อกหักจุดเริ่ม"โรคซึมเศร้า"

ตอนนั้นก็เป็นช่วงปิดเทอมเราเลิกกับแฟน เราร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนได้นอนอีกที่ก็ตี4-5 แต่ผ่านไป2-3ชั่วโมงเราก็ตื่น บางวันก็ไม่ได้นอนเลย สัปดาห์แรกเราเริ่มทนไม่ไหวกับการไม่ได้นอน เราซื้อยาแก้แพ้มากินเพราะต้องการผลข้างเคียงซึ่งมันไม่ได้ผล ตอนนั้นที่บ้านมีเหล้าเหลือหลายขวดมีทางเดียวที่เราจะหลับได้คือหยิบมันขึ้นมาแล้วเทใส่แก้วแล้วเอาเข้าปาก ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างแต่จากตี4-5 ก็เลื่อนมาตี3-4 แต่ต่อให้ดื่มไปมากแค่ไหนก็ตื่นก่อน 8โมงทุกวัน บางวันก็ดื่มจนอ้วก มีครั้งหนึ่งที่เราถูกใช้ให้ไปซื้อของข้างนอกและผลคือเราเกือบโดนรถชนเราเหม่อลอยตลอดทาง หลังจากนั้นเราเริ่มสักเกตตัวเองว่าเราผอมลง กินอะไรไม่ได้เลย ตื่นมาก็นั่งอยู่หน้าคอมพยายามหาหนังดู เปิดหนังที่ชอบแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะเราเหม่อลอย จิตมจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่งอยู่ที่เดิมทั้งวัน ไม่รู้วันรู้คืน ไม่ออกไปไหน เรารู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกท้อแท้ ไร้ค่า หดหู่ ปวดหัวรุนแรงและเราเริ่มคิดอยากจะตายเราอยากให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่อยากมีตัวตนอีกแล้ว แต่เราไม่ชอบที่เป็นแบบนี้ มันทั้งทรมานและเสียใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เราเริ่มหาเพื่อนคุยปรึกษาเพื่อน พยายามกินอะไรที่กินได้(ซึ่งเรากินได้2อย่างคือ สลัดและนม แต่กินได้แค่1มื้อต่อวัน) เราเริ่มหาข้อมูลเพื่อให้ตัวเองสามารถขจัดความรู้สึกนี้ได้ แต่สิ่งที่ได้รู้คือทุกการกระทำของเราเข้าข่ายโรคซึมเศร้า และโรคเครียด เราหาข้อมูลเพิ่มเติมและลองทำแบบทดสอบหลายๆที่ซึ่งผลออกมาคล้ายกันคือให้ไปปรึกษาแพทย์เพราะเราเข้าข่ายโรคซึมเศร้าที่คิดฆ่าตัวตาย ตอนนั้นเราไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า
เรามักจะบอกตัวเองและบอกเพื่อนว่าเรารักเขามากเราถึงแค่เสียใจมากแค่นั้น ก็แค่เกือบเป็นโรคซึมเศร้า ถึงแม้เราจะมีเพื่อนคุยมากขึ้นเราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ1เดือน

แล้วก็เปิดเทอมเรากลับมาหออยู่ตัวเอง วันแรกที่ไปเรียนเราก็งงๆทำไมเพื่อนถึงไม่ทักอะไรเราเลยพึ่งมารู้ทีหลังว่าเพื่อนคิดว่าเราติดยา เพราะตอนนั้นโทรมมากน้ำหนักจาก50เหลือ45 และผมยาวปิดหน้าปิดตา แต่เมื่อเรากลับมาเพื่อนรู้ว่าเราอกหักก็เริ่มพาไปเที่ยวและเราเริ่มตั้งโปรแกรมออกกำลังกายซึ่งมันทำให้เราดีขึ้น เพื่อนที่ต่างจังหวัดก็ให้กำลังใจทุกวันจนน้ำหนักเราขึ้นมาเป็น 49 แต่เราก็ยังรู้สึกท้อแท้และอยากหายไปจากโลกอยู่ดี แต่มันก็ดีขึ้นบ้างจากเดิม แต่ฟ้าก็ยังไม่เป็นใจ 3 สัปดาห์ต่อมาแฟนเรามาหาที่หอซึ่งมันทำให้เราเสียใจมากขึ้นและเราจากกันไม่ดี หลังจากวันนั้นเราเป็นหนักขึ้นกว่าเดิม น้ำหนักเราลดมา45อีกครั้ง และเราเริ่มสูบบุหรี่ ต่อยกำแพง ไม่มีเรียนไม่ออกไปไหน ซื้อเบียร์มากิน เริ่มมองตัวเองไร้ค่า เริ่มเปรียบเทียบตัวเองมองตัวเองต่ำต้อย มองตัวเองทำผิดทุกอย่าง ไม่กล้าให้คนอื่นเห็นหน้าและกลัวเห็นหน้าแฟนเก่า เราเริ่มกระสับกระส่ายและเริ่มใส่แมทเวลาออกจากห้อง วันไหนมีเรียนเราจะชวนเพื่อนอยู่ที่มอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะเราไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากทุกข์ ไม่อยากเศร้าและไม่อยากทรมาน เราต้องบังคับจิตใจไม่ให้ทำร้ายตัวเองและไม่ให้คิดสั้น ซึ่งเราเป็นแบบนี้อยู่เกือบครึ่งปี ตลอดเกือบครึ่งปีเราคิดมาตลอดว่าสักวันมันจะหายไปเองแค่เราอยู่ใกล้ๆเพื่อน เราก็ช่วยตัวเองได้ จนวันหนึ่งเริ่มไปที่ผู้คนมากขึ้นเราเริ่มมีอาการตาลายหายใจไม่ออก ใจเต้นเร็ว เหงื่อไหล และหวาดระแวงผู้คน แรกๆเราคิดจะปรึกษาจิตแพทย์แต่เราก็อาย ไม่กล้าบวกกับกลัวที่ต้องให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองป่วยเกี่ยวกับจิต กลัวเขารับในสิ่งที่เราเป็นแล้วมองเราแปลกไป แต่มันหนักขึ้นจนเราทนไม่ไหว เราตัดสินใจขึ้นปรึกษาจิตแพทย์ ผลคือเราเป็นโรคซึมเศร้า หมอบอกเป็นความผิดปกติจากสารเคมีทางสมองที่ไม่สมดุลกัน ซึ่งตอนนั้นเราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งหมอพยายามให้เรากินยา ลังเลอยู่สักพักเราตัดสินใจรับยามากิน เราได้เซอร์ทราลีน(ยาระงับซึมเศร้า)และแอนต้า(ยานอนหลับและลดกระสับกระส่าย)มา เราอยากเปลี่ยนตัวเอง อยากมีความสุขแบบเดิม เราเริ่มตั้งเป้าอีกครั้งเริ่มอ่านหนังสือจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน ช่วงนั้นเราลืมคิดเรื่องทุกอย่างคิดแต่หนังสือที่อยู่ตรงหน้า เมื่อกลับมาถึงห้องเราก็อาบน้ำนอนซึ่งการอ่านหนังสือหนักทำให้สมองเราเพลียทำให้เราหลับง่ายมาก และเราทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆผ่านไป 3เดือน อาการเศร้าที่ยังคิดถึงแฟนเรายังคงอยู่เพราะเราไม่สมารถบังคับความคิดไม่ให้คิดถึงไม่ได้ นอกจากเรื่องนี้เรากลับมาเป็นปกติ เรามีความสุขเรายิ้มได้ แล้วอาการต่างๆหายไป

ตอนนี้ผ่านมา 1ปี 1เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ 1สัปดาห์เรามีอาการอีกครั้ง เราเริ่มเหม่อลอย รู้สึกท้อแท้ และหดหู่ อาจเพราะเราพึ่งจบและคิดเรื่องหางานจึงทำให้เกิดอาการ
เราอยากเตือนเพื่อนๆ โรคซึมเศร้าเมื่อมีอะไรกระทบจิตใจอาจจะกลับมาอีกและจะเป็นๆหายๆหากคุณไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โรคซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หรือคิดว่าไม่นานก็หายแค่ออกไปหาไรทำ ทำตัวไม่ให้ว่าง ไม่ให้มีเวลาคิดอะไร ออกกำลังกายหรือแค่รักษาตัวเองให้ดีเราก็จะหาย ในแง่ของอารมณ์คนอกหักทั่วไปมันสามารถเยียวยารักษาเราได้จริง แต่เมื่อคุณตกอยู่ในภาวะโรคซึมเศร้ามันช่วยคุณได้แค่ ณ ตอนนั้น แต่เมื่อคุณหยุดคุณก็จะกลับมาที่จุดเดิม สำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่สับสนอย่างมากว่าเกิดจากความผิดปกติจากเคมีในสมองจริงๆ หรือเกิดจากความรู้สึกส่วนตัว ซึ่งความสับสนนี้ทำให้เรามีจิตใจอ่อนไหว และความรู้สึกแย่ๆที่เป็นอยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถเป็นตัวกระตุ้นทำให้อาการแย่ลงได้ หากเพื่อนๆคนไหนคิดว่าตัวเองกำลังมีอาการคล้ายๆ ลองศึกษาและหาข้อมูลเพราะคุณอาจเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้าก็ได้ และเราแนะนำควรไปปรึกษาจิตแพทย์จะดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะสามารถอดกลั้นตัวเองได้นานแค่ไหน อาจทำอะไรแย่ๆมากกว่าที่เราเป็นก็ได้

และสำหรับคนใกล้ชิดคุณลองสังเกตเพื่อนๆของคุณว่าผิดไปจากตัวเขาคนเดิมหรือไม่ เขาอาจยิ้มให้เราเห็น อาจจะทำตัวเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เป็นไร เขาแค่อาจจะไม่กล้าบอกใครก็ได้เพราะสำหรับบางคนมันคือเรื่องที่น่าอาย และน่ากลัว กลัวผู้คนรับในสิ่งที่เขาเป็นไม่ได้ สิ่งที่คุณควรทำคือยอมรับฟังความคิดเห็นเขา อย่าพยายามขัดแย้งแต่พยายามให้เหตุผล อย่าพยายามผลักดันแต่พยายามให้กำลังใจ และอย่าทำให้เขารู้สึกอึดอัดเพราะมันอาจเป็นการไล่เขาทางอ้อม ซึ่งทำให้เขาไม่อยากเข้าหาใครอีก
(หวังว่าโพสต์นี้จะเตือนใจให้ใครไม่มากก็น้อย จากคนเป็นโรคซึมเศร้าที่ยังรักษาตัวอยู่)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่