอสมควร จุดนี้พักประมาณ 10 นาที ครับ ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วก็ออกเดินทางกันต่อไป จากจุดนี้จะต้องเตรียมตัวให้ดี น้ำต้องเต็ม 2 กระติก เพราะเดี๋ยวจะเริ่มเย็น แล้วจะมืด ร้านค้า ชาวบ้านจะเริ่มปิด แล้วมันจะหาอะไรยาก อีกประมาณ 70 กิโล จะถึงจุด Check Point 4 เป็นศูนย์กีฬาเทศบาลตราด ตอนนี้ก็เวลา 17.43 น. แล้ว ผมปั่นมาแล้ว 10 ชม. 43 นาที
พอเริ่มหายใจคล่องผมก็เริ่มออกเดินทางต่อครับ ช่วงเย็นๆแบบนี้ผมชอบครับ อากาศไม่ร้อน ผมก็เริ่มทำความเร็วได้แล้วครับ แล้วก็ยิงยาวๆไปเรื่อยๆเลยครับ
อากาศกำลังดีครับ เย็นสบาย เลยทำความเร็วได้หน่อย ปั่นคนเดียว ยิงยาวๆไปครับ
ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า... ฉันมาทำอะไร ที่นี่............
เริ่มมืดละฮะ.... น่ากลัวอยู่คนเดียว ผมเลยเร่งฝีเท้า......... ผ่อนฝีเท้า......... กะหาสมาชิกร่วมเดินทางซะหน่อย เจอจนได้ครับ ไปด้วยกันครับ ไปกันเยอะๆ ปลอดภัยดี ผลัดกันลาก เพื่อเร่งทำความเร็ว ถึงเร็ว พักเร็วครับ เหนื่อยเร็วด้วยครับ 5555+++
เห็นความสำคัญของเสื้อสะท้อนแสงมั้ยครับ เห็นได้ในระยะไกล ปลอดภัยครับ
ไม่ต้องคิดมาก นอนๆ ไป
มาถึงแล้วฮะ Check Point 4 เป็นศูนย์กีฬาเทศบาลตราด ที่ระยะ 310 กิโลเมตร ขณะนี้เวลา 20.40 น. ผมปั่นมา 13 ชม.40 นาทีแล้ว
ตรงจุดนี้มีข้าวต้มไก่กับไข่ให้กินครับ ผมกินไป 3 ถ้วย ไข่ 3 ลูก ค่อยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยครับ พักตรงจุดนี้ประมาณ 20 นาที เราก็ออกเดินทางต่อไป เป้าหมายต่อไป อยู่ไกลออกไป 70 กิโล เป็น Check Point 5 วัดเขาแหลมสิงห์ ครับ
ถึงแล้วฮะ... ขณะนี้เวลา 00.26 น. ผมปั่นมาแล้ว 17 ชม.26 นาที นอนตายกันเกลื่อนกราด ผมเองก็เพลียจัง แต่นอนไม่หลับ ผมคิดว่าเวลากลางคืนเป็นโอกาศที่ดี น่าปั่น เพราะมันไม่ร้อน ผมเลยชอบปั่นกลางคืนมากกว่า
ไม่ต้องบรรยายมากครับ นัยตาผมบอกอารมณ์ได้ดี 555+++
ณ จุดนี้มีก๋วยเตียวไก่ให้กินครับ ผมก็กินไปอีก 3 ถ้วย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พักตรงจุดนี้ ล้างเนื้อ ล้างตัว หายเหนียวตัว ประมาณ 15 นาที ผมก็ไปต่อครับ ผมอยากใช้เวลากลางคืนให้คุ้มค่า เดี๋ยว กลางวันร้อนแน่ๆ ไปกันต่อครับ จุดต่อไป เป็น Check Point 6 ร้าน 7-11 ที่ระยะ 458 กิโลเมตร ผมต้องปั่นออกไปจากจุดนี้ประมาณ 80 กิโล
เอาให้สว่างคาตากันไปเลย
ถึงแล้วฮะ... จุด Check Point 6 ร้าน 7-11 ที่ระยะ 458 กิโลเมตร ตอนนี้ ผมง่วงมาก ไม่ได้นอนเลย มาแล้วครับ อารมณ์คล้ายๆ ช่วงบ่ายเมื่อวาน ท้อจัง ตรงจุดนี้ ผมง่วงมาก เลยนอนครับ หลับสนิทเลย ผมได้ยินเหมือนนักปั่นเริ่มทยอยมา แล้วก็ปั่นออกไปเรื่อยๆ ผมหลับไปประมาณ 20 นาที ก็ลุกขึ้น กินกาแฟ ยัดอาหาร เข้าท้อง แล้วก็ออกเดินทางต่อครับ อีก ประมาณ 150 กิโล ถึงเป้าหมายแล้วครับ (ให้กำลังใจตัวเองครับ)
มาถึงละฮะ จุด Check Point 7 วัดละหารไร่ ที่ระยะ 529 กิโล พักนิดหน่อย เติมน้ำเต็มไปต่อครับ
่ช่วงระยะ 70 กิโล สุดท้าย โหดจริงๆ ครับ ขึ้นลงเนินอีกแล้วครับ ชันๆ ลงยาวๆ คนละเส้นกับตอนขามา ผมมองป้ายเข้าพัทยา 21 กิโล ถึง พัทยา แต่ออแด็กซ์ให้อ้อมไปเป็น 40 กิโล 555+++ ผมคิดในใจ จะอ้อมทำไมเนี๋ย... กุปั่นจักรยานน่ะ ไม่ได้ขับรถยนต์ ระยะทาง 70 กิโล สุดท้าย บรรกาศ เหมือนลงสนามแข่ง 90 กิโล ตามงานทั่วไปครับ มันส์จริงๆ แซงกันไป แซงกันมา รวดเร็ว และท้ายที่สุดก็ถึงเป้าหมายจนได้ครับ
ยังยิ้มได้ ขาสั่นพอสมควร
ผมใช้เวลาในการปั่นไปทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง 32 นาที กับระยะทาง 605 กิโลเมตร เข้าเส้นชัย คนที่ 8 ครับ สวัดดีครับ เจอกันใหม่โอกาศหน้าครับ
ออแด็กซ์ พัทยา-ตราด 600 กิโลเมตร “โหด ฮา น้ำตาร่วง” ตอนที่ 3
สาเหตุที่ผมพูดเรื่องนี้ เนื่องจากผมเคยหาข้อมูลแนวๆ นี้เพื่อจะนำไปใช้งาน แต่ปรากฎว่ามีข้อมูลน้อยมาก ไม่ค่อยมีใครลงรีวิว สักเท่าใด ผมเองลองผิดลองถูกมาตลอด กระทั่งถือว่าน่าจะได้ข้อยุติแล้ว จึงอยากนำมาแบ่งปั่นให้เพื่อนๆ ได้นำไปใช้งานบ้างคับ
อุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมติดต้ังด้านหน้าแฮนจักรยาน ประกอบไปด้วย ไฟหน้า 1 ดวง, ไมล์เคทอาย 1 อัน และไมล์กามินอีก 1 เครื่อง
อุปกรณ์ทั้งหมดด้านหน้ามีความสำคัญมากคับ เดี๋ยว ลงลายละเอียดที่ละอย่างน่ะครับ ไฟหน้าที่ผมใช้เป็นแบบชาร์ท เขาเคลมไว้ว่าใช้งานในโหมดสว่างน้อยสุดได้ถึง 18 ชม. สามารถเปิดได้ถึง 3-4 โหมด ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการปั่นทางไกล ผมเคยใช้ไฟฉายมามากมายหลายแบบ เจ็บมาเยอะ เจ็บจนช้ำ ตั้งแต่ไฟฉาย 20 บาท แบบชาร์ททั้งหลาย แบบใส่ถ่าน สั่งจากลาซาด้า เต็มไปหมด แต่ใช้งานจริงไม่ได้ครับ มันมีปัญหาหลายอย่าง ตั้งแต่ไฟสว่างไม่พอ แบตหมด ตัวจับกับแฮนหลวม ฯลฯ แต่ตั้งแต่ได้ไฟฉายข้างบนมาถือว่าราคาแพงพอสมควร แต่เจ็บแล้วจบครับ ถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว ขนาดไม่ไหญ่มาก สามารถติดตั้งกับแฮนได้อย่างแน่นหนาดี
ต่อไปมาว่ากันเรื่องไมล์ เอ๊ะ!!!.. ทำไมถึงติดไมล์เยอะจัง เกะกะไปหมด รุงรังไปรึป่าว......... ถ้าปั่นตามปกติผมจะมีไมล์กามินแค่ตัวเดียว แต่กรณีมาปั่นทางไกลแบบนี้ ผมจะติดต้ังไมล์แคทอายไปอีกตัว ทำไมเหรอคับ... เพราะไมล์กามิน มันอยู่ได้ประมาณ 15 ชั่วโมง ส่วนไมล์แคทอายอยู่ได้หลายเดือนกว่าแบตจะหมด ไมล์จักรยานเปรียบเสมือนเข็มทิศของนักปั่นจักรยาน ถ้าไม่มีไมล์ก็เหมือนกับล่องเรือในมหาสมุทรโดยไม่มีเข็มทิศ วิธีการใช้ไมล์ของผม ทั้ง 2 ตัว นี้มีประโยชน์หมดครับ ไมล์แคทอาย ผมจะรีเซ็ททุกอย่างเป็น 0 หมด แล้วใช้ประกอบคิวชีสเพื่อเป็นแผนที่นำทาง ส่วนไมล์กามิน ไว้เป็นไมล์นำทางเวลาที่ขี้เกียจอ่านคิวชีส คือปั่นตามที่มันบอกไปเรื่อยๆ
การใช้ไมล์แคทอายประกอบคิวชีสมีวิธีดังนี้ (ผมไม่ได้ไปลอกเลียนแบบไครที่ไหนมาน่ะคับ คิดเอาเอง) สมมุติในคิวชีสบอกว่าให้ตรงไป 5 กิโล แล้วเลี้ยวขวา ผมก็จะเริ่มปั่นไป ดูหน้าจอระยะ DST พอครบ 5 กิโล ก็เลี้ยวขวา หลังจากนั้นก็กดปุ่มรีเซ็ทไหม่ ระยะ DST ก็จะเป็น 0 ใหม่ แล้วก็เริ่มปั่นไปใหม่ตามที่ระยะคิวชีสบอก โดยที่ระยะทางสะสม ODO ไม่หายน่ะครับ มันจะบวกไปเรื่อยๆ
ที่นี้มาดูไฟท้ายของผมบ้างครับ
นี่ครับไฟท้ายของผม เป็นแบบใส่ถ่าน aaa 2 ก้อน ครับ ที่เห็นเป็นสายดำๆ นั่น ผมเอาเคเบิ้ลไทรัดไว้อีกรอบคับ กลัวหลุด เช่นเดียวกันครับ ไฟท้ายผมก็ใช้มามากมายหลายแบบ ค้นหามาเยอะแยะไปหมด จนมาจบที่ตัวนี้ ไฟท้ายตัวนี้เขาเคลมไว้ว่าเปิดในโหมดกระพริบอยู่ได้ 200 ชั่วโมง เปิดในโหมดสว่างได้ 60 ชม. ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการปั่นคร้ังนี้ แสงไฟท้ายที่พุ่งออกมาสามารถมองเห็นในระยะไกลมาก ไฟท้าย 20 บาท ที่ขายกันทั่วไปใช้ได้ม้ัย...... ถ้าจะใช้กันก็ใช้ได้แหละครับ แต่มันมองไกลๆไม่เห็น อีกอย่างถ้าไปปั่นระยะไกลๆ แบบนี้ ต้องซื้อเป็น 4-5 อันแน่ๆ ถ้าโดนน้ำ น้ำเข้า เจ๋งหมด ถ้าจะให้ซื้อ 4-5 อัน แล้วพกไปคงไม่ไหว เพราะมีอุปกรณ์อื่นที่ต้องพกไว้กับตัวเยอะพออยู่แล้ว
มาเข้า 600 กิโลเมตร พัทยา-ตราด กันต่อครับ หลังจากที่ผม ออกตัวจากจุด Control Point ที่เนินนางพญา ที่ระยะ 206 กิโลเมตร ขณะนั้นเวลา 15.45 น. ผมใช้เวลาปั่นต้ังแต่ออกตัวมาแล้ว 5 ชั่วโมง 45 นาที ถามว่าท้อมั้ย.........ตอบตรงๆเลยว่า ท้ออออออ ถามว่าเหนื่อยมั้ย........ตอบตรงๆ ว่า เหนื่อย........ เพลีย อากาศร้อนมากครับ เป้าหมายต่อไปผมจะต้องปั่นไปอีกประมาณ 40 กิโลเมตร เพื่อไปถึง Check Point 3 ร้าน 7-11 ซึ่งจะต้องซื้อของ เก็บใบเสร็จและประทับตรา ยังมีกำลังใจนิดนึ่งตรงที่ว่าลงเนินแล้วก็ปล่อยไหลไปเรื่อย ผมเอาไมล์กามินมาใส่กระเป๋าท้ายจักรยานเพื่อชาร์ทกับ POWER BANK ไปเรื่อยๆ แบตยังไม่หมดหรอกครับ แต่ผมอยากให้เต็มไว้ ตั้งใจไว้ว่าเอามาใช้งานตอนกลางคืน ในช่วงนี้ผมก็เลยใช้คิวชีสประกอบไมล์แคทอายนำทางไปเรื่อยๆ ก่อน
ลงมาจากเนินผ่านหมู่บ้านชาวประมง ลมเย็น วิวสวยงามดี แต่ผมเหนื่อยเหลือเกิน เริ่มปั่นอยู่คนเดียว ตะคริวถามหาเป็นระยะๆ ความเร็วเหลือประมาณ 25 ผมก็ปั่นไปเรื่อยๆ
ผมนึกว่าเนินแบบนางพญาจะหมดแล้ว ปรากฎว่าไม่ใช่ครับ มีอีกๆ มีอีกๆ แต่มันมาจังหวะที่อ่อนเปลี้ย เพลียแรงแล้ว นั้นคือหาดจ้าวหลาวครับ เป็นเนินเยอะกว่าเนินทางพญาอีก ผมเป็นตะคริวแล้ว ตะคริวๆอีก ค่อยๆ กระดึบเข้าไป ผมสงสัยเหลือเกินรอบนี้ทำไมเป็นตะคริวเยอะจริงๆ ซึ่งจริงๆแล้วอาการตะคริวกับผมนั้นไม่รู้จักกันนานแล้ว ผมเป็นเฉพาะใหม่ๆ ตอนเริ่มปั่นเท่านั้น หลังจากนั้นก็ดูแลเรื่องการกิน ปรากฎว่าตะคริวหายไปหมด แต่มารอบนี้ตะคริวเยอะเหลือเกิน แต่ให้ผมยอมแพ้นั่นเหรอ...... ไม่มีทางครับ สำหรับผม
ขึ้นเนินยาวๆๆไป
จุดที่อันตรายที่สุดของคร้ังนี้ครับ อยู่ที่หาดจ้าวหลาว เป็นเนินลงมาแบบชันมากแล้วก็หักศอกทันที ผมเพิ่งเคยมาคร้ังแรก ตกใจมาก เสียวจริงๆ กลัวมันทะลุลงเขาไป ถ้าเป็นกลางคืนคงอันตรายมาก ดีที่ผมมาถึงช่วงเย็น แล้วก็ลงผ่านไปด้วยดีครับ กำเบรคแน่น แล้วก็ลงจากจักรยานค่อยๆ จูง เลี้ยวหักศอกลงเขาไป รถสัญจรไปมาเยอะมากครับ
ที่ระยะ 227 กิโล ถึงสะพานแขมหนู บรรยากาศสวยงามตามท้องเรื่องครับ
ที่ระยะ 242 ผ่านสะพานตากสินมหาราช หรือสะพานแหลมสิงห์ สวยดีครับ ตอนนี้อีกนิดเดียวผมจะถึง จุด Check Point 3 ร้าน 7-11 แล้วครับ กำลังใจ ความฮีกเหิม เริ่มคืบคลานกลับมาอีกคร้ัง
ถึงแล้วครับ ยังยิ้มได้ นักพักผ่อนกันหน่อย มีสาวสวยร่วมปั่นด้วยครับ พูดคุยทักทายกันไปพอสมควร จุดนี้พักประมาณ 10 นาที ครับ ค่อยๆ ผ่อนคลายแล้วก็ออกเดินทางกันต่อไป จากจุดนี้จะต้องเตรียมตัวให้ดี น้ำต้องเต็ม 2 กระติก เพราะเดี๋ยวจะเริ่มเย็น แล้วจะมืด ร้านค้า ชาวบ้านจะเริ่มปิด แล้วมันจะหาอะไรยาก อีกประมาณ 70 กิโล จะถึงจุด Check Point 4 เป็นศูนย์กีฬาเทศบาลตราด ตอนนี้ก็เวลา 17.43 น. แล้ว ผมปั่นมาแล้ว 10 ชม. 43 นาที
พอเริ่มหายใจคล่องผมก็เริ่มออกเดินทางต่อครับ ช่วงเย็นๆแบบนี้ผมชอบครับ อากาศไม่ร้อน ผมก็เริ่มทำความเร็วได้แล้วครับ แล้วก็ยิงยาวๆไปเรื่อยๆเลยครับ
อากาศกำลังดีครับ เย็นสบาย เลยทำความเร็วได้หน่อย ปั่นคนเดียว ยิงยาวๆไปครับ
ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า... ฉันมาทำอะไร ที่นี่............
เริ่มมืดละฮะ.... น่ากลัวอยู่คนเดียว ผมเลยเร่งฝีเท้า......... ผ่อนฝีเท้า......... กะหาสมาชิกร่วมเดินทางซะหน่อย เจอจนได้ครับ ไปด้วยกันครับ ไปกันเยอะๆ ปลอดภัยดี ผลัดกันลาก เพื่อเร่งทำความเร็ว ถึงเร็ว พักเร็วครับ เหนื่อยเร็วด้วยครับ 5555+++
เห็นความสำคัญของเสื้อสะท้อนแสงมั้ยครับ เห็นได้ในระยะไกล ปลอดภัยครับ
ไม่ต้องคิดมาก นอนๆ ไป
มาถึงแล้วฮะ Check Point 4 เป็นศูนย์กีฬาเทศบาลตราด ที่ระยะ 310 กิโลเมตร ขณะนี้เวลา 20.40 น. ผมปั่นมา 13 ชม.40 นาทีแล้ว
ตรงจุดนี้มีข้าวต้มไก่กับไข่ให้กินครับ ผมกินไป 3 ถ้วย ไข่ 3 ลูก ค่อยรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยครับ พักตรงจุดนี้ประมาณ 20 นาที เราก็ออกเดินทางต่อไป เป้าหมายต่อไป อยู่ไกลออกไป 70 กิโล เป็น Check Point 5 วัดเขาแหลมสิงห์ ครับ
ถึงแล้วฮะ... ขณะนี้เวลา 00.26 น. ผมปั่นมาแล้ว 17 ชม.26 นาที นอนตายกันเกลื่อนกราด ผมเองก็เพลียจัง แต่นอนไม่หลับ ผมคิดว่าเวลากลางคืนเป็นโอกาศที่ดี น่าปั่น เพราะมันไม่ร้อน ผมเลยชอบปั่นกลางคืนมากกว่า
ไม่ต้องบรรยายมากครับ นัยตาผมบอกอารมณ์ได้ดี 555+++
ณ จุดนี้มีก๋วยเตียวไก่ให้กินครับ ผมก็กินไปอีก 3 ถ้วย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง พักตรงจุดนี้ ล้างเนื้อ ล้างตัว หายเหนียวตัว ประมาณ 15 นาที ผมก็ไปต่อครับ ผมอยากใช้เวลากลางคืนให้คุ้มค่า เดี๋ยว กลางวันร้อนแน่ๆ ไปกันต่อครับ จุดต่อไป เป็น Check Point 6 ร้าน 7-11 ที่ระยะ 458 กิโลเมตร ผมต้องปั่นออกไปจากจุดนี้ประมาณ 80 กิโล
เอาให้สว่างคาตากันไปเลย
ถึงแล้วฮะ... จุด Check Point 6 ร้าน 7-11 ที่ระยะ 458 กิโลเมตร ตอนนี้ ผมง่วงมาก ไม่ได้นอนเลย มาแล้วครับ อารมณ์คล้ายๆ ช่วงบ่ายเมื่อวาน ท้อจัง ตรงจุดนี้ ผมง่วงมาก เลยนอนครับ หลับสนิทเลย ผมได้ยินเหมือนนักปั่นเริ่มทยอยมา แล้วก็ปั่นออกไปเรื่อยๆ ผมหลับไปประมาณ 20 นาที ก็ลุกขึ้น กินกาแฟ ยัดอาหาร เข้าท้อง แล้วก็ออกเดินทางต่อครับ อีก ประมาณ 150 กิโล ถึงเป้าหมายแล้วครับ (ให้กำลังใจตัวเองครับ)
มาถึงละฮะ จุด Check Point 7 วัดละหารไร่ ที่ระยะ 529 กิโล พักนิดหน่อย เติมน้ำเต็มไปต่อครับ
่ช่วงระยะ 70 กิโล สุดท้าย โหดจริงๆ ครับ ขึ้นลงเนินอีกแล้วครับ ชันๆ ลงยาวๆ คนละเส้นกับตอนขามา ผมมองป้ายเข้าพัทยา 21 กิโล ถึง พัทยา แต่ออแด็กซ์ให้อ้อมไปเป็น 40 กิโล 555+++ ผมคิดในใจ จะอ้อมทำไมเนี๋ย... กุปั่นจักรยานน่ะ ไม่ได้ขับรถยนต์ ระยะทาง 70 กิโล สุดท้าย บรรกาศ เหมือนลงสนามแข่ง 90 กิโล ตามงานทั่วไปครับ มันส์จริงๆ แซงกันไป แซงกันมา รวดเร็ว และท้ายที่สุดก็ถึงเป้าหมายจนได้ครับ
ยังยิ้มได้ ขาสั่นพอสมควร
ผมใช้เวลาในการปั่นไปทั้งสิ้น 30 ชั่วโมง 32 นาที กับระยะทาง 605 กิโลเมตร เข้าเส้นชัย คนที่ 8 ครับ สวัดดีครับ เจอกันใหม่โอกาศหน้าครับ