ตอนนี้เราทำงานในองค์กรเอกชนแห่งหนึ่งค่ะ ลักษณะงานของเราส่วนใหญ่ทำโปรเจ็ค จึงไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับคนในทีมมากนักจะติดต่อกับฝ่ายงานอื่นๆมากกว่า
- ส่วนงานของเพื่อนร่วมทีม ก็แทบจะไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากแบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจน
- เพื่อนร่วมทีมที่อายุเยอะซึ่งมีลูกแล้ว ทำรีพอร์ตตัวเลข มีกำหนดส่งงานชัดเจน (รายวัน, รายเดือน, รายไตรมาส) พี่เค้ามักจะลางานเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้งอย่างต่ำ ด้วยเหตุพาลูกไปหาหมอ, ฉีดวัคซีน, งานโรงเรียน, งานไหว้ครู, เข้าค่าย, งานวันแม่ รวมถึงลาป่วย ลากิจส่วนตัวและพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาหมอ
- เมื่อพี่เค้าลา หัวหน้าจะสั่งให้เราทำแทน ทุกครั้ง ซึ่งเค้าเป็นคนทำงานสะเพร่า มีข้อผิดพลาดมากมาย ยิ่งใกล้ due ส่งงานของเค้า เรายิ่งกดดันค่ะ ตอนเข้าไปรับงานต่อ ต้องนั่งหาสาเหตุและแก้ไขตัวเลข รวมถึงแก้งานอื่นๆ ใช้เวลาเยอะมาก พอทำช้าหัวหน้าก็เรียกเราไปตำหนิรุนแรง 😥
- เราเคยขอเจ้าของงานว่า หากครั้งไหนเสร็จธุระเร็ว อยากให้ช่วยกลับมาเคลียงานตัวเองหน่อย เพราะบางช่วงงานเราหนักจริงๆทำไม่ทัน แต่พี่เค้าก็ไม่สนใจอ่ะค่ะ ประกอบกับส่วนตัวเค้าสนิทกับหัวหน้ามาก (ลูกรัก) ความสัมพันธ์ส่วนตัวใกล้ชิดถูกคอกับหัวหน้ามากขนาดนี้ เราจึงต้องยอมรับสภาพค่ะ
- ตัวเราจะเลือกลากิจ และพักร้อนในช่วงที่ไม่กระทบทีมค่ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนเพื่อนร่วมงาน ทำแบบนี้มาตลอดค่ะ
- ปัญหาในทีมตอนนี้คือ
1.เพื่อนร่วมทีมบางคนลางานบ่อย หัวหน้าจึงสั่งให้เราทำงานแทนทุกครั้ง
2.เราก็มักจะโดนตำหนิแทนเจ้าของงานทุกครั้ง (หากใครที่เคยโดนสั่งให้แก้รีพอร์ตตัวเลข หรือให้ทำใหม่ ซึ่งมีที่มาของตัวเลขจากหลาย source และไม่ค่อยรู้รายละเอียดงานของเค้า จะเข้าใจค่ะว่าใช้เวลาแกะงานพอสมควรเลย)
3.เราทำงานตัวเองไม่ทันค่ะ เลยต้องขยายเวลากลับบ้านค่ำขึ้น และบางครั้งเอางานกลับมาทำที่บ้านวันหยุดค่ะ
- หากจะแก้ปัญหาโดยการคุยกับเจ้าตัว เราลองทำแล้วนะคะ แต่เค้าไม่สนใจ, หากไปปรึกษาหัวหน้า คงไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะหัวหน้าสนิทและเกรงใจพี่คนนั้นมากค่ะ, หากแนะนำให้เปลี่ยนงาน.. เราคิดว่า คนแบบนี้มีเยอะ ย้ายไปที่ไหนก็มีโอกาสเจออีกค่ะ
**ตอนนี้เลยแก้ที่ตัวเองค่ะ พยายามคิดว่าฝึกตัวเอง เสียสละให้มากขึ้น ทำเพื่อนคนอื่นให้มากจะได้นึกถึงตัวเองให้น้อย ลดความเห็นแก่ตัว แต่....ความเหนื่อยและความน้อยใจ มันเริ่มบั่นทอนความคิดดีๆอ่ะค่ะ ไม่รุ้จะทนได้อีกนานแค่ไหน 😅
**อยากขอคำแนะนำจากทุกคนค่ะว่า จะปลงหรือปรับใจยังไงได้บ้าง ช่วยแชร์แนวคิดหน่อยนะคะ
(เขียนยาวมาก ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ comment จากทุกคนมีความหมายกับเรามากๆค่ะ.. ขอขอบคุณจากใจค่ะ)
หากคุณต้องทำงานหนักขึ้น เพราะเพื่อนร่วมทีมลางานบ่อย ทำใจอย่างไรดีคะ?
- ส่วนงานของเพื่อนร่วมทีม ก็แทบจะไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากแบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจน
- เพื่อนร่วมทีมที่อายุเยอะซึ่งมีลูกแล้ว ทำรีพอร์ตตัวเลข มีกำหนดส่งงานชัดเจน (รายวัน, รายเดือน, รายไตรมาส) พี่เค้ามักจะลางานเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้งอย่างต่ำ ด้วยเหตุพาลูกไปหาหมอ, ฉีดวัคซีน, งานโรงเรียน, งานไหว้ครู, เข้าค่าย, งานวันแม่ รวมถึงลาป่วย ลากิจส่วนตัวและพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาหมอ
- เมื่อพี่เค้าลา หัวหน้าจะสั่งให้เราทำแทน ทุกครั้ง ซึ่งเค้าเป็นคนทำงานสะเพร่า มีข้อผิดพลาดมากมาย ยิ่งใกล้ due ส่งงานของเค้า เรายิ่งกดดันค่ะ ตอนเข้าไปรับงานต่อ ต้องนั่งหาสาเหตุและแก้ไขตัวเลข รวมถึงแก้งานอื่นๆ ใช้เวลาเยอะมาก พอทำช้าหัวหน้าก็เรียกเราไปตำหนิรุนแรง 😥
- เราเคยขอเจ้าของงานว่า หากครั้งไหนเสร็จธุระเร็ว อยากให้ช่วยกลับมาเคลียงานตัวเองหน่อย เพราะบางช่วงงานเราหนักจริงๆทำไม่ทัน แต่พี่เค้าก็ไม่สนใจอ่ะค่ะ ประกอบกับส่วนตัวเค้าสนิทกับหัวหน้ามาก (ลูกรัก) ความสัมพันธ์ส่วนตัวใกล้ชิดถูกคอกับหัวหน้ามากขนาดนี้ เราจึงต้องยอมรับสภาพค่ะ
- ตัวเราจะเลือกลากิจ และพักร้อนในช่วงที่ไม่กระทบทีมค่ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนเพื่อนร่วมงาน ทำแบบนี้มาตลอดค่ะ
- ปัญหาในทีมตอนนี้คือ
1.เพื่อนร่วมทีมบางคนลางานบ่อย หัวหน้าจึงสั่งให้เราทำงานแทนทุกครั้ง
2.เราก็มักจะโดนตำหนิแทนเจ้าของงานทุกครั้ง (หากใครที่เคยโดนสั่งให้แก้รีพอร์ตตัวเลข หรือให้ทำใหม่ ซึ่งมีที่มาของตัวเลขจากหลาย source และไม่ค่อยรู้รายละเอียดงานของเค้า จะเข้าใจค่ะว่าใช้เวลาแกะงานพอสมควรเลย)
3.เราทำงานตัวเองไม่ทันค่ะ เลยต้องขยายเวลากลับบ้านค่ำขึ้น และบางครั้งเอางานกลับมาทำที่บ้านวันหยุดค่ะ
- หากจะแก้ปัญหาโดยการคุยกับเจ้าตัว เราลองทำแล้วนะคะ แต่เค้าไม่สนใจ, หากไปปรึกษาหัวหน้า คงไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะหัวหน้าสนิทและเกรงใจพี่คนนั้นมากค่ะ, หากแนะนำให้เปลี่ยนงาน.. เราคิดว่า คนแบบนี้มีเยอะ ย้ายไปที่ไหนก็มีโอกาสเจออีกค่ะ
**ตอนนี้เลยแก้ที่ตัวเองค่ะ พยายามคิดว่าฝึกตัวเอง เสียสละให้มากขึ้น ทำเพื่อนคนอื่นให้มากจะได้นึกถึงตัวเองให้น้อย ลดความเห็นแก่ตัว แต่....ความเหนื่อยและความน้อยใจ มันเริ่มบั่นทอนความคิดดีๆอ่ะค่ะ ไม่รุ้จะทนได้อีกนานแค่ไหน 😅
**อยากขอคำแนะนำจากทุกคนค่ะว่า จะปลงหรือปรับใจยังไงได้บ้าง ช่วยแชร์แนวคิดหน่อยนะคะ
(เขียนยาวมาก ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ comment จากทุกคนมีความหมายกับเรามากๆค่ะ.. ขอขอบคุณจากใจค่ะ)