[Day 4] บันทึกการเดินทางเลห์-ลาดัก 29 เม.ษ. - 6 พ.ค. 2560

Day 3 https://ppantip.com/topic/36713598

Day 4 On journey not destination
72 ชม. ผ่านไปโดยไม่มีอินเตอร์เน็ต ก็อย่างที่บอกซิม Airtel ที่เราซื้อที่เดลียังใช้ที่นี้ไม่ได้ ส่วนพี่กวางผู้ซึ่งยอมจ่ายเงินเปิดโรมมิ่งมาจากไทยก็ใช้ไม่ได้เช่นเดียวกัน

เช้านี้เราจะ check out ออกจาก Ree Yul เกสต์เฮ้าส์เพราะคืนนี้เราจะไปนอนที่ Nubra Valley หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เดินลงมาจากห้องครัว โนบุยังคงยืนยิ้มทักทายเราเป็นสัญญาณว่าการเดินทางของเราคงจะเริ่มในไม่ช้า

หลังจากเก็บกระเป๋าออกจากห้อง เราเดินตามโนบุไปที่รถเพื่อเอาของไปเก็บ  9.30 โนบุเริ่มขับรถพาเราวิ่งไต่ความสูงไปเรื่อยๆ สภาพทางค่อนข้างดีแต่ดูจะแคบ พอสำหรับรถสองคันสวนกันได้พอดิบพอดี ในขณะที่บางโค้งจะต้องมีการบีบแตรเพื่อเป็นการเตือนสำหรับรถที่กำลังจะสวนมา เนื่องจากเป็นมุมอับ ดังนั้นรถทั้งสองฝั่งจึงไม่สามารถที่จะมองเห็นรถที่กำลังจะสวนมาได้ จิงๆนวัตกรรมในบ้านเราอย่างพวกกระจกกลมๆที่ติดตามมุมอับ น่าจะเอามาใช้ที่นี้ได้ดีเลยแหละ ก่อนจะออกจากตัวเมือง เราจะต้องมีการทำบัตรผ่านยื่นให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งทางเกสต์เฮ้าส์ขอพาสปอร์ตเพื่อไปจัดการให้ตั้งแต่เมื่อวาน
ขับไปเรื่อยๆถนนสองข้างทางเริ่มมีหิมะ ทุกอย่างดูขาวขึ้นเรื่อยๆ และอากาศก็ค่อยๆเย็นลง ถนนช่วงนี้ ดูจะเป็นแค่วันเวย์ รถแต่ละคันจะต้องขับต่อๆกันไป และอาจจะต้องมีการจอดเป็นช่วงๆหากคันหน้ามีปัญหา  แล้วก็มีปัญหาจิงๆ คือ มีช่วงนึงที่รถต้องหยุดจอดเป็นแถวยาวพักใหญ่มาก ไม่แน่ใจว่าข้างหน้าหิมะถล่มหรืออะไรเลยต้องมีการเคลียร์ทางรึเปล่า ด้วยความที่อากาศหนาวบวกกับเมื่อเช้าจัดชาและน้ำร้อนมาชุดใหญ่ เลยเกิดอาการปวดฉี่ ที่สำคัญคือ ไม่มีห้องน้ำคับแล้ว ซ้ายคือภูเขา ขวาคือเหว ข้างหน้าและหลังเป็นรถคันอื่น มุมหลืบๆไม่มีเลย ด้วยความที่เราก็อยากจะไปฉี่ให้มันถูกที่ถูกทางไงแต่มันไม่มี ผมเลยต้องอดทนนั่งอั้นไปเรื่อยๆจนรถเริ่มวิ่งอีกครั้ง
จนเรามาถึงจุดพักรถ (Khardung La Pass) สิ่งแรกที่ทำคือการถามหาห้องน้ำคับ เนื่องจากพื้นตอนนี้เป็นน้ำแข็งบวกกับความสูง ณ ขณะนี้ราวๆ 18000 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ผมจึงวิ่งไม่ได้ ถึงแม้ในใจอยากจะวิ่งไปห้องน้ำ ณ ตอนนั้นเลย สิ่งที่ทำได้คือการค่อยๆเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็มีบางทีที่ตัวเองเกือบลื่นสไลด์หลายครั้ง ส่วนห้องน้ำก็ต้องเดินขึ้นเนินเล็กๆไป แล้วเราทุกคนก็ต้องมีช่วงเวลาอ่อนแอเมื่อเนินเล็กๆบวกกับความรีบทำให้ผมหอบจบเกือบหายใจทัน จนต้องไปยืนเกาะแขนพี่กวาง (จนทุกวันนี้ยังโดนล้ออยู่เลย)
ความประทับใจคือ ห้องน้ำที่นี่วิวหลักล้านมากๆ มองออกไปจะเห็นแนวเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตา ขณะที่ยืนในห้องน้ำจะมีลมหนาวพัดลอดผ่านทางช่องหน้าต่างมาปะทะกับตัวพร้อมไออุ่นๆจากแสงแดด ทั้งหมดที่พูดมาเหมือนจะเพอร์เฟ็กถ้าไม่นับรวมสภาพห้องน้ำที่ไม่น่าดูและดมเท่าไหร่ ก็บางห้องเล่นทิ้งของแข็งไว้เป็นก้อนเลย สภาพ 99% เพราะถูกรักษาที่อุณหภูมิ ณ จุดเยือกแข็ง ในขณะที่บางห้องมีคราบร่องรอยเหลืองๆสาดเต็มห้อง ในใจนี่อุทานว่า Holy Shit เอ็งทำไปได้ยังไง ส่วนห้องที่ผมเลือกนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เพราะห้องที่ผมใช้ ตัวเองยังต้องยืนฉี่หลังพิงประตูเนื่องจากเข้าใกล้กว่านี้โดนแน่ๆ ฮ่า เท่าที่เจอมาราวๆ 99% ตามข้างทางและร้านอาหาร จะเป็นส้วมหลุม ไม่มีทิชชู่แต่อาจจะมีถัง ส่วนน้ำในถังจะมีมั้ยต้องลุ้นอีกที ในขณะที่ตามสถานที่ท่องเที่ยวดังๆส่วนใหญ่ราวๆ 90% ห้องน้ำถือว่าใช้ได้
ผ่านจุดพักรถตรงนี้ไปพื้นถนนเป็นน้ำแข็ง หิมะขาวโพลนสองข้างทาง ในขณะที่บางช่วงหิมะสูงเลยตัวรถ พอจะเรียกว่าเป็นกำแพงหิมะได้เลย หิมะที่เห็นมองๆไปก็สวยดีนะ แต่สีขาวพอเจอกับแสงแดดถ้ามองนานๆมันทำให้แสบตามาก เล่นเอาปวดหัวกันเลยทีเดียวอันที่จิงต้องหาแว่นกันแดดไปด้วยจะช่วยได้เยอะ ส่วนผมขอปิดตาหลับพักยาวๆ
ตื่นมาอีกทีสองข้างทางเริ่มกลายเป็นดินลูกรัง รถสะเทือนมากเล่นเอาเครื่องในเราทั้ง 4 คนจะกองรวมกันอยู่แล้ว เส้นทางตอนนี้ก็อยู่ในหุบเขาซึ่งมีความคดเคี้ยวสุดๆ ชนิดที่ว่าโค้งต่อโค้ง ผ่านโค้งนี้เจอโค้งหน้าต่อ ไม่มีทางตรง เราเลยต้องกินยาแก้เมารถกันไว้ก่อน (ระหว่างทางแอบเห็นรถคันนึงจอดพร้อมกับมีผู้หญิงซึ่งน่าจะเมารถ ยืนอ้วกอยู่ข้างทางด้วย) โนบุมีหยุดให้เราถ่ายรูปตัว Yak (จามรี) แปปนึงเนื่องจากทางเส้นนี้แคบมาก ดังนั้นเราแทบจะไม่มีโอกาสได้หยุดลงไปถ่ายรูปเลย  
ประมาณห้าโมงเย็นเราถึงเกสต์เฮ้าส์ที่จะพักคืนนี้ หลังจากได้ห้องทุกคนก็นอนสลบกัน 2-3 ชม เนื่องจากวันนี้เป็นการเดินทางที่เหนื่อยมาก เพราะถนนส่วนใหญ่เป็นโค้ง พื้นขรุขระและแสงที่แยงตาจากหิมะ
ทางเกสต์เฮ้าส์เสิร์ฟมื้อเย็นเราราวๆ 1 ทุ่มครึ่ง แล้วจบวันอันแสนยาวนานบนการเดินทางด้วย ไข่เค็มและน้ำพริก กราบเบญจางคประดิษฐ์งามๆแก่พี่เอ้ พี่กวางผู้เสียสละแบกมาจากไทย

- พนักงานเกสต์เฮ้าส์ที่นี่เข้าใจภาษาไทยและดูจะพูดได้นิดหน่อย เห็นว่าเคยมาอยู่ไทยสักพักด้วย
- แขกทั้งหมดในคืนนี้ดูเหมือนจะถูกส่งมาจาก Ree yul guest house เพราะดูจะคุ้นหน้าคุ้นตาทุกคน
- น้ำผลไม้กล่องยี่ห้อ Patanjali อร่อยดี รสชาติเหมือนน้ำผลไม้ที่ไทย โดยเฉพาะน้ำลิ้นจี่ ต้องลอง
- อากาศที่ Nubra valley ดูจะอุ่นกว่าที่เลห์เหมือนกับที่แม่ของซาลิมบอกเลย
- และเนื่องจากระหว่างทางเราเจออากาศทุกแบบตั้งแต่ร้อนไปจนหนาว เล่นเอาร่างกายเราร้อนๆหนาวเหมือนจะป่วยได้เหมือนกัน

Day 5 https://ppantip.com/topic/36718244
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่