ชั้นจะไม่ยอมอ้วนในวัย 40 และชั้นลดไป 30 กิโลภายใน 1 ปี

สวัสดีคะ เบ๋นะคะ เป็นครั้งแรกที่เขามาลงกระทูในพันทิป เป็นคุณแม่ลูก 2 คะ ตอนนี้อายุ 41 ปีละ เบ๋เคยอ้วนมาก่อนคะ น้ำหนักสูงสุดก่อนคลอดคือ99.5 กิโล จากเดิมสมัยสาวๆ เพรียวระหงษ์ 54-55 กิโล เบ๋ยังพูดเล่นกับหมออยู่หน้าห้องคลอดเลยว่า อีกแค่ 500 กรัม ก็จะครบ 100 ละ ขอไปกินก่อนได้มั้ยคะ? เวลาผ่านไป 10 ปี เบ๋สามารถงมาได้แค่ 86.5 กิโลคะ อาจจะเป็นเพราะโฟกัสของเราไม่ได้อยู่ที่ตัวเองมั้งคะ  วันๆก็นั่งทำงาน กับดูแลลูกๆ เรื่องที่จะขยับเขยื้อนตัวเองนี่ จบไปเลยคะ อยากได้อะไรชี้นิ้ว ให้คนนู้นคนนี้หยิบจับให้ คือขี้เกียจขยับร่างจริงๆ จนวันที่เบ๋อายุ 39 ปี กับอีก 9 เดือน มีอะไรมาเข้าร่างสิงห์จิตไม่รู้คะ ดังในหูเลยว่า พออายุ 40 แล้ว รับรองลดยากมาก  แค่หายใจก็อ้วนแล้ว ... เอาละสิ ต้องตัดสินใจแล้วหละคะว่า จะเป็นคนอ้วนไปตลอดชีวิต หรือจะกลับมาแซ่บเซี้ยะ เหมือนตอนสาวๆ ดี ... จุดหักของการลดน้ำหนัก นอกจากเรื่องของความไม่มั่นใจในตัวเอง เลิกเข้าสังคม จากเคยเป็นแอร์ชอบพบปะผู้คน กลายเป็นคนอยู่แต่ในที่ของตัวเอง มีงานอะไรก็ไม่ไป บวกกับสุขภาพที่แย่ลงเรื่อยๆ ทำอะไรก็เหนื่อย เดินขึ้นชั้นสองของบ้าน ก็ปวดเข่า เดินขึ้นเหมือนคนแก่ ต้องจับราวบันได ตัวงอเป็นตัว L คว่ำ จะวิ่งตามลูกไม่ต้องพูดถึง แล้วเชื่อไม๊คะ เป็นแม่ที่ผลักดันให้ลูกเล่นกีฬา จนทุกวันนี้ ลูกชายสองคน เป็นนักกีฬาโรงเรียน เป็นเด็ก 10 ขวบ กับ 6 ขวบครึงที่แข่งไตรกีฬา!!!!

ในทีสุดจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาปฎิว้ติตัวเองคะ เพราะอยากอยู่กับลูกไปนานๆ และอยากจะเป็นไอดอลให้กับลูกๆ จัดไป ลงมันบนเฟสบุ้คเลยละกัน ประจานตัวเองให้เพื่อนๆรับรู้ เพื่อกดดันตัวเอง และที่สำคัญ เดินไปบอกกับลูกชายคนโตเลยคะว่า แม่จะทำให้ดู แม่จะลดน้ำหนักแล้วมาเล่นกีฬากับลูก เอาละสิ! ลั่นวาจากับลูกไปแล้ว คนเป็นแม่อย่างเราจะเสียคำพูดไม่ได้ !!!!!!!!

เริ่มกันเลยคะ จากคนไม่ขยับเขยื้อน และชอบกิน ... บอกตรงๆ คนอ้วนเนี่ย ถ้าจะมาห้ามไม่ให้กิน ผิดตั้งแต่แรกละคะ รับรองล้มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เบ๋กินเหมือนเดิมคะ ในเมื่อเรามีความสุขกับมัน เราอย่าไปเครียดคะ กินไป ออกไป กินไป ออกไป มันยากมากจริงๆ นี่ร่างกายชั้น ทำไมไม่มีมวลกล้ามเนื้อเลย แรกๆ ครึ่งชั่วโมงก็จะตายละคะ เดินเร็ว วิ่งเหยาะ พยายามSit up ทำไปเรื่อยๆแบบไม่มีแนวทางอะไร เพราะคิดแค่ว่า จากไม่เคยออกกำลังกายเลย วันนี้เราลุกขึ้นมาก็เป็นก้าวที่สวยงามมากมายแล้วหละ ให้กำลังใจตัวเองไปเรื่อยๆ 3 วันแรกแทบบ้าคะ เล่นที่บ้านนี่แหละ บอกตรงๆ ไปเล่นที่คลับสวยๆ อายเค้าคะ เราลุยเองก่อน เราต้องดึงความมั่นใจของตัวเองมาให้ได้ก่อน ... ทำไปคะ สัปดาห์นึง เบ๋ออกมัน 5 วันเลยคะ วนไป ทำอะไรไหวทำ จาก 30 นาที ก็ค่อยๆเขยิบมาเป็น 45 นาที และ 1 ชั่วโมง .... ช่วงที่เบ๋เริ่มหันกลับมาออกกำลังกาย งานมาราธอนก็มาคะ แหมฮิตกันจริงๆ ไปคะไป .. เราต้องทำได้ สั้นสุด 3 กม... มันต้องได้สิ วิ่งไม่ไหว เราก็เดิน ลองไปกันดูดีกว่าคะ .. กรี้ดๆ.... ชอบคะชอบ  ได้เหรียญด้วย .. มันคือแรงผลักที่ดีมาก ดังนั้นใครที่คิดว่า มาราธอนไม่ไหว เบ๋ขอให้คุณไปคะ .. คุณจะได้เจอหลากหลายผู้คน เราไม่ได้ตัวคนเดียว เรามีเพื่อนร่วมทางเยอะมากๆ แล้วก็ถึงบางอ้อคะ เราต้องเอาตัวเราเองไปอยู่กับคนที่เค้ารักสุขภาพ คนที่เข้าลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ..  แล้วเบ๋ก็ไปสมัครฟิตเนสแถวบ้านคะ เบ๋ใช้เวลาอยู่กับการออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 5 วัน ทุกครั้งที่ไป เบ๋จะคาร์ดิโอ 2 ชั่วโมง และ เวทกับเทรนเนอร์ 1 ชั่วโมง ... ทำแบบนี้ไปคะ ใจแข็งๆไว้ เบ๋อยากบอกว่า มันไม่ง่ายคะ  แต่เบ๋ตั้งใจแล้ว ก็ท่องเอาไว้ว่า มาขนาดนี้แล้วจะยอมแพ้ได้ยังไง ชุดสวยๆแซ่บๆไม่ต้องพูดถึง เสื้อยืดเลกกิ้งกับใจเกินร้อย ลุยคะลุย มันก็จะอายๆหน่อย คนอื่นเข้ามาแบบ เอวลอย ชุดสวย อิจฉามากๆ แต่เปลี่ยนความอิจฉามาเป็นแรงขับซะคะ ... วันนึงชั้นจะต้องถอยชุดแบบนางเหล่านั้นมาใส่ให้ได้ คอยดู!

ผ่านไป 1 เดือน มีเพื่อนสนิทคะ ชื่อ คุณวินัย เมื่อไหร่ที่เบ๋ท้อและเหนื่อย คุณวินัยจะคอยเข็นเบ๋ให้ไปออกกำลังคะ คนรอบตัวนี่ถึงกับตกใจ มีทั้งให้กำลังใจ คำกดดัน คำแซว หัวเราะใส่เราก็มีคะ .. แต่..... ทุกๆสิ่ง เบ๋เอามาเป็นแรงขับคะ เบ๋จะไม่ยอมให้ใครมาทำให้เราท้อ ... เป็นม้าลำปางคะ ... สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ เบ๋ยังกินปรกติคะ .. เพราะเบ๋บอกตัวเองว่า เบ๋จะลดน้ำหนักอย่างมีความสุขคะ เบ๋มองว่า วันนี้เบ๋จะเทรนตัวเองเหมือนเบ๋เป็นนักกีฬาคนนึง นักกีฬา เค้าไม่ต้องอดอาหารหนิ แต่เค้าเลือกกินของที่มีประโยชน์ อะไรที่กินแล้วมีประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อ และ ไม่ทำให้ไขมันพอกพูน เราก็ต้องกินได้สิ จริงมั้ยคะ .... จัดไปคะ .... อาหารมื้อเช้าของเบ๋สำคัญสุดเลยคะ จัดเต็ม! ไข่ลวก 2 ฟอง ขนมปัง กาแฟ น้ำส้ม ส่วนมื้อเที่ยงกับเย็น เบ๋ค่อยๆตัดทอนแป้งออกไปทีละนิดคะ อันนี้แอบมาบอกเคล็ดลับ การลดความอ้วนด้วยการหักดิบ จะทำให้เราโหยคะ เบ๋เลยใช้วิธีค่อยๆทอนลงเรื่อยๆ ใช้เวลาเป็นเดือนนะคะ ... เหมือนเราสะกดจิตตัวเองอะคะ .. ค่อยๆปรับไป วันไหนที่โหยมากๆ ก็ให้ตัวเองกินไปเถอะคะแป้ง ... แต่รู้ไว้นะคะ เอาเข้าไปเท่าไหร่ เราต้องเอาออกมากกว่าเดิม .. ก็อยู่ที่จิตแล้วหละคะ ...  เบ๋ติดน้ำอัดลมคะ .. ก็ทานนะคะ วันละกระป๋องก็ยังดี ..แหะๆ เป็นการลดน้ำหนักที่มีความสุขที่เคยทำมาเลยคะ เพราะที่ผ่านมาหักดิบ ล้มลุก ล้มลุกอยู่ตลอด .. แต่คราวนี้ไปได้ตลอดรอดฝั่งจริงๆ

เบ๋ยังคงมุ่งมั่นกับการออกกำลังกายต่อไปคะ มีคลาสอะไรก็เข้าไป โดยส่วนตัวชอบเต้นคะ ผ่านไป 1 ชั่วโมงมันจะเร็ว เพราะเราสนุกไปกับคลาส จากนั้นก็มาเข้าพวกคลาสยกๆ ยืนๆ เหวี่ยงๆ ลุกๆ นั่งๆ น้ำตาจะไหลทุกครั้งที่จบคลาส แอบไปปวดเมื่อยตัวในห้องอาบน้ำ 3 เดือนแรกโหดอยู่คะ  เบ๋ไม่ชั่งน้ำหนักเลยนะคะ บอกเลย ชั่งทีไร ท้อทุกที เราใช้วิธีส่องกระจกเอาคะ และๆๆๆๆๆๆ วัดความหลวมของเสื้อผ้าที่ใส่ ... ระหว่างที่สรรหาคลาสที่ออกกำลังกายแล้วสนุก บนความสนุก เราต้องมีคนคอยคุมเราด้วยคะ เบ๋ให้น้องเทรนเนอร์จัดให้วันละ ชั่วโมง อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ... อันนี้คือ กล้ามเนื้อเริ่มหาเจอละ หลังจากที่คลำไป ไม่มีกล้ามเนื้อเล้ยร่างกาย ... มีคนถามเยอะคะว่า มีเทรนเนอร์ดีมั้ย .. ในมุมของเบ๋นะ เบ๋คิดว่า ถ้าคุณไม่มีวินัย และต้องการให้คนบังคับ เทรนเนอร์นี่หละคะ ตัวคุมคุณเลย แต่ต้องเข้าใจอย่างนึงนะคะว่า ใน 1 วัน มี 24 ชั่วโมง คุณเทรนกับเค้า 1 ชั่วโมง อีก 23 ชั่วโมงมันคือตัวคุณล้วนๆ คุณต้องคุมจิตให้แกร่งจริงๆคะ เพราะเราเป็นคนอ้วน เดินผ่านร้านอาหารกลิ่นก็ยั่วยวน เดินผ่านร้านขนม มันก็ย้ากอยาก... นอนอยู่บนเตียงสบายๆ มันก็ขี้เกียจ ... ดังนั้น ตัวเรานี่คือแก่นเลยคะ ...

นอกจากออกกำลังในฟิตเนสแล้ว แนวมวยเบ๋ก็เอานะคะ อยากบอกว่า การต่อยมวยเนี่ย เบิร์นหนักมาก โดยเฉพาะเวลาที่เราเล่นในที่ๆไม่ได้ติดแอร์ เหงื่อนี่แตกซิกๆๆ วิดิโอสามารถเข้าไปดูได้ใน Ig นะคะ เบ๋ชอบต่อยมวยคะ เบ๋ว่า มันคือการปลดปล่อยพลังงานอะไรบางอย่าง และ เลือดสูบฉีดมากๆ หัวใจเต้นเร็ว การเผาผลาญก็เร็ว และยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อของเรา เรียกว่าทุกสัดส่วนจริงๆ

ที่เบ๋มาเขียนกระทู้นี้ ก็เพราะอยากจะให้กำลังใจหลายๆคนที่ตัดใจแล้วว่า ไม่เอาแล้ว ล้มๆลุกๆ ทำไม่เคยรอด เบ๋อยากบอกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เบ๋คิดจะลดน้ำหนักคะ เบ๋ก็ล้มลุกมานับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกับทุกๆคน ซึ่งไม่แปลกเลย เป็นเรื่องธรรมดามาก และวันนี้เบ๋สามารถทำได้ ก็อยากที่จะเอาแนวทางมาให้ทุกคนลองทำกันดู ... สิ่งสำคัญคือ ที่ผ่านมา เราอาจจะคิดว่าเราทำมามากพอแล้ว ... ถามตัวเองดูอีกทีว่า เราใส่หมดแล้วจริงๆหรือป่าว เรากล้าพูดไม๊ว่า เราจะลดน้ำหนักเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตจริงๆมั้ย ... เราทำอะไรตรงไหนพลาดไป? ... เราปล่อยให้ความขี้เกียจเอาชนะเราไปหรือป่าว เราทำมั่งหยุดมั่งไม๊ .ที่สำคัญ เราหักดิบเกินไปหรือป่าว .. อยู่ดีๆ ตัดทุกอย่างออกไป ที่เคยกินไม่กิน อันนี้สำหรับเบ๋ คือ ความพลาดอย่างรุนแรง เพราะเราตัดความสุขของเราออกไปแบบทันที แน่นอนว่า จิตหลุด แรงหมด กำลังใจไม่มี ชีวิตดูโหดร้าย ... สุดท้ายจุดจบคือ ไม่ทำแล้วเฟร้ย...... แนวของเบ๋คือ เดือนแรก ออกไปคะ ส่วนเรื่องกิน เราแยกให้เข้าใจว่า เรากินได้ แต่อย่างที่บอก กินแล้ว ต้องหาทางเอาออกนะคะ เบ๋เชื่อว่า จากคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย แค่วันนี้ลุกขึ้นมาขยับเขยื้อนดูบ้าง สัก 30-45 นาทีต่อวัน ยังไงๆไขมันที่เหลวๆอยู่ มันก็จะต้องออกไปไม่มากก็น้อย ... และที่สำคัญ เบ๋เลือกที่จะคิดว่า วันนี้ถ้าเบ๋เป็นนักกีฬา เบ๋จะต้องออกให้หนัก ฝึกซ้อมจนร่างกายเคยชิน จากง่ายๆ เบาๆ ก็เพิ่มความทัดทานให้มากขึ้น ทำไปเรื่อยๆคะ ไม่รีบ ... แต่ขอลดแบบถาวร อยู่กับเรานานๆ เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต เปลี่ยนแปลงจิต สะกดจิตตัวเองด้วยการทำซ้ำๆ เปลี่ยนหลายๆอย่าง ซึ่งๆๆๆๆๆๆ ทุกอย่างใช้เวลานะคะ ไม่มีคะ ลดน้ำหนักแบบ 30 โลจะใช้เวลาภายใน เดือน 2 เดือน ....


เดี๋ยวกระทู้หน้าจะมาเล่าต่อ แชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนมีกำลังใจมากขึ้นนะคะ ถ้าเบ๋ทำได้ คุณก็ทำได้คะ เชื่อเบ๋นะ

ไปดู IG รอก่อนได้นะคะ fitmumwithbebe นะคะ ในนั้นจะมีวิธีการ วิดิโอ วิธีที่เบ๋ออกกำลังกาย Life style ของเบ๋ เผื่อจะเป็นแนวทางให้หลายๆคนลองทำตามดูนะคะ

อ่านต่อตอน 2 คลิ้ก https://ppantip.com/topic/36688060
อ่านต่อตอน 3 คลิ้ก  https://ppantip.com/topic/36700932
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่