[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้” ตอนที่ 7 วันว่างๆ ที่ Punta Arenas & Santiago


ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36614026

ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://ppantip.com/topic/36616822

ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://ppantip.com/topic/36623531

ตอนที่ 3 Ushuaia วันแรกลุยฝน วันต่อมาผจญหิมะ
https://ppantip.com/topic/36633175

ตอนที่ 4 Glacier Perito Moreno ในวันฟ้าหม่น
https://ppantip.com/topic/36639881

ตอนที่ 5 Laguna Torre y Fitz Roy
https://ppantip.com/topic/36648556

ตอนที่ 6 Torres Del Paine ในวันที่ฟ้าไม่สดใสแต่ยังคงงดงาม
https://ppantip.com/topic/36662049

เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองทางผ่าน แค่มาต่อเครื่องบิน แต่ไหนๆ ก็ผ่านมาแล้วเลยหยุดเที่ยวซักหนึ่งวัน เราเลยเลือกไปไฟล์เย็น  (5:45pm) โดยจุดหมายต่อไปของเราก็คือ Santiago ซึ่งเมืองนี้ก็เป็นเมืองผ่านอีกนั่นแหละ ผ่านไปทำ Visa ของโบลิเวีย แต่ก่อนที่เราจะไปเดินเตร็ดเตร่ เราจะต้องหารถที่จะพาเราไปสนามบินในช่วงบ่ายของวันนี้ก่อน

ที่ Hostel บอกว่าเดินออกจาก Hostel แล้วเลี้ยวขวาซ้ายไปทาง Fish Market เราก็เดินตามที่เค้าบอกมา แต่เดินไปแล้วไม่เห็นจะมีร้านไหนที่บ่งบอกว่าขายตั๋วรถเลย ถามคนแถวนั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่อง สุดท้ายขอแค่ Information Center ของเมืองนี้อยู่ไหนแล้วกัน ที่นั่นน่าจะคุยกันรู้เรื่องบ้างแหละ เค้าเลยชี้ให้เราเดินกลับไปทาง Hostel แล้วเดินไปเรื่อยๆ จะเจอสวนสาธารณะ ตรงนั้นจะมี Tourist Information อยู่ แต่สำหรับคนที่พักอยู่ที่อื่นแล้วต้องการหา Tourist Information มันง่ายมากค่ะ มันตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ Plaza de Armas Munoz Gamero ตรงข้ามกับโบสถ์ในรูป
CR: ภาพ Tourist Information จาก Google map

เจ้าหน้าที่ที่นั่นใจดีมาค่ะ ให้แผนที่พร้อมอธิบานเสร็จสรรพว่าต้องไปยังไง แล้วแนะนำด้วยว่าถ้ามีเวลาเราควรไปเที่ยวที่ไหนบ้าง มีทั้งแบบใกล้ๆ และไกลๆ แต่ด้วยเวลาจำกัดของเรา เราต้องไปจัดการเรื่องรถไปสนามบินก่อน ส่วนเรื่องเที่ยวไว้ที่หลัง จาก Tourist Information เราก็เดินไปตามรูปค่ะ เพื่อไปยัง Scott Cambios

พอไปถึงทางนั้นแจ้งว่ามีรถรอบบ่ายสาม ไม่อย่างนั้นจะเป็นรอบที่ช้ากว่าไฟล์ของเรา เราก็เลยตกลงนั่งรถบ่ายสามนั่นแหละ ตอนนี้สบายใจเรื่องตั๋วแล้วเราก็ออกมาหาของรองท้องก่อนสำหรับตอนเช้า เดินวนหา Cafe นั่ง ซึ่งเรื่องกินนั้นเราเตรียมตัว Search หาตั้งแต่ก่อนออกจาก Hostel แล้ว มื้อเช้าของเราเราจะไปที่ Café Tostada มื้อนี้เราจัด Toast & Hot Chocolate ไปเบาๆ หมดไป 3,850 Peso

พอกินเสร็จเราก็คว้าแผนที่ที่ทาง Tourist Information ให้มาดู เราว่าด้วยเวลาจำกัด เราคงจะได้ไปได้แค่ดูวิวจากมุมสูง ไป Fish Market แล้วก็ทานอาหารกลางวัน จากนั้นค่อยดูว่าไปไหนต่อดี ระหว่างทางเราเดินผ่านอะไร ก็ถ่ายๆ รูปเก็บไว้เตือนความจำ (ที่จำไม่ได้ว่ามันชื่ออะไรบ้าง)

เราเดินตามแผนที่จนมาถึงทางชันและบันไดที่ต้องปีนขึ้นมา เพื่อมาเห็นเมืองนี้จากมุมสูงในวันฟ้าอึมครึม

เสร็จแล้วเราก็เดินกลับลงมาแล้วเดินไปตามถนน Independecia เพื่อตามหา Fish Market

และจะเห็นป้ายบองทางของ Fish Market เป็นระยะ ๆ แบบนี้

พอสุดถนนให้เราเลี้ยวขวาจะเจอรอยเท้าสีเหลืองๆ ให้เดินไปตามนั้นแล้วเราก็จะเจอ Fish Market

ต้องบอกก่อนเลยว่าก่อนมานี่นึกถึง Fish Market แบบญี่ปุ่น (จริงๆ ก็ยังไม่เคยไป ดูแต่ในทีวี) คือเราจินตนาการไว้สูงมาก พอไปถึงเลยแอบผิดหวังเล็กน้อย

ไหนๆ ก็มาแล้วเลยเดินวนรอบๆ สองรอบแล้วค่อยออกมา พอออกจาก Fish Market แล้วเดินไปทางซ้ายก็จะเจอหอนาฬิกา กับร้านขายของที่ระลึก

มองนาฬิกาอีกที อ้าวจะเที่ยงแล้วนี่หน่า งั้นเราต้องเดินไปหาอะไรใส่ท้องอีกซะรอบ เราเดินตามถนน Av. Costanera del Estrecho de Magallanes (ชื่อจะยาวไปไหน?!?!?!) เอาเป็นว่าถนนที่อยู่หน้าหอนาฬิกานั่นแหละ แล้วเดินย้อนกลับไปทิศของสวนสาธารณะ แต่ก่อนที่จะถึงจะมีถนนชื่อ Bernardo O’Higgins ซึ่งถนนสายนี้จะอุดมไปด้วยร้านอาหารนานาประเภท

เป้าหมายของเราในวันจากการถาม Tourist Information มาแล้วแล้วคือ ร้าน La Launa เราก็เดินไป เดินไป...ในที่สุด เราก็เปลี่ยนใจเพราะดันไปเห็นร้านซูชิก่อน  มื้อนี้หมดค่าอาหารไปอีก 18,000 Peso

พอออกมาจากร้านอาหารตั้งใจว่าจะเดินย้อนกลับไปถ่ายรูปริมทะเล แต่เดินได้ไม่เท่าไหร่ฝนดันตก ตอนนี้เลยหมดอารมณ์ที่จะเดินเล่นอีกต่อไป กลับไปที่ Hostel เพื่อรอเวลามาขึ้นรถไปสนามบิน

เราไปถึง Agency ที่ซื้อตั๋วนั่งรอแล้วรอสักพักใหญ่กว่ารถจะมา พอรถที่มาไม่ใช่ Airport Bus แต่เป็นรถตู้ ซึ่งมีเรานั่งคนเดียว ราคา 3,000 Peso กับการนั่งคนเดียวก็ดูไฮโซไม่เบา

รถถึงสนามบินตอน 15:30 น. เราก็เข้าไป Check-in เรียบร้อยแล้วรอ Boarding พอ 16:30น. ซึ่งเป็นเวลา Boarding เราก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่จะประกาศ คือที่นี่ประกาศเป็นภาษาสเปนอย่างเดียว เข้าใจเอาว่าคนทั้งโลกนี้พูดภาษาสเปนได้ว่างั้นเหอะ เราก็สังเกตุเอาถ้ามีคนวิ่งไปต่อแถวเราก็วิ่งตาม แต่ต่อแถวเสร็จก็ประกาศว่า Delay เป็นอย่างงี้ซ้ำๆ หลายรอบ จน Flight ไป Santiago ที่เป็นไฟล์ต่อจากเราจะบินอยู่แล้ว ตอนนั้นเหมือนประกาศอะไรซะอย่างเป็นภาษาสเปน แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งรีบยกมือแล้วตามไปกับไฟล์นั้น ถึงตอนนั้นรู้สึกเหมือน “เดจาวู” เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดตอนอยู่จีน วันที่หิมะตกหนัก (ในรอบ 18ปี) แล้วเครื่องเรา Delay ไปเกือบสองวัน แต่คราวนี้จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ ชั้นต้องไปทำวีซ่าที่ Santiago เพราะตั๋วเครื่องบินซื้อไว้แล้ว!!!

คราวนี้เจ้าหน้าที่ปีนไปยืนบนเก้าอี้แล้วมีคนมารายรอบ เราซึ่งเป็นเอเชียคนเดียวในตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก เค้าพูดอะไรกัน ชั้นไม่เข้าใจ พูดจบไม่แปลอีกต่างหาก!!! เครียดโว้ย!!! เรามองไปรอบๆ เฮ้ยๆๆ นั่นฝรั่งสองคน หน้าตาฟังสเปนไม่ออกเหมือนเราแน่ๆ เรานี่รีบเข้าไปตีสนิทเลย

เรา: ยูๆ ฟังภาษาสเปนออกมั๊ย เค้าคุยอะไรกัน?
คู่รัก: ฟังไม่ออกเหมือนกัน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ตอนนั้นเองก็มีเทพบุตรผู้เผชิญชะตากรรมเดียวกับเราเดินมาแปลให้ฟัง ว่าไฟล์จะ Cancel จ้า เร็วสุดน่าจะบินได้พรุ่งนี้ และต้องลง Waiting list ไว้ก่อนด้วย

เราสามคน: Oh…Nooooooooo

คือสองคนนั้นมีไฟล์ต่อในเช้าวันพรุ่งนี้ ส่วนเราต้องไปถึงสถานทูตก่อนเที่ยง ไม่งั้นแพลนเราล่มหมด (จริงๆ ล่มแค่ครึ่งเดียว แต่ตอนนั้นต้องเวอร์ไว้ก่อน) แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็ลงๆ ชื่อไปก่อน พ่อเทพบุตรก็ลงพร้อมๆ กับพวกเรา เราสามคนเกาะพ่อเทพบุตรไม่ปล่อย เพราะเราต้องการคนแปล เจ้าหน้าที่สนามบินก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ กดดันสุดๆ

เรื่องทุกอย่างเริ่มคลี่คลายประมาณ 4 ทุ่ม เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศว่าจะรีบส่งเครื่องจาก Santiago มารับตอนตี 2!!!! ห้องที่ชั้นเช่าไว้สองคืน (แพงด้วยเหอะ) มันจะเสียเปล่าไปหนึ่งคืนฟรีๆ แต่พอหันไปเห็นฝรั่งสองคนแล้ว เรายังจ่ายถูกกว่าเยอะ สองคนนั้นจองแบบเต็มสตรีมคืนละ USD200 เจ้าค่ะ เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมลำบากกว่า เราก็สบายใจ (ใช่เหรอ?) รอรถมารับไปกินข้าวฟรีดีกว่า กว่ารถจะมาก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว แล้วยังพาไปผิดร้านอีก กว่าจะได้กินข้าวก็เกือบเที่ยงคืน

ร้านที่ทางสายการบินจัดให้กินคือร้านนี้เ ราเดินผ่านร้านนี้มาเมื่อตอนเที่ยง เห็นแล้วน่ากิน แต่พอมีรูปวัวแปะปุ๊บเลยคิดว่าน่าจะขายเนื้อวัวเป็นหลักไม่มีเนื้ออย่างอื่นเลยไม่ได้เข้าไป

โดยที่ร้านนี้ใครจะสั่งอะไรกินก็ได้ ให้หัวละ 15,000 Peso เครื่องดื่มได้หนึ่งอย่าง เราเลยสั่งปลาไป ในขณะที่คนอื่นๆ สั่งเนื้อ คุณลุงชาวชิลีสองคนบนโต๊ะเปิดไวน์เลี้ยงพวกเราสามคนด้วย แต่เราขอบาย เพราะกินไม่เป็น

กินเสร็จเราต้องมาผ่านด่านตรวจอีกรอบและในที่สุดเราก็ได้บินจริงๆ เสียที

เดี๋ยวเราจะมาต่อ Santiago ในคอมเม้นท์นะคะ คงไม่ขึ้นกระทู้ใหม่เพราะไม่ค่อยมีเนื้อหาอะไรมาก
ชื่อสินค้า:   Punta Arenas & Santiago
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่