[Day 2] บันทึกการเดินทางเลห์-ลาดัก 29 เม.ษ. - 6 พ.ค. 2560

Day 1 https://ppantip.com/topic/36712342

Day 2 – Delayed in Delhi
เราตื่นประมาณตี 4 เพราะนัดกับทางโรงแรม ไว้ว่าให้เรียกแท็กซี่ตอนตี 4 ครึ่ง สำหรับค่าโรงแรม ที่เราพักเป็นห้องสำหรับ 4 คน 2 เตียงราคา 3500 รูปี แมร่งแพงกว่าที่เขียนในเว็บไซต์ประมาณ 500-600 รูปี

เครื่องที่เรานั่งวันนี้เป็นของ Go Air ตามเวลาบนบอร์ดดิ้งพาสของเราเครื่องจะต้องออกตอน 6.40 (Go Air ให้ นน. กระเป๋าคนละ 15 กก. เยอะพอที่จะขนทุกอย่างที่ต้องการและจำเป็นไปได้เลย ไม่ต้องห่วง)
ตอนนี้ 6.22 เจ้าหน้าที่ยังคงไม่ให้เราเข้าไปในเกต แอบได้ยินว่าเครื่องดีเลย์เพราะสภาพอากาศไม่ดี ข้างนอกตอนนี้ฟ้าครึ้มดูเหมือนฝนกำลังจะตกในไม่ช้า
อยากจะขอเล่าบรรยากาศการเข้าคิวที่อินเดียนิดนึง ตอนเช้าที่เรากำลังจะ check in โหลดกระเป๋า เราทั้ง 4 คนก็เข้าแถวตามช่องที่กั้นเอาไว้ ทันใดนั้นเองเมื่อผมทิ้งช่องว่างกับคนข้างหน้าแค่แป๊บเดียว มีผู้หญิงอินเดียคนนึงพยายามจะปลดสายกั้นแถวออกแล้วเดินมาแทรกตรงช่องว่างด้านหน้าผม

คำถาม เธอมาจากไหน ตอบคือ มาจากช่องข้างๆ พร้อมด้วยมวลหมู่คณะญาติอีกนับเกือบ 10 ชีวิต แอบคิดในใจ นี่เธอไม่เห็นเราที่ยืนอยู่รึไง....  ผมนี่ขึ้นเลย เลยพูดไปว่า We have a queue. แล้วไง ในเมื่อนางพยายามจะบอกว่า นี่เธอก็ต่อแถวอยู่นานแล้วนะ เอิ่ม มันคนละแถว คนละล็อคกันมั้ยอ่ะ ยัง ยัง..ยังจะแถอีก

ผมไม่สนใจ ฟังเสร็จก็รีบเดินไปต่อคนข้างหน้าทันที พีคกว่าคือสักพัก ก็มีอีกกลุ่มพยายามจะทำแบบเดียวกัน ผมนี่ยอมในความพยายามของคนแถวนี้เลย แต่ไม่ยอมให้แซงนะ ฮ่า....

8.25 เครื่องออกจากเดลี แล้วเราก็ถึงเลห์ประมาณ 10 โมง ช่วงที่ดีที่สุดคือตอนที่เราอยู่บนเครื่องบินชมวิวเทือกเขาหิมาลัยที่ทอดยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา เห็นแล้วก็แอบนึกขึ้นได้ว่า จิงๆแล้วมนุษย์เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆเมื่อเทียบกับธรรมชาติและโลกใบนี้ (สิ่งสำคัญคือคุณต้องนั่งข้างหน้าต่าง ฝั่งไหนก็ได้นะ เห็นทั้งคู่ แต่ด้านขวาแอบได้เห็นก่อน)

พอหน้าแตะอากาศนอกเครื่องแค่นั้นแหละ ผมอุทานในใจ โอโห้ อากาศที่นี่คนละเรื่องกับเดลีเลยหว่ะ หนาวเชียว ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ 1 ชม กว่าๆ อากาศจะแตกต่างกันเขนาดนี้ จาก 32 เหลือ 2-3 องศา
เราออกจากประตูสนามบินพร้อมมองหาคนที่ยืนชูป้ายชื่อพวกเราอยู่ อับดุลคือชื่อของคนที่มารับเราในวันนี้ ถึง Ree yul เกสต์เฮ้าส์เราทุกคนเก็บของแล้วก็เดินขึ้นไปห้องครัวที่อยู่ชั้นบนสุด ทางเกสต์เฮ้าส์เตรีอมอาหารเช้าไว้ให้พวกเรา เจ้าของบ้านที่เราอยู่ชื่อ ซาลิม  ส่วนเกสต์เฮ้าส์ข้างๆก็เป็นของพี่ชายเค้า ที่นี้ดูจะมีแต่คนไทยมาพักนะ ถึงขนาดมีซอสแม็กกี้ ให้บริการด้วย ซาลิมบอกว่าคนไทยชอบ แต่พวกเค้าไม่ชอบหรอก หลังจากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันนอน รู้ตัวอีกทีก็ตอนบ่าย 3 กว่าๆ
วันนี้เราปักหมุดการเดินทางแค่เฉพาะในตัวเมือง ได้แก่ Tsemo Gompa/Tsemo Monastery – ที่นี้เราจะสามารถเห็นวิวของตัวเมืองเลห์และแนวเขารอบๆที่โอบตัวเมืองไว้  Leh Palace – เรายืนดูแสงสุดท้ายของวันด้วยกัน พระอาทิตย์ค่อยๆเคลื่อนลงไปแอบหลังแนวเขา ก่อนที่แสงสุดท้ายค่อยๆหายไปและถูกแทนที่ด้วยความมืด และที่สุดท้ายคือ Shanti Stupa – เรามาถึงก็มืดแล้วนะ ที่นี่เราจะเห็นวิวของเมืองยามค่ำคืน แสงไฟจากบ้าน อาคารและรถที่วิ่งบนถนน เท่าที่เห็นที่นี้เป็นเมืองที่แสงไฟน้อยมากถ้าเทียบกับเมืองที่เคยไปมา แต่รู้มั้ยมันดีตรงไหน ดีตรงที่เราจะเห็นแสงดาวได้ชัดเจนขึ้นนะสิ
สำหรับอาหารค่ำมือนี้คนขับรถของเราแนะนำร้านชื่อ Gasmo ที่นี้เป็นร้านอาหารอินเดีย และพี่กวางผู้ซึ่งเข็ดขยาดจากประสบการณ์ข้าวหมกไก่ในเดลีแอบจะกังวลหน่อยๆ แต่สุดท้ายรสชาติกลับออกมาดีกว่าที่คิดทั้งอาหารคาวและหวาน ปลื้มสุดน่าจะต้องยกให้ เมนูที่ชื่อว่า sizzler ถ้าคุณมีโอกาสไป ลองดู ผมแนะนำ
หลังจากกินข้าวเสร็จประมาณ 3 ทุ่ม เราออกจากร้านเพื่อจะเดินกลับที่พักที่ห่างออกไปราวๆ 10 นาที สองข้างทางดูจะมืดเมื่อร้านค้าต่างๆ ปิดกันเกือบหมดแล้ว ที่สำคัญไฟระหว่างสองข้างทางไม่มีด้วย ระหว่างทางที่เดินเราได้ยินภาษาไทยเป็นระยะ เอาจิงๆทุกที่ที่เราไปก็มีคนไทยทั้งนั้น สงสัยว่าตอนนี้เลห์จะกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับคนไทยไปแล้ว   

เออ ลืมแนะนำคนขับรถประจำทริปเราไป เค้าชื่อ โนบุ เป็นชายผิวเข้ม รูปร่างสันทัด เราสื่อสารกับโนบุค่อนข้างจะยากนิดนึง บนรถระหว่างทางโนบุจัดเพลงภาษา Ladakhie ให้เรา ผมแอบชมไปว่า I like your song หลังจากนั้นโนบุก็จัดให้เราชุดใหญ่เลย ฮ่า คนที่นี้หน้าตาจะไม่เหมือนกับคนอินเดียที่เดลี แต่จะออกไปทางชาวทิเบต แก้มแดงๆ

- เราขาดการติดต่อกับโลกภายนอกเกือบครบ 12 ชม แล้วเพราะซิมมือถือที่เราซื้อที่สนามบินเดลีดูจะใช้ที่นี่ไม่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นของ Airtel เหมือนกัน ทามมายยยยย !  ส่วน Wifi ที่เกสเฮาต์ ก็โหลดอะไรไม่ขึ้นเลย
- ไฟฟ้าที่นี้ดูจะตกบ่อยมาก ผมชาร์จมือถือทิ้งไว้เกือบ 2 ชม เปิด Airplane mode แบตขยับจาก 4% เป็น 24 %
- คนจากพื้นที่ต่ำอย่างเราจะมาเดินด้วยความเร็วแบบปกติดูจะไม่ได้ เพราะจะเหนื่อยมากเลย อากาศข้างบนนี้ดูจะเบาบางกว่าด้านล่างมาก ถึงขนาดที่ว่าเราต้องกินยาขยายหลอดเลือดทุกๆ 12 ชม นี่ขนาดว่าปกติผมออกกำลังกายอาทิตย์ละ 2-3 วัน ลองมาเดินขึ้นบันได้แค่ไม่กี่ขั้นที่นี่ เล่นเอาหอบทีเดียว ถือว่าเราอาจจะต้องลองใช้ชีวิตแบบ Slow life ดูสักทริป
- ค่าตั๋วจากเดลีไปเลห์โดยประมาณราวๆ 5-6 พันบาท แต่เราพลาดไปจองที่ราคาเกือบ 11,000 บาท ราคาเกือบจะเท่ากับค่าตั๋วเครื่องบินจากไทยไปเดลีเลย ทำไมนะหรอ เพราะเรากะจะรอให้ราคามันตกไง ตอนแรกที่เห็น 7-8 พันไม่เอาคับ รู้ตัวอีกทีก็ขึ้นไปเหยียบหมื่นแล้ว สุดท้ายคนมีตังค์(น้อย)อย่างพวกเราก็ต้องจองพร้อมสองแก้มอาบน้ำตา ถถถถถถถ (ด่าได้แต่อย่าแรง)¬¬

Day 3 https://ppantip.com/topic/36713598
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่