ว่าด้วยเรื่องของอุปสรรคในการลดความอ้วน ตอนที่เบ๋เริ่มลดน้ำหนัก ลองผิดลองถูกคะ แต่ไม่ลองยาลดความอ้วนนะคะ เพราะเคยลองทานตอนสมัยสาวๆ มัธยมปลายไปแค่ครั้งเดียว คือ เรียกว่ามื้อเดียวอะคะ ปรากฎว่าแพ้นะคะ เป็นไข้ หนาวสั่น ก็รู้เลยว่า เบ๋เป็นคนแพ้พวกยาพวกนี้ ก็เลยไม่เอาอีกเลย และเชื่อเสมอว่า การออกกำลังกายและควบคุมอาหารนี่แหละ คือ การลดที่จีรังยั่งยืนที่สุด ก็เริ่มคะ
1.ตัดความสุขของตัวเองออกหมด คือ พัง !!!
แต่ก่อนนี้ที่ล้มลุกเพราะตัดความสุขของตัวเองออกไปเกลี้ยง เช่น ไม่ทานน้ำอัดลม ไม่ทานขนม ไม่ทานแป้ง ไม่เอาเลยอะไรที่อ้วน หักดิบว่างั้น ... พังพินาศสันตโร .. เพราะอะไร
คนอ้วนคะ เรารักการกินเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้น ความสุขของเรามันหายไป ทันที แบบ โพ๊ะ! จบ เกิดอาการน้ำตาลตกสิคะ ทีนี้พอเราใจไม่แกร่งพอ เราก็สวาปามมันเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต สุดท้าย ที่ทำมาทั้งหมด จบเห่! คราวนี้เลยเอาใหม่คะ ค่อยๆทอนมันออกไปคะ จากที่กินน้ำอัดลม ทุกวัน วันละ 2-3 กระป๋อง ก็ลดเหลือวันละกระป๋อง ผ่านไป 1 เดือน ก็ค่อยๆทอนเหลือ สัปดาห์ละ 3 กระป๋อง อะไรแบบนี้ ทำได้กับทุกอย่างคะ ขนม เค้ก ไอติม ของทอด ของมัน อะไรที่มันอ้วนๆอ่ะคะ ค่อยๆทอนมันออกไป แล้วระดับน้ำตาลในเลือดของเรา จะค่อยๆบริหารตัวเอง ทำให้ไม่โหย ไม่โหด และ ในที่สุด เราก็จะควบคุมมันได้
2. ความเข้าใจของคนรอบตัว
ปัญหาหนึ่งคือ เราเคยเอาเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลครอบครัว ลูก บ้านช่อง ทำงาน อย่างเบ๋นี่ 10 ปี คือทุ่มสุดตัวกับการดูแลคนรอบตัว จนลืมตัวเองไปเลยคะ อันนี้บอกได้เลยว่า เบ๋เคยคิดเลยนะคะว่า รู้สึกผิดมากที่เอาเวลามาออกกำลังกาย จริงๆนะ มันเหมือนเราไม่ดูแลสิ่งที่เราต้องทำ เราเอาเวลามาเป็นของเรา เอาละสิ ทำไงดี .. ก็อาศัยว่า เบ๋อธิบายให้เข้าใจคะ ว่า ต่อไปนี้ ส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จจะขอเวลาในการออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน วันละ 3 ชั่วโมงตอนเช้า เพื่อดูแลตัวเอง ขอเวลาให้กับตัวเองนะ แรกๆก็มีอาการกันนะคะ แต่เราต้องยืนหยัดคะ ทำไปเรื่อยๆให้คนรอบข้างเค้าเห็นว่า เราตั้งใจจริง เราขอดูแลสุขภาพของเราหน่อย อันนี้เบ๋เชื่อว่าหลายๆคนเป็นนะคะ แต่อยากให้สร้างความเข้าใจกันให้ได้ พอเราออกกำลังกายเสร็จเราก็กลับไปทำทุกอย่างเหมือนเดิม ดูแลเหมือนเดิม หลายคนที่เบ๋ได้เคยคุยก็บอกคะว่า โห... ไม่ได้เลย ส่งลูกเสร็จต้องบึ่งกลับบ้าน ลองจัดสรรเวลาดู พร้อมสร้างความเข้าใจให้กับคนรอบข้างนะคะ
3.เวลาไม่มี
ข้ออ้างประจำของทุกคนที่บอกยังไม่เริ่มและยังไม่ทำ เบ๋ก็อ้างมาละคะ อ้างมา 10 ปี เอาจริงๆนะคะ เราแบ่งเวลาได้ แต่เรามักจะเลือกให้ความสำคัญของการออกกำลังกายเป็นอย่างสุดท้าย ทั้งๆที่ ใน 1 วัน ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่าๆกัน เบ๋เลือกที่จะเอาเวลาช่วงเช้าในการออกกำลังกายคะ อย่างน้อยๆก็ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3-5 วัน ทำเป็นประจำ จนทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้ออกจะรู้สึกอีดอัด แต่ถ้าวันทำงานคุณไม่สามารถหาเวลาได้จริงๆ งานยุ่งแบบ เข้างาน 8 เลิกงาน 3 ทุ่ม ... ทุกวันตลอดชาติ เสาอา ก็น่าจะพอหาเวลาได้บ้างนะคะ แต่จริงๆนะ เบ๋ว่าคุณหาเวลากันได้อ่ะ แต่เลือกที่จะนอนดีกว่า ถ้าได้พัก .. เราเปลี่ยนมุมมอง จากนอน ขอมาสัก 45 นาที ออกกำลัง วิ่งเบาๆ เบ๋ว่า มันก็จะน่าจะไหวอยู่น๊า......
4. ใจไม่นิ่ง จิตไม่แข็ง
อันนี้จริงจัง... ที่พังเพราะ ถอดใจ .. เบ๋จะเล่าให้ฟังนะคะ ตอนที่เบ๋เริ่มหัดวิ่ง ... เบ๋ค่อยๆฝึกคะ บอกตรงๆว่า คนเราเนี่ย ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าวของแท้ ตอนวิ่งเบ๋ก็ถามตัวเองนะคะว่า ไอ้ที่คิดว่าไม่ไหวนี่เพราะขามันเมื่อยหรืออะไร หรือเพราะใจเรามันบอกว่า พอเถ้อ.... ก็สังเกตขา ก็เปล่านะ ไม่ได้เมื่อย มันคือใจล้วนๆจริงๆ โดยเฉพาะใจฝั่งซาตาล ชวนขึ้เกียจเรื่อย ชวนไปกินเรื่อย แต่ถ้าเราทำจิตให้นิ่ง ใจเราแข็งพอ เวลามีอุปสรรคอะไรเข้ามา ทำท่าจะดึงเราให้หลุดโฟกัส แต่ใจเราแข็ง นึกภาพการ์ตูนฝั่งดีฝั่งร้ายตีกัน แล้วเราเข้าข้างฝั่งดีให้มากที่สุด เบ๋เชื่อว่า เราต้องลดน้ำหนักกันได้คะ
5.ท้องมันร้องว่าหิ๊วววววว.....
อันนี้ เป็นตรรกะของเบ๋เองนะคะที่เบ๋ใช้ในการลดน้ำหนัก เบ๋เคยรู้มาว่า คนเราสามารถอดอาหารได้มากกว่าอดน้ำ และ ร่างกายของคนเรา เวลาที่สั่งการว่าหิว มันคือการหิวน้ำ ร่างกายต้องการน้ำ ดังนั้น เบ๋ทำอย่างนี้คะ เวลาที่เบ๋หิว เบ๋จะดื่มน้ำรองท้องหลอกกระเพราะไปก่อน ดึงเวลาไปอีกสัก 30 นาที แล้วดูสิว่า มันยังหิวอยู่มั้ย ... แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้กินนะคะ คือ อยากให้ลดพวกของระหว่างมื้ออะคะ ก็แทนที่จะหยิบขนมจากตลาด ที่เมื่อเที่ยงลงไปช้อบมา เปลี่ยนมาเป็นดื่มน้ำแทนแล้วดึงเวลาไปได้อีกหน่อย เราก็จะค่อยๆลดปริมาณการกินที่ไม่เป็นประโยชน์ลงไปได้ถูกไม๊คะ ลองดูนะ โดยเฉพาะสาวๆออฟฟิส หยุดซื้อของติดไม้ติดมือ ผลไม้ไม่อ้วน แต่จิ้มเกลือจิ้มพริกจิ้มกะปิ อ้วนนะค้า.....
มันไม่ง่ายนะคะลดความอ้วน แต่สิ่งหนึ่งที่เบ๋อยากบอกทุกคนคือ เราคือคนที่จะตัดสินใจคะว่า วันนี้เราจะทำอะไรให้กับตัวเราเองได้บ้าง ความอิดออด ความอ้าง ความสารพัดจะหามาเข้าข้างตัวเอง อะไรก็แล้วแต่ ถ้าวันนี้ คุณเลือกได้ คุณอยากได้แบบไหน วันนี้เบ๋มีความสุขกับสุขภาพที่ดีขึ้น และก็อยากมาให้กำลังใจสำหรับคนที่คิดว่า ทำไม่ได้ทำไม่ได้ .. เชื่อเบ๋นะคะ คุณทำได้ คุณทำได้จริงๆ จิตนิ่ง ใจแกร่ง และอย่าท้อ ตั้งเป้าระยะสั้นระยะยาวไว้คะ กี่เดือนจะใส่กางเกงตัวนั้นให้ได้ อีกกี่เดือนจะลงวิ่งได้ อีกกี่เดือนจะหายไปให้ได้ 5 โล 10 โล ... ค่อยๆทำไปคะ จิตเราบริหารได้ ร่างกายเราก็สร้างกล้ามเนื้อได้ แล้ววันไหนที่คุณพร้อม ไปวิ่งกับเบ๋กันนะคะ เดี๋ยวเบ๋จะพาคุณไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่เร่ง วิ่งไปเซลฟี่ไป วิ่งไม่ไหว เราเดินเร็วกัน ... ดีไม๊คะ ...
ตามดูชีวิต Fitmum ได้ที่ IG: Fitmumwithbebe นะคะ
อ่านต่อ ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก
https://ppantip.com/topic/36684507
อ่านต่อ ตอนที่ 2 นับถือใจป้า กับการเริ่มในวันแรกๆ
https://ppantip.com/topic/36688060
ชั้นจะไม่ยอมอ้วนในวัย 40 ตอนที่ 3 อุปสรรคที่ทำให้ลดไม่สำเร็จระหว่างทาง
1.ตัดความสุขของตัวเองออกหมด คือ พัง !!!
แต่ก่อนนี้ที่ล้มลุกเพราะตัดความสุขของตัวเองออกไปเกลี้ยง เช่น ไม่ทานน้ำอัดลม ไม่ทานขนม ไม่ทานแป้ง ไม่เอาเลยอะไรที่อ้วน หักดิบว่างั้น ... พังพินาศสันตโร .. เพราะอะไร
คนอ้วนคะ เรารักการกินเป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้น ความสุขของเรามันหายไป ทันที แบบ โพ๊ะ! จบ เกิดอาการน้ำตาลตกสิคะ ทีนี้พอเราใจไม่แกร่งพอ เราก็สวาปามมันเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต สุดท้าย ที่ทำมาทั้งหมด จบเห่! คราวนี้เลยเอาใหม่คะ ค่อยๆทอนมันออกไปคะ จากที่กินน้ำอัดลม ทุกวัน วันละ 2-3 กระป๋อง ก็ลดเหลือวันละกระป๋อง ผ่านไป 1 เดือน ก็ค่อยๆทอนเหลือ สัปดาห์ละ 3 กระป๋อง อะไรแบบนี้ ทำได้กับทุกอย่างคะ ขนม เค้ก ไอติม ของทอด ของมัน อะไรที่มันอ้วนๆอ่ะคะ ค่อยๆทอนมันออกไป แล้วระดับน้ำตาลในเลือดของเรา จะค่อยๆบริหารตัวเอง ทำให้ไม่โหย ไม่โหด และ ในที่สุด เราก็จะควบคุมมันได้
2. ความเข้าใจของคนรอบตัว
ปัญหาหนึ่งคือ เราเคยเอาเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลครอบครัว ลูก บ้านช่อง ทำงาน อย่างเบ๋นี่ 10 ปี คือทุ่มสุดตัวกับการดูแลคนรอบตัว จนลืมตัวเองไปเลยคะ อันนี้บอกได้เลยว่า เบ๋เคยคิดเลยนะคะว่า รู้สึกผิดมากที่เอาเวลามาออกกำลังกาย จริงๆนะ มันเหมือนเราไม่ดูแลสิ่งที่เราต้องทำ เราเอาเวลามาเป็นของเรา เอาละสิ ทำไงดี .. ก็อาศัยว่า เบ๋อธิบายให้เข้าใจคะ ว่า ต่อไปนี้ ส่งลูกที่โรงเรียนเสร็จจะขอเวลาในการออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน วันละ 3 ชั่วโมงตอนเช้า เพื่อดูแลตัวเอง ขอเวลาให้กับตัวเองนะ แรกๆก็มีอาการกันนะคะ แต่เราต้องยืนหยัดคะ ทำไปเรื่อยๆให้คนรอบข้างเค้าเห็นว่า เราตั้งใจจริง เราขอดูแลสุขภาพของเราหน่อย อันนี้เบ๋เชื่อว่าหลายๆคนเป็นนะคะ แต่อยากให้สร้างความเข้าใจกันให้ได้ พอเราออกกำลังกายเสร็จเราก็กลับไปทำทุกอย่างเหมือนเดิม ดูแลเหมือนเดิม หลายคนที่เบ๋ได้เคยคุยก็บอกคะว่า โห... ไม่ได้เลย ส่งลูกเสร็จต้องบึ่งกลับบ้าน ลองจัดสรรเวลาดู พร้อมสร้างความเข้าใจให้กับคนรอบข้างนะคะ
3.เวลาไม่มี
ข้ออ้างประจำของทุกคนที่บอกยังไม่เริ่มและยังไม่ทำ เบ๋ก็อ้างมาละคะ อ้างมา 10 ปี เอาจริงๆนะคะ เราแบ่งเวลาได้ แต่เรามักจะเลือกให้ความสำคัญของการออกกำลังกายเป็นอย่างสุดท้าย ทั้งๆที่ ใน 1 วัน ทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่าๆกัน เบ๋เลือกที่จะเอาเวลาช่วงเช้าในการออกกำลังกายคะ อย่างน้อยๆก็ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3-5 วัน ทำเป็นประจำ จนทุกวันนี้ ถ้าไม่ได้ออกจะรู้สึกอีดอัด แต่ถ้าวันทำงานคุณไม่สามารถหาเวลาได้จริงๆ งานยุ่งแบบ เข้างาน 8 เลิกงาน 3 ทุ่ม ... ทุกวันตลอดชาติ เสาอา ก็น่าจะพอหาเวลาได้บ้างนะคะ แต่จริงๆนะ เบ๋ว่าคุณหาเวลากันได้อ่ะ แต่เลือกที่จะนอนดีกว่า ถ้าได้พัก .. เราเปลี่ยนมุมมอง จากนอน ขอมาสัก 45 นาที ออกกำลัง วิ่งเบาๆ เบ๋ว่า มันก็จะน่าจะไหวอยู่น๊า......
4. ใจไม่นิ่ง จิตไม่แข็ง
อันนี้จริงจัง... ที่พังเพราะ ถอดใจ .. เบ๋จะเล่าให้ฟังนะคะ ตอนที่เบ๋เริ่มหัดวิ่ง ... เบ๋ค่อยๆฝึกคะ บอกตรงๆว่า คนเราเนี่ย ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าวของแท้ ตอนวิ่งเบ๋ก็ถามตัวเองนะคะว่า ไอ้ที่คิดว่าไม่ไหวนี่เพราะขามันเมื่อยหรืออะไร หรือเพราะใจเรามันบอกว่า พอเถ้อ.... ก็สังเกตขา ก็เปล่านะ ไม่ได้เมื่อย มันคือใจล้วนๆจริงๆ โดยเฉพาะใจฝั่งซาตาล ชวนขึ้เกียจเรื่อย ชวนไปกินเรื่อย แต่ถ้าเราทำจิตให้นิ่ง ใจเราแข็งพอ เวลามีอุปสรรคอะไรเข้ามา ทำท่าจะดึงเราให้หลุดโฟกัส แต่ใจเราแข็ง นึกภาพการ์ตูนฝั่งดีฝั่งร้ายตีกัน แล้วเราเข้าข้างฝั่งดีให้มากที่สุด เบ๋เชื่อว่า เราต้องลดน้ำหนักกันได้คะ
5.ท้องมันร้องว่าหิ๊วววววว.....
อันนี้ เป็นตรรกะของเบ๋เองนะคะที่เบ๋ใช้ในการลดน้ำหนัก เบ๋เคยรู้มาว่า คนเราสามารถอดอาหารได้มากกว่าอดน้ำ และ ร่างกายของคนเรา เวลาที่สั่งการว่าหิว มันคือการหิวน้ำ ร่างกายต้องการน้ำ ดังนั้น เบ๋ทำอย่างนี้คะ เวลาที่เบ๋หิว เบ๋จะดื่มน้ำรองท้องหลอกกระเพราะไปก่อน ดึงเวลาไปอีกสัก 30 นาที แล้วดูสิว่า มันยังหิวอยู่มั้ย ... แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้กินนะคะ คือ อยากให้ลดพวกของระหว่างมื้ออะคะ ก็แทนที่จะหยิบขนมจากตลาด ที่เมื่อเที่ยงลงไปช้อบมา เปลี่ยนมาเป็นดื่มน้ำแทนแล้วดึงเวลาไปได้อีกหน่อย เราก็จะค่อยๆลดปริมาณการกินที่ไม่เป็นประโยชน์ลงไปได้ถูกไม๊คะ ลองดูนะ โดยเฉพาะสาวๆออฟฟิส หยุดซื้อของติดไม้ติดมือ ผลไม้ไม่อ้วน แต่จิ้มเกลือจิ้มพริกจิ้มกะปิ อ้วนนะค้า.....
มันไม่ง่ายนะคะลดความอ้วน แต่สิ่งหนึ่งที่เบ๋อยากบอกทุกคนคือ เราคือคนที่จะตัดสินใจคะว่า วันนี้เราจะทำอะไรให้กับตัวเราเองได้บ้าง ความอิดออด ความอ้าง ความสารพัดจะหามาเข้าข้างตัวเอง อะไรก็แล้วแต่ ถ้าวันนี้ คุณเลือกได้ คุณอยากได้แบบไหน วันนี้เบ๋มีความสุขกับสุขภาพที่ดีขึ้น และก็อยากมาให้กำลังใจสำหรับคนที่คิดว่า ทำไม่ได้ทำไม่ได้ .. เชื่อเบ๋นะคะ คุณทำได้ คุณทำได้จริงๆ จิตนิ่ง ใจแกร่ง และอย่าท้อ ตั้งเป้าระยะสั้นระยะยาวไว้คะ กี่เดือนจะใส่กางเกงตัวนั้นให้ได้ อีกกี่เดือนจะลงวิ่งได้ อีกกี่เดือนจะหายไปให้ได้ 5 โล 10 โล ... ค่อยๆทำไปคะ จิตเราบริหารได้ ร่างกายเราก็สร้างกล้ามเนื้อได้ แล้ววันไหนที่คุณพร้อม ไปวิ่งกับเบ๋กันนะคะ เดี๋ยวเบ๋จะพาคุณไปเรื่อยๆ ไม่รีบไม่เร่ง วิ่งไปเซลฟี่ไป วิ่งไม่ไหว เราเดินเร็วกัน ... ดีไม๊คะ ...
ตามดูชีวิต Fitmum ได้ที่ IG: Fitmumwithbebe นะคะ
อ่านต่อ ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก https://ppantip.com/topic/36684507
อ่านต่อ ตอนที่ 2 นับถือใจป้า กับการเริ่มในวันแรกๆ https://ppantip.com/topic/36688060