แม่เราเสียแล้วที่ศิริราช จากโรคตับแข็งและติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินฉี่อายุ84


รักษามาตั้งแต่2552 จากไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของโรค จนหาโรคจริงๆเจอพบว่ามีอาการแน่นท้องมากพอรักษาแล้วเจอตับแขงก้อมาป่วยเปนหวัดร่วมด้วยเปนๆหายๆแน่นมาอีกคราวนี้ปี59เข้ารพ.บ่อย และหมดแรงเดิน จนถึงขนาดต้องเรียกรถพยาบาลมารับ ก้อพบว่าหายใจเหนื่อยต้องใส่แคนดูล่าทางจมูกตลอดเวลาต้องซื้อเตียงนอน อุปกร์ณ์จำเปนหลายอย่างไว้ที่บ้าน.


อยากเล่าว่าก่อนแม่จะเสียไปสองวันฝันว่าหมอปิดตาแม่แล้วพี่น้องรีบโทรหาญาติ พอตกเย็นเราเดินไปตากผ้าใหม่เก็บผ้าเก่าที่ตากไว้ก้อจะมีกลิ่นน้ำอบนางลอยหอมฟุ้งบริเวนที่เรายืนอยุ่  ประมาน10นาที เราเดาในใจว่าแม่คงไม่กลับบ้านมาแน่ๆคราวนี้

ได้แต่พูดลอยๆว่า ถ้าแม่ยืนอยุ่แถวนี้ขอให้รุ้ไว้เลยว่าแม่ไม่ต่องห่วงหนูๆอยุ่คนเดียวเองได้ แล้วเราก้อร้องไห้

อยากจะถามว่าทำไมคนตายออกจากร่างถึงมีกลิ่นหอมแบบนั้นคะ

ตอนแม่เราจะใกล้ตายระดับหัวใจเต้น40 80 115 127 136150 165 179 180 เลขจะสับไปมาตลอดเเบบไม่เรียงลำดับ แบบนี้ตลอด

จนถึงระดับ0ก้อยังกะตุกเรื่อยๆจนเวลา7.12 ตอนเราเดินออกจากห้องรวมเพราะพยาบาลจะเปลี่ยนเวรดูแล

อยากถามว่าระหว่างตีหนึ่งที่พยาบาลเรียกพี่น้องทุกคนมาดูใจ(คือร่างกายยังหายใจแบบกระตุกไปเรื่อยตามจังหวะหัวใจที่เต้นไม่ได้ระดับนั้นแม่เราออกจากร่างไปแล้วหรือยัง

และการที่เราท่องบทสวดมนต์มาเรื่อยๆตอนที่แม่หายใจนั้น แม่เลยยังไม่ไปหรือไปไม่ได้สักที พอพยาบาลเรียกขอเปลี่ยนเวรตอน7.10นั้นพอเราเดินเอาของมาเกบในรถ   พยาบาลโทรแจ้งว่าแม่เสียแล้ว มันเปนไปได้ไหมที่เราไม่ได้สวดเขาจึงหมดลมไปตามอายุไข

ตอนนี้นำมาประกอบพิธีที่วัดแล้วค่ะ ขอบคุนทุกความเหนชี้แนะล่วงหน้าค่ะ  T_T

เราเหงามาก หดหู่ เหมือนชีวิตมันค้างไปโหลด ไปหมด ขอวธีทำใจที่นอกจากการทำบุญ หรือไปเที่ยวนะคะเพราะใจมันไม่อยากรับรู้อะไรเลย มันเบลอๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่