วันนี้มีงานปั่น Bangkok Bank ที่ สนามกอลฟ์ Siam Country club
ก็ปิดถนน รอบสนามกอลฟ์ให้ปั่นกัน ได้ยินคนคุยกันว่า บรรดาแชมป์รายการต่างๆของบ้านเรา มากันเยอะมาก
ความยาวสนาม รอบละ 15 กิโล ปั่น 4 รอบ ก็ประมาณ 60 โล แต่ตอนจบไมล์ผมขึ้นที่ 62 โล
เนื่องจากเป็นสนามกอลฟ์ เพราะฉะนั้น เส้นทางก็ขึ้นๆลงๆ ตามสไตล์เนินเขา
แต่ด้วยความงี่เง่าในการเข้าเกียร์ของผม รอบแรก จัดเฟืองหน้าใหญ่ ตลอดทาง แน่นอน เจอเนินก็หอบสิครับ กว่าจะรู้ตัวก็เข้ารอบ 2 แต่กล้ามเนื้อขามันเริ่มออกอาการนิดๆแล้ว แต่ด้วยว่าปั่นหนักมาก่อน พอมาปั่นเบามันก็เหมือนจะดี
แต่พอเข้ารอบสาม ตะคริวเริ่มออกอาการนิดๆ เลยจอดพักก่อน ก็มีเพื่อนนักปั่นที่ปั่นผ่าน ก็ถามว่าเป็นอะไร บางคนก็ให้กำลังใจสู้ๆ ไป
ก็ปั่นไปอีก คราวนี้ก็มาหนักกว่าเดิม เลยจอด ตรง Marshall แต่ Marshall ยังไม่ทันเดินมา ก็มีพี่ๆ มากัน 3 คน ทีมเดียวกันปั่นอยู่ถามว่าเป็นตะคริวหรือ ก็บอกว่าใช่ พี่แกทั้งสามคน จอดรถลงมา Marshall ก็เอาครีมมาให้ พี่แกนวดไล่ตะคริวให้ ซาบซึ้งมาก ก็นวดสักพักพอดีขึ้น ก็ปั่นไปต่อ
ปั่นไปเกือบจบรอบสาม ไม่รอด แถมคราวนี้มา สองขาเลย จอดรถลงไปนั่งโอดโอย ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจเรื่อยๆ ว่าอีกรอบเดียวเองพี่ อีกนิดเดียวเองพี่ เอาจริงๆ ตอนนั้นก็จะถอดใจแล้วนะ แต่คิดในใจว่า ขออีกรอบเดียวเถอะ ไม่อยากถอนตัว ไหนๆก็มาแล้ว แล้วพี่ๆทั้งสามคนเดิมก็ปั้นมาทัน(พี่แกรอเพื่อนและแว็บไปยิงกระต่าย) แต่อยู่คนละเลน ก็ตะโกนมาว่า เป็นอีกแล้วเหรอ
แต่คราวนี้ไม่รอพี่ทั้งสามล่ะ เกรงใจ สุดท้ายก็กัดฟันปั่นต่อ ส่วนพี่ๆเขาก็แซงไป ตะคริวมันก็มีอาการนิดๆนะ แต่คราวนี้พยายามคุมรอบขา ไม่ให้กดหนักเกิน และเร่งรอบเกิน เอาแค่จบ ไม่เอาเวลาล่ะ ระหว่างทาง ก็คุยเล่นกับคนอื่นบ้าง ส่วนใหญ่ ก็บอก ออกอาการตะคริวเหมือนกัน ก็ให้กำลังใจกันไป ทั้งๆที่ตัวเอง ยังไม่รู้จะรอดจนจบหรือป่าวเลย
และสุดท้ายก็ปั่นจนจบ ไปเจอพี่ๆทั้งสามอีกที ที่หน้าเส้นชัย พี่ทั้งสามก็ดีใจด้วย บอกว่า เก่งมากที่ปั่นจนจบ
สรุปงานนี้ ประทับใจ คนที่มาปั่นด้วยกันมาก ช่วยเชียร์ ช่วยให้กำลังใจกันตลอดทาง ผู้จัดงานก็จัดได้ดี เสียตรงถนนบางช่วงที่ต้องเป็นเลนสวนเลยบีบให้แคบ และ ช่วงยูเทินที่แคบมาก นอกนั้น โอเคเลย
ส่วนบรรดาแชมป์เหล่านั้น ปั่นกันแรงจริง 60 โล สนามขึ้นๆลงๆ ปั่นกันชั่วโมงครึ่งเอง
ขอบคุณ มิตรภาพดีๆ สำหรับงาน Bangkok Bank Cyclefest วันนี้นะครับ
ก็ปิดถนน รอบสนามกอลฟ์ให้ปั่นกัน ได้ยินคนคุยกันว่า บรรดาแชมป์รายการต่างๆของบ้านเรา มากันเยอะมาก
ความยาวสนาม รอบละ 15 กิโล ปั่น 4 รอบ ก็ประมาณ 60 โล แต่ตอนจบไมล์ผมขึ้นที่ 62 โล
เนื่องจากเป็นสนามกอลฟ์ เพราะฉะนั้น เส้นทางก็ขึ้นๆลงๆ ตามสไตล์เนินเขา
แต่ด้วยความงี่เง่าในการเข้าเกียร์ของผม รอบแรก จัดเฟืองหน้าใหญ่ ตลอดทาง แน่นอน เจอเนินก็หอบสิครับ กว่าจะรู้ตัวก็เข้ารอบ 2 แต่กล้ามเนื้อขามันเริ่มออกอาการนิดๆแล้ว แต่ด้วยว่าปั่นหนักมาก่อน พอมาปั่นเบามันก็เหมือนจะดี
แต่พอเข้ารอบสาม ตะคริวเริ่มออกอาการนิดๆ เลยจอดพักก่อน ก็มีเพื่อนนักปั่นที่ปั่นผ่าน ก็ถามว่าเป็นอะไร บางคนก็ให้กำลังใจสู้ๆ ไป
ก็ปั่นไปอีก คราวนี้ก็มาหนักกว่าเดิม เลยจอด ตรง Marshall แต่ Marshall ยังไม่ทันเดินมา ก็มีพี่ๆ มากัน 3 คน ทีมเดียวกันปั่นอยู่ถามว่าเป็นตะคริวหรือ ก็บอกว่าใช่ พี่แกทั้งสามคน จอดรถลงมา Marshall ก็เอาครีมมาให้ พี่แกนวดไล่ตะคริวให้ ซาบซึ้งมาก ก็นวดสักพักพอดีขึ้น ก็ปั่นไปต่อ
ปั่นไปเกือบจบรอบสาม ไม่รอด แถมคราวนี้มา สองขาเลย จอดรถลงไปนั่งโอดโอย ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจเรื่อยๆ ว่าอีกรอบเดียวเองพี่ อีกนิดเดียวเองพี่ เอาจริงๆ ตอนนั้นก็จะถอดใจแล้วนะ แต่คิดในใจว่า ขออีกรอบเดียวเถอะ ไม่อยากถอนตัว ไหนๆก็มาแล้ว แล้วพี่ๆทั้งสามคนเดิมก็ปั้นมาทัน(พี่แกรอเพื่อนและแว็บไปยิงกระต่าย) แต่อยู่คนละเลน ก็ตะโกนมาว่า เป็นอีกแล้วเหรอ
แต่คราวนี้ไม่รอพี่ทั้งสามล่ะ เกรงใจ สุดท้ายก็กัดฟันปั่นต่อ ส่วนพี่ๆเขาก็แซงไป ตะคริวมันก็มีอาการนิดๆนะ แต่คราวนี้พยายามคุมรอบขา ไม่ให้กดหนักเกิน และเร่งรอบเกิน เอาแค่จบ ไม่เอาเวลาล่ะ ระหว่างทาง ก็คุยเล่นกับคนอื่นบ้าง ส่วนใหญ่ ก็บอก ออกอาการตะคริวเหมือนกัน ก็ให้กำลังใจกันไป ทั้งๆที่ตัวเอง ยังไม่รู้จะรอดจนจบหรือป่าวเลย
และสุดท้ายก็ปั่นจนจบ ไปเจอพี่ๆทั้งสามอีกที ที่หน้าเส้นชัย พี่ทั้งสามก็ดีใจด้วย บอกว่า เก่งมากที่ปั่นจนจบ
สรุปงานนี้ ประทับใจ คนที่มาปั่นด้วยกันมาก ช่วยเชียร์ ช่วยให้กำลังใจกันตลอดทาง ผู้จัดงานก็จัดได้ดี เสียตรงถนนบางช่วงที่ต้องเป็นเลนสวนเลยบีบให้แคบ และ ช่วงยูเทินที่แคบมาก นอกนั้น โอเคเลย
ส่วนบรรดาแชมป์เหล่านั้น ปั่นกันแรงจริง 60 โล สนามขึ้นๆลงๆ ปั่นกันชั่วโมงครึ่งเอง