เนื่องจากวันก่อนเห็นเพจมารีวิวร้านอาหาร่ว่า audrey ได้เอาบุฟเฟต์ในตำนานกลับมาอีกครั้ง ในราคาที่สูงขึ้น โดย จ-พฤ ราคา 678 บาท ศ-อาทิตย์ราคา 789  บาท ภายในเวลา 2 ชั่วโมง โดยราคานี้เป็นราคา net แล้ว ซึ่งราคา 678 กับ 789 ที่ต่างกันไม่ใช่แค่เพราะวัน แต่ในราคา 789 จะรวมน้ำพวกอิตาเลี่ยน โซดา น้ำอัดลม และน้ำเปล่า ส่วน 678 จะมีแค่น้ำเปล่าอย่างเดียว  ซึ่งการจะทานบุฟเฟต์ไม่สามารถ walk-in ต้องจองผ่าน hungry hub เท่านั้นนะคะ

เมื่อเห็นรีวิวแล้ว ความอยากบังเกิดมาก จึงตัดสินใจชวนเพื่อน เมื่อเพื่อนตกลง เลยให้เพื่อนจองโต๊ะ ซึ่งนางแนะนำว่าสาขา  central embrassy อาหารอร่อย พนักงานบริการดี

ซุนวูได้กล่าวไว้ว่า การรบถ้ารู้จักวางแผนที่ดีมีสิทธิที่จะชนะร้อยครั้ง ดังนั้นก่อนที่เราจะไปกิน เราได้ดูรีวิวแนะนำอาหารว่าอะไรควรสั่ง อะไรไม่ควรสั่ง พอถึงร้านเราก้ได้สั่งอาหารตามเมนูที่หลายคนรีวิวไว้

เมนูแรกมากันที่ เนื้อปูซูเฟลเสิร์ฟคู่กับซอสลอปสเตอร์บรั่นดี หลายๆ รีวิวแนะนำว่าต้องห้ามพลาด พอบอกเพื่อนจะสั่งเมนูนี้ เพื่อนบอกอย่า ถ้าแกสั่งมากินคนเดียว ด้วยความเป็นคนเชื่อในรีวิว เพื่อนเราอาจลิ้นไม่ดี มันต้องลองเอง

เห้ย พอมันมา หน้าตามันดีมาก อย่างงี้ต้องชิมสิ พอชิมแล้ว ทำไมไม่เชื่อเพื่อน ไหนใครรีวิวว่ามันจะดีงาม มันจะนุ่ม ละมุน แต่พอชิมแล้วมันคาวมาก กินแล้วเลี่ยนมาก หันสบตาเพื่อน สื่อสารเข้าใจได้ว่า บอกแล้วไม่เชื่อ (อาหารจานแรกสอนให้รู้ว่า อย่าไปเชื่อที่เค้ารีวิว จงเชื่อเพื่อนคุณ)

มาค่ะมาต่อจานที่สอง เพื่อนบอกมันดีงามมาก
จานนี้มาแล้วดีงามมาก อร่อย แป้งบาง ซอสอร่อย ไม่อมมัน มันดีงามมาก

ต่อกันที่จานที่สามค่ะ
ขาหมูเค้าทอดมาดีมาก ข้างนอกกรอบ ข้างนอกนุ่ม จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด จานนี้มันดี

จานที่สี่ตามกันมาติดๆ
จานนี้ก็ทำมาได้ดีค่ะ เส้นลวกกำลังดี ซอสก็อร่อย ที่ชอบมากคือเบค่อนกรอบ

จานที่ห้า ต่อกันไปยาวๆ ค่ะ
เนื่องจากเป็นคนชอบทานเนื้อ ดังนั้นจากนี้เลยต้องลอง
อันนี้สั่งมาแบบ medium นะคะ เนื้อตรงกลางก็ยังชมพูอยู่ แต่จานนี้ต้องบอกว่าเฉยๆ เนื้อมันไม่ได้นุ่มมากเท่าที่คิดไว้ และซอสที่ราดมาก็เฉยๆ

มาต่อกันที่จานที่ 6 พิซซ่าต้มยำกุ้ง (อันนี้เพื่อนแนะนำมา)
อันนี้อร่อยดีค่ะ แป้งบาง เหมือนโรยผงมาม่าลงบนพิซซ่า แก้เลี้ยนได้ดีค่ะ

จานที่ 7 ต่อค่ะ (ท้องไม่แตกเราจะไม่หยุด)
กินมาเยอะแล้ว ขอเมนูเบาๆ แก้เลี่ยนหน่อยค่ะ มาต่อกันที่ลาบปลาแซลม่อนค่ะ
อันนี้เฉยๆ ค่ะ ยังไม่ความเป็นลาบ แต่ก็แก้เลี่ยนได้ค่ะ

จานที่ 8 ค่ะ (รีวิวแนะนำมา)
จานนี้อร่อยค่ะ มีรสชาดเปรี้ยวนิดๆ ไม่เลี่ยนค่ะ

จานที่ 9 ค่ะ อาหารคาวจานสุดท้ายแล้ว ต้องการอะไรน้ำๆ เบาๆ สักหน่อย เลยลงตัวที่ซุปเห็ด
อันนี้คนทานมังสวิรัตทานได้นะคะ รสชาดอ่อนๆ รู้สึกว่าซุปยังไม่ข้นเท่าที่ควรค่ะ

เค้าบอกว่ากินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ เดี๋ยวเราจะไปทานของหวานกันต่อด้านล่างนะคะ

ซึ่งในบุฟเฟต์รวมขนมหวานอยู่แล้ว แต่จากที่ท้องตึงมากแล้ว เลยสั่งมา 2 อย่าง คือเค้ก กับโรตี คือมันดีงามทั้ง 2 อย่าง โดยเฉพาะโรตี เสริมมาในกระทะร้อน มันเลยทำให้แป้งโรตีกรอบมาก ถ้าไม่อิ่มมาก จะเป็นน้องพลัฟขอ 2


อิ่มไปด้วยกันมั้ยคะ? อันนี้รสชาดอาหารก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลของแต่ละคนนะคะ บางอย่างก็อร่อยมากสำหรับเรา และบางอย่างก็ไม่ไหวจริงๆ
แต่สิ่งที่ประทับใจคือพนักงานบริการดีน่ารักๆ จริงๆ เค้ามีกฎว่าถ้าจานไหนทานไม่หมดจะปรับเป็นราคาของจานนั้น แต่สามารถนำกลับบ้านได้ ซึ่งบางอย่างเรากินไม่ไหวจริงๆ เช่น เนื้อปูซูเฟลเสิร์ฟคู่กับซอสลอปสเตอร์บรั่นดี คือกินไปได้แค่ 2 คำ นี่เตรียมใจโดนปรับแล้ว แต่พนักวานน่ารักมาก เราแค่ยกออกมาวางขอบโต๊ะ ให้เก็บเลยมั้ยครับ? โอ้ย ความรู้สึกตอนนั้น อยากกราบขอบคุณน้องพนักงานมาก และอาหารก็ค่อนข้างมาเร็ว บรรยากาศร้านก็ดี แต่ถ้าโทรมาจองโต๊ะ จะไม่ได้โต๊ะริมกระจก นะคะ

ถ้าใครอยากลองตามไปชิม ก็รีบโทรไปจองดต๊ะกันนะคะ หมดเขต 30 กย นี้นะคะ สำหรับบุฟเฟต์