ออแด็กซ์ พัทยา-ตราด 600 กิโลเมตร “โหด ฮา น้ำตาร่วง” ตอนที่ 2
สวัสดีอีกครั้งครับ ทุกๆท่าน ต่อเนื่องจากการรีวิวครั้งที่ 1 ครั้งนี้เริ่มออกตัวแล้วครับผม เริ่มปล่อยตัว 600 กิโลเมตร ในครั้งนี้ เวลา 07.00 น. ผมค่อนข้างจะประทับใจกับความตรงเวลาของออ-ซ์มากครับ คือตรงเวลามาก ถึงเวลา ปล่อยตัวทันที แต่ก่อนตอนเริ่มปั่นใหม่ๆ ผมไม่ค่อยดูเวลา อาศัยดูสมาชิกนักปั่นท่านอื่นเอา ซึ่งทำให้ผมพลาดบ่อยๆ ตอนหลังรู้แล้วครับ ยึดนาฬิกาเป็นหลัก ถึงเวลาปุ๊บปล่อยตัวปั๊บ
ยิ้มแย้มแจ่มใส สดชื่น..........เต็มที่ครับ เพิ่งปล่อยตัว 555+++
ผมให้ความสำคัญกับการออกตัวมากเป็นพิเศษ เพราะตอนออกตัวร่างกายเราพร้อมเต็มที่ ผมจะต้องออกตัวเกาะกลุ่มแรกให้ได้ ขึ้นเป็นหัวลากบ้างเป็นบางจังหวะ เพื่อแบ่งเบา และทำให้ภาพรวมของกลุ่มเร็ว แรงขึ้น และอีกอย่างหนึ่งการออกตัวให้เกาะกลุ่มแรกให้ได้ มันมีประโยชน์หลายอย่าง เช่นถ้าเรายางรั่ว เราก็จะหลุดกลุ่มไปอยู่กลุ่ม 2 หรือ 3 ได้อีก และอีกอย่างการอยู่กลุ่มแรก หรือกลุ่ม 2 หรือกลุ่ม 3 มันก็ใช้แรงเท่ากัน ผมก็เลยเลือกที่จะอยู่กลุ่มแรกไปซะทีเดียวเลย ออกตัวจากจุดปล่อยตัวที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา ก็มุ่งหน้าสู่ถนนเลียบหาด ขนาดผมว่าจะเกาะกลุ่มแรกแล้วน่ะ ยังโดนทิ้งไปซะเกือบกิโล เอาซะเหนื่อยเลยกว่าจะกวดทัน ว่องไวกันจริงๆ พอไปถึงก็สลับขึ้นลากบ้างเป็นบางจังหวะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะขี่อยู่ในประมาณโซน 2 หรือโซน 3 ไม่เกินไปกว่านี้ ที่นี้ผมกดไมล์เพื่อดูการเต้นของหัวใจ ปรากฏว่า ไม่มีหัวใจครับ เวรกรรม!!! ผมลืมสายฮาร์ทเรตไว้ที่บ้าน โอ้... ตายแน่ที่นี้ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าหัวใจทำงานหนักขนาดไหน ขนาดผมเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วน่ะ ยังจะลืมอีก ผมเลยต้องดูแต่รอบขา กับความเร็วเท่านั้น
ที่หน้าผมวอกนี้ไม่ใช่รักสวยรักงามน่ะครับ ครีมกันแดดล้วนๆ spf 50++ ข้างหลังรู้สึกเสียวๆหน่อย ค่อยๆลาก ค่อยๆไปครับ 555+++
ตอนช่วงออกตัวมาค่อนข้างสนุกครับ คนเยอะแยะไปหมด ดูตื่นตา ตื่นใจดี ขี่บนถนนเลียบหาด ไปเรื่อยๆ ความเร็วประมาณ 32-33 ชายทะเลสวยมากครับ ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเป็นบางจังหวะ
บรรยากาศ สวยงามมากๆครับ ดูแล้ว สบายอก สบายใจดี
ปั่นไปประมาณ 20 กิโล ก็เริ่มเข้าสู่ถนนสายสุขุมวิท มุ่งหน้าไประยอง ปรากฏว่านักปั่นตอนนี้เหมือนปั่นแข่งรายการ 40 กิโลเมตร ซึ่งปั่นกันเร็วมาก ผมก็ปั่นเกาะกลุ่มไป ด้วยความที่ไม่มีฮาร์ทเรต ไม่รู้หัวใจตัวเองทำงานเท่าไหร่ ประกอบกับความคึกคะนองผมก็อัดไปเลย ข้างหลังก็แซงผมอีก ผมก็ไม่ยอม แซงขึ้นอีก ลากแมร่งไปเลย 555++++ ไปถึงความเร็ว 45++ ไปถึงช่วงไฟแดง ก็เริ่มชะลอความเร็ว ข้างหลังผมตะโกนมาว่า “พี่ ใจเย็นๆๆ โซน 4 โซน 5 เลยน่ะ “ ผมก็เลยชะลอแล้วรอให้ไฟแดง เพื่อที่จะหยุดไฟแดงสมาชิกจะได้มาทันกันทั้งหมด หยุดที่ไฟแดง เริ่มมีเสียงโอดครวญ ผมวางแผนใหม่ ต้องจัดการตัวเองใหม่ จะไปแบบนี้ไม่ได้ 5555++++ ไม่งั้น ไม่จบแน่ ได้นอนโรงบาลก่อน ได้ไฟเขียวก็ขี่กันไปต่อ ความเร็วก็เหลือที่ประมาณ 35 ไปเรื่อยๆ
ปั่นกันเป็นแถว เป็นแนว เรียบร้อยดีมากครับ
ปั่นจนถึง Control Point ที่ระยะ 40 กิโลเมตร ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. โดยจุดนี้ทุกคนจะต้องเก็บใบเสร็จ 7-11 ไว้เพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่หลังจากที่ปั่นเสร็จเพื่อเป็นหลักฐาน ในจุดนี้ทุกคนยังสดชื่นมาก ซื้อของใน 7-11 กันอย่างรวดเร็ว ซื้อเสร็จก็ควบจักรยานมุ่งไปสู่จุดหมายต่อไปอย่างมุ่งมั่น ผมเองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับนักปั่นท่านอื่นๆ
ณ จุด Control Point ประทับตราเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อไปครับ
หลังจากออกตัวจากจุดนี้ไปได้ไม่นานนัก มาแล้วครับ เนินซึมๆ ยาวๆ ตัวกินแรงเลยครับ คือเป็นเนินยาวมากกกก ค่อยๆ ขึ้นสูงไปเรื่อย แล้วก็ลงบ้างเป็นบางจังหวะ คนปั่นเองก็เริ่มซึมแล้วเหมือนกันครับ
“เนินซึมๆ ยาวๆ ขึ้นลง เป็นบางจังหวะ ผมพยายามไม่มองครับ มองแล้วมันท้อใจเหลือเกิน”
ตอนนี้ผมก็ใช้เคล็ดวิชาครับ จัดข้าวสวยกับเนื้อทอดไป 1 ห่อ ผมชวนคนข้างหลังกินด้วย เขาบอก “เอาเลยพี่” กินเสร็จ กินน้ำตาม สักพักก็ขนม 1 ห่อเล็ก รู้สึกกระชุ่มกระชวยมาหน่อย ก็ปั่นไปเรื่อยๆ แดดเริ่มร้อนแล้วครับ และก็เริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ปั่นไปได้ที่ระยะ 80-90 กิโล ผมก็จัดข้าวสวยกับเนื้อทอดไปอีก 1 ห่อ
กระทั่งไปถึงจุด Check Point 1 ที่ระยะ 106.5 กิโล เป็นวัดละหารไร่ ซึ่ง ณ จุดนี้ ทุกคนจะต้องนำใบ Brevet (ใบที่แสดงหลังฐานการปั่น) มาให้เจ้าหน้าที่ประทับตรา ลงเวลา
ณ จุด Check Point 1 คนมาเที่ยวเยอะมากครับ
ทีมงานออ-ซ์ ทำงานประทับตราอย่างขะมักเขม้นครับ ท่าจะเหนื่อยน่าดู
นี่ครับ ท่านเบริด ท่านผ่าน 1,400 กิโลเมตร จากฝรั่งเศส มาแล้วครับ บอกว่า 600 ออ-ซ์ จิ๊บๆ
ที่วัดละหารไร่ มีคนมาเที่ยวเยอะมาก ผมปั่นจักรยานเข้าไปว่าจะหาที่ร่มหลบพักหน่อย แต่ไม่มีเลย คนเต็มไปหมด ณ จุดนี้ มีแตงโม มีน้ำแข็งถังใหญ่ๆ ไว้ให้บริการ ผมกินแตงโมจนชุ่มฉ่ำใจ กินน้ำแข็งพอชื่นใจ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อปั่นต่อ นั่งพักเหนื่อยไปได้ยังไม่ถึง 10 นาที ได้ยินเสียงนักปั่นท่านอื่นบอก “ไปๆๆ ... ไปกันต่อ...” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เอ้า... ไปก็ไป
ออกเดินทางต่อไปมุ่งหน้า ระยอง ทางเป็นเนินซึมๆ ยาวๆ
ขี่ออกจากจุดนี้ ออกไปอีกประมาณ 60 กิโล จะถึง จุด Check Point 2 ซึ่งเป็น 7-11 จะต้องประทับตรา และซื้อของเก็บใบเสร็จ
ถึงแล้วครับ Check Point 2 ร้อนๆๆๆ ร้อนๆๆ มากครับ
ถอดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากร่างกายครับ ให้เท้าได้ผ่อนคลาย ผมตั้งใจกะพักจุดนี้ซัก 10 นาที ให้พอหายเหนื่อย แล้วค่อยไปต่อ
ถึงจุดนี้ ผมเริ่มปลีกตัวออกมาปั่นคนเดียวแล้ว รู้สึกว่าจะต้องปั่นตามจังหวะของตัวเอง การปั่นเป็นกลุ่ม กับคนเดียว มันต่างกันมากครับ ปั่นเป็นกลุ่มได้ความเร็ว เนื่องจากมีหัวลากคอยลากให้ แต่ข้อเสียคือเราจะปั่นตามใจเราไม่ได้ ปั่นคนเดียวช้าหน่อย แต่อยากจะทำอะไรก็ตามสบาย แต่ต้องควบคุมตัวเอง จัดสรรเวลาให้ได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าช้าไป เนื่องจากพักเยอะไปอีก
พักเรียบร้อย ผมเริ่มออกปั่นต่อครับ ตอนนี้ผมเริ่มหวั่นๆ ใจแล้ว เนื่องจากระยะ ข้างหน้าอีกประมาณ 40 กิโล ผมจะต้องผ่านเนินนางพญา ในตำนาน และจะมีจุด Control Point อยู่บนเนินทางพญาด้วย นี่คือยุทธวิธีของ ออแด็กซ์ หากมีคนคิดจะเล่นไม่ซื่อ ไม่ผ่านก็ไม่ได้เพราะต้องไปประทับตรา เอาไว้ปราบพวกมารที่จะหาทางซอกแซกไม่ผ่านครับ 555+++
ระหว่างทางไป ขึ้นเนิน ลงเนินมาเรื่อยๆ จนผมเริ่มปวดขา เป็นตะคริว 6 รอบ พอเป็นตะคริวนี่ต้องจอดทันทีเลยครับ ไม่ฝืน แล้วงัดไอเท็มออกมาทาๆ นวดๆ พักแปบนึง พอเริ่มคลายตัวก็ออกปั่นต่อ
เป็นตะคริวครับ ยังยิ้มได้ ทิ้งจักรยานเลย ปวดจัด
เฮ๊ย!!!..... จักรยานผม ทำไมมันหนักจังหว่า???................... หนักจริงๆ
ผมเริ่มมานั่งพิจารณาจักรยานตัวเอง ที่มันหนักเพราะ กระเป๋าหลังนี่เอง ผมแทบจะปลดทิ้งตรงนั้นเลย แต่..ทิ้งไม่ได้ เพิ่งซื้อมา เสียดาย เพิ่งออกงานแรกเอง แล้วอุปกรณ์ที่พกมาหนัก ๆ นี่ ยังไม่ได้หยิบมาใช้ซักอย่าง แต่เอาวะ !! มาถึงขนาดนี้แล้วกลั้นใจพกมันไปต่อ ยิ่งทางขึ้นเขาแล้วด้วย หืดขึ้นคอเลย
มาถึงเนินนางพญาแล้วฮ่ะ มีป้ายความชัน 8% ผมค่อยๆ กระดึบๆ ขึ้นไปครับ
ถึงจุด Control Point บนเนินทางพญา จะต้องไปประทับตรา ถึงจุดนี้ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยๆ ข้างหน้ามันคือทางลงเนิน แล้วค่อยว่ากันต่อไป
สมาชิกร่วมเดินทางครับ ยังยิ้มได้ครับ
วิวสวยๆ ครับ จุดชมวิว คนมาเที่ยวเยอะจริงๆ ครับ
ปั่นจักรยานได้บรรยากาศของการท่องเที่ยวครับ สนุกดี ค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบเหมือนเราขับรถยนต์ ทำให้เราเห็นชีวิตของผู้คน บรรกาศ นักท่องเที่ยว เห็นรายละเอียดต่างๆ เป็นโลกอีกใบหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่เคยปั่นจักรยานจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรส
ขอจบรีวิวครั้งนี้ก่อนน่ะครับ เด๋วค่อยมาต่อ เข้าสู่โหมดกลางคืน รุ่งส่าง สว่างคาตากันต่อไป ตอนนี้เดินทางมาได้ที่ระยะ 206 กิโลเมตรแล้ว เหลืออีกประมาณ 400 กิโลเมตร เด๋ว จะมารีวิวต่อครับผม ไม่ใช่นักเขียน ไม่ได้เป็นผู้เจนจัดในภาษาไทย ผิด ถูกตรงไหน ก็ขอน้อมรับครับ อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ปั่นให้เพื่อนนักปั่นและเป็นแรงบันดาลใจให้หันมาดูสุขภาพกันเยอะๆครับ
ปล.. ตอนนี้ข้าวสวยเนื้อทอดผม หมดไป 4 ห่อ แล้ว ... ครับผม
รีวิว Audax ปั่นจักรยาน 600 km. "พัทยา- ตราด โหด มัน ฮา น้ำตาร่วง" ตอนที่ 2
สวัสดีอีกครั้งครับ ทุกๆท่าน ต่อเนื่องจากการรีวิวครั้งที่ 1 ครั้งนี้เริ่มออกตัวแล้วครับผม เริ่มปล่อยตัว 600 กิโลเมตร ในครั้งนี้ เวลา 07.00 น. ผมค่อนข้างจะประทับใจกับความตรงเวลาของออ-ซ์มากครับ คือตรงเวลามาก ถึงเวลา ปล่อยตัวทันที แต่ก่อนตอนเริ่มปั่นใหม่ๆ ผมไม่ค่อยดูเวลา อาศัยดูสมาชิกนักปั่นท่านอื่นเอา ซึ่งทำให้ผมพลาดบ่อยๆ ตอนหลังรู้แล้วครับ ยึดนาฬิกาเป็นหลัก ถึงเวลาปุ๊บปล่อยตัวปั๊บ
ยิ้มแย้มแจ่มใส สดชื่น..........เต็มที่ครับ เพิ่งปล่อยตัว 555+++
ผมให้ความสำคัญกับการออกตัวมากเป็นพิเศษ เพราะตอนออกตัวร่างกายเราพร้อมเต็มที่ ผมจะต้องออกตัวเกาะกลุ่มแรกให้ได้ ขึ้นเป็นหัวลากบ้างเป็นบางจังหวะ เพื่อแบ่งเบา และทำให้ภาพรวมของกลุ่มเร็ว แรงขึ้น และอีกอย่างหนึ่งการออกตัวให้เกาะกลุ่มแรกให้ได้ มันมีประโยชน์หลายอย่าง เช่นถ้าเรายางรั่ว เราก็จะหลุดกลุ่มไปอยู่กลุ่ม 2 หรือ 3 ได้อีก และอีกอย่างการอยู่กลุ่มแรก หรือกลุ่ม 2 หรือกลุ่ม 3 มันก็ใช้แรงเท่ากัน ผมก็เลยเลือกที่จะอยู่กลุ่มแรกไปซะทีเดียวเลย ออกตัวจากจุดปล่อยตัวที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา ก็มุ่งหน้าสู่ถนนเลียบหาด ขนาดผมว่าจะเกาะกลุ่มแรกแล้วน่ะ ยังโดนทิ้งไปซะเกือบกิโล เอาซะเหนื่อยเลยกว่าจะกวดทัน ว่องไวกันจริงๆ พอไปถึงก็สลับขึ้นลากบ้างเป็นบางจังหวะ ผมตั้งใจไว้ว่าจะขี่อยู่ในประมาณโซน 2 หรือโซน 3 ไม่เกินไปกว่านี้ ที่นี้ผมกดไมล์เพื่อดูการเต้นของหัวใจ ปรากฏว่า ไม่มีหัวใจครับ เวรกรรม!!! ผมลืมสายฮาร์ทเรตไว้ที่บ้าน โอ้... ตายแน่ที่นี้ แล้วจะรู้ได้ไง ว่าหัวใจทำงานหนักขนาดไหน ขนาดผมเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วน่ะ ยังจะลืมอีก ผมเลยต้องดูแต่รอบขา กับความเร็วเท่านั้น
ที่หน้าผมวอกนี้ไม่ใช่รักสวยรักงามน่ะครับ ครีมกันแดดล้วนๆ spf 50++ ข้างหลังรู้สึกเสียวๆหน่อย ค่อยๆลาก ค่อยๆไปครับ 555+++
ตอนช่วงออกตัวมาค่อนข้างสนุกครับ คนเยอะแยะไปหมด ดูตื่นตา ตื่นใจดี ขี่บนถนนเลียบหาด ไปเรื่อยๆ ความเร็วประมาณ 32-33 ชายทะเลสวยมากครับ ผมหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเป็นบางจังหวะ
บรรยากาศ สวยงามมากๆครับ ดูแล้ว สบายอก สบายใจดี
ปั่นไปประมาณ 20 กิโล ก็เริ่มเข้าสู่ถนนสายสุขุมวิท มุ่งหน้าไประยอง ปรากฏว่านักปั่นตอนนี้เหมือนปั่นแข่งรายการ 40 กิโลเมตร ซึ่งปั่นกันเร็วมาก ผมก็ปั่นเกาะกลุ่มไป ด้วยความที่ไม่มีฮาร์ทเรต ไม่รู้หัวใจตัวเองทำงานเท่าไหร่ ประกอบกับความคึกคะนองผมก็อัดไปเลย ข้างหลังก็แซงผมอีก ผมก็ไม่ยอม แซงขึ้นอีก ลากแมร่งไปเลย 555++++ ไปถึงความเร็ว 45++ ไปถึงช่วงไฟแดง ก็เริ่มชะลอความเร็ว ข้างหลังผมตะโกนมาว่า “พี่ ใจเย็นๆๆ โซน 4 โซน 5 เลยน่ะ “ ผมก็เลยชะลอแล้วรอให้ไฟแดง เพื่อที่จะหยุดไฟแดงสมาชิกจะได้มาทันกันทั้งหมด หยุดที่ไฟแดง เริ่มมีเสียงโอดครวญ ผมวางแผนใหม่ ต้องจัดการตัวเองใหม่ จะไปแบบนี้ไม่ได้ 5555++++ ไม่งั้น ไม่จบแน่ ได้นอนโรงบาลก่อน ได้ไฟเขียวก็ขี่กันไปต่อ ความเร็วก็เหลือที่ประมาณ 35 ไปเรื่อยๆ
ปั่นกันเป็นแถว เป็นแนว เรียบร้อยดีมากครับ
ปั่นจนถึง Control Point ที่ระยะ 40 กิโลเมตร ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. โดยจุดนี้ทุกคนจะต้องเก็บใบเสร็จ 7-11 ไว้เพื่อนำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่หลังจากที่ปั่นเสร็จเพื่อเป็นหลักฐาน ในจุดนี้ทุกคนยังสดชื่นมาก ซื้อของใน 7-11 กันอย่างรวดเร็ว ซื้อเสร็จก็ควบจักรยานมุ่งไปสู่จุดหมายต่อไปอย่างมุ่งมั่น ผมเองก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกับนักปั่นท่านอื่นๆ
ณ จุด Control Point ประทับตราเสร็จก็ออกเดินทางกันต่อไปครับ
หลังจากออกตัวจากจุดนี้ไปได้ไม่นานนัก มาแล้วครับ เนินซึมๆ ยาวๆ ตัวกินแรงเลยครับ คือเป็นเนินยาวมากกกก ค่อยๆ ขึ้นสูงไปเรื่อย แล้วก็ลงบ้างเป็นบางจังหวะ คนปั่นเองก็เริ่มซึมแล้วเหมือนกันครับ
“เนินซึมๆ ยาวๆ ขึ้นลง เป็นบางจังหวะ ผมพยายามไม่มองครับ มองแล้วมันท้อใจเหลือเกิน”
ตอนนี้ผมก็ใช้เคล็ดวิชาครับ จัดข้าวสวยกับเนื้อทอดไป 1 ห่อ ผมชวนคนข้างหลังกินด้วย เขาบอก “เอาเลยพี่” กินเสร็จ กินน้ำตาม สักพักก็ขนม 1 ห่อเล็ก รู้สึกกระชุ่มกระชวยมาหน่อย ก็ปั่นไปเรื่อยๆ แดดเริ่มร้อนแล้วครับ และก็เริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ปั่นไปได้ที่ระยะ 80-90 กิโล ผมก็จัดข้าวสวยกับเนื้อทอดไปอีก 1 ห่อ
กระทั่งไปถึงจุด Check Point 1 ที่ระยะ 106.5 กิโล เป็นวัดละหารไร่ ซึ่ง ณ จุดนี้ ทุกคนจะต้องนำใบ Brevet (ใบที่แสดงหลังฐานการปั่น) มาให้เจ้าหน้าที่ประทับตรา ลงเวลา
ณ จุด Check Point 1 คนมาเที่ยวเยอะมากครับ
ทีมงานออ-ซ์ ทำงานประทับตราอย่างขะมักเขม้นครับ ท่าจะเหนื่อยน่าดู
นี่ครับ ท่านเบริด ท่านผ่าน 1,400 กิโลเมตร จากฝรั่งเศส มาแล้วครับ บอกว่า 600 ออ-ซ์ จิ๊บๆ
ที่วัดละหารไร่ มีคนมาเที่ยวเยอะมาก ผมปั่นจักรยานเข้าไปว่าจะหาที่ร่มหลบพักหน่อย แต่ไม่มีเลย คนเต็มไปหมด ณ จุดนี้ มีแตงโม มีน้ำแข็งถังใหญ่ๆ ไว้ให้บริการ ผมกินแตงโมจนชุ่มฉ่ำใจ กินน้ำแข็งพอชื่นใจ หายใจเข้าลึกๆ เพื่อปั่นต่อ นั่งพักเหนื่อยไปได้ยังไม่ถึง 10 นาที ได้ยินเสียงนักปั่นท่านอื่นบอก “ไปๆๆ ... ไปกันต่อ...” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ เอ้า... ไปก็ไป
ออกเดินทางต่อไปมุ่งหน้า ระยอง ทางเป็นเนินซึมๆ ยาวๆ
ขี่ออกจากจุดนี้ ออกไปอีกประมาณ 60 กิโล จะถึง จุด Check Point 2 ซึ่งเป็น 7-11 จะต้องประทับตรา และซื้อของเก็บใบเสร็จ
ถึงแล้วครับ Check Point 2 ร้อนๆๆๆ ร้อนๆๆ มากครับ
ถอดทุกสิ่งทุกอย่างออกจากร่างกายครับ ให้เท้าได้ผ่อนคลาย ผมตั้งใจกะพักจุดนี้ซัก 10 นาที ให้พอหายเหนื่อย แล้วค่อยไปต่อ
ถึงจุดนี้ ผมเริ่มปลีกตัวออกมาปั่นคนเดียวแล้ว รู้สึกว่าจะต้องปั่นตามจังหวะของตัวเอง การปั่นเป็นกลุ่ม กับคนเดียว มันต่างกันมากครับ ปั่นเป็นกลุ่มได้ความเร็ว เนื่องจากมีหัวลากคอยลากให้ แต่ข้อเสียคือเราจะปั่นตามใจเราไม่ได้ ปั่นคนเดียวช้าหน่อย แต่อยากจะทำอะไรก็ตามสบาย แต่ต้องควบคุมตัวเอง จัดสรรเวลาให้ได้ ไม่งั้นจะกลายเป็นว่าช้าไป เนื่องจากพักเยอะไปอีก
พักเรียบร้อย ผมเริ่มออกปั่นต่อครับ ตอนนี้ผมเริ่มหวั่นๆ ใจแล้ว เนื่องจากระยะ ข้างหน้าอีกประมาณ 40 กิโล ผมจะต้องผ่านเนินนางพญา ในตำนาน และจะมีจุด Control Point อยู่บนเนินทางพญาด้วย นี่คือยุทธวิธีของ ออแด็กซ์ หากมีคนคิดจะเล่นไม่ซื่อ ไม่ผ่านก็ไม่ได้เพราะต้องไปประทับตรา เอาไว้ปราบพวกมารที่จะหาทางซอกแซกไม่ผ่านครับ 555+++
ระหว่างทางไป ขึ้นเนิน ลงเนินมาเรื่อยๆ จนผมเริ่มปวดขา เป็นตะคริว 6 รอบ พอเป็นตะคริวนี่ต้องจอดทันทีเลยครับ ไม่ฝืน แล้วงัดไอเท็มออกมาทาๆ นวดๆ พักแปบนึง พอเริ่มคลายตัวก็ออกปั่นต่อ
เป็นตะคริวครับ ยังยิ้มได้ ทิ้งจักรยานเลย ปวดจัด
เฮ๊ย!!!..... จักรยานผม ทำไมมันหนักจังหว่า???................... หนักจริงๆ
ผมเริ่มมานั่งพิจารณาจักรยานตัวเอง ที่มันหนักเพราะ กระเป๋าหลังนี่เอง ผมแทบจะปลดทิ้งตรงนั้นเลย แต่..ทิ้งไม่ได้ เพิ่งซื้อมา เสียดาย เพิ่งออกงานแรกเอง แล้วอุปกรณ์ที่พกมาหนัก ๆ นี่ ยังไม่ได้หยิบมาใช้ซักอย่าง แต่เอาวะ !! มาถึงขนาดนี้แล้วกลั้นใจพกมันไปต่อ ยิ่งทางขึ้นเขาแล้วด้วย หืดขึ้นคอเลย
มาถึงเนินนางพญาแล้วฮ่ะ มีป้ายความชัน 8% ผมค่อยๆ กระดึบๆ ขึ้นไปครับ
ถึงจุด Control Point บนเนินทางพญา จะต้องไปประทับตรา ถึงจุดนี้ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยๆ ข้างหน้ามันคือทางลงเนิน แล้วค่อยว่ากันต่อไป
สมาชิกร่วมเดินทางครับ ยังยิ้มได้ครับ
วิวสวยๆ ครับ จุดชมวิว คนมาเที่ยวเยอะจริงๆ ครับ
ปั่นจักรยานได้บรรยากาศของการท่องเที่ยวครับ สนุกดี ค่อยๆ ดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบเหมือนเราขับรถยนต์ ทำให้เราเห็นชีวิตของผู้คน บรรกาศ นักท่องเที่ยว เห็นรายละเอียดต่างๆ เป็นโลกอีกใบหนึ่ง สำหรับผู้ที่ไม่เคยปั่นจักรยานจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรส
ขอจบรีวิวครั้งนี้ก่อนน่ะครับ เด๋วค่อยมาต่อ เข้าสู่โหมดกลางคืน รุ่งส่าง สว่างคาตากันต่อไป ตอนนี้เดินทางมาได้ที่ระยะ 206 กิโลเมตรแล้ว เหลืออีกประมาณ 400 กิโลเมตร เด๋ว จะมารีวิวต่อครับผม ไม่ใช่นักเขียน ไม่ได้เป็นผู้เจนจัดในภาษาไทย ผิด ถูกตรงไหน ก็ขอน้อมรับครับ อยากจะแบ่งปันประสบการณ์ปั่นให้เพื่อนนักปั่นและเป็นแรงบันดาลใจให้หันมาดูสุขภาพกันเยอะๆครับ
ปล.. ตอนนี้ข้าวสวยเนื้อทอดผม หมดไป 4 ห่อ แล้ว ... ครับผม