สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วกับรีวิวทริป Chile ของเราค่า
ต่อจากกระทู้ที่แล้วที่ Bolivia 🇧🇴
https://m.ppantip.com/topic/42958763?
หลังจากนั่งรถข้ามชายแดนจากโบลิเวียมายังชิลีเราก็มาถึง เมืองเล็กๆที่ชื่อว่า San Pedro de Atacama ตอนเที่ยงพอดี
เช็คอินที่พักเรียบร้อยก็ออกไปซื้อทัวร์ Valle De La Luna (ค่าทัวร์ 40,000 CLP) ระหว่างรอทัวร์เริ่ม ก็ไปทานข้าวกันก่อนคะ

ทัวร์เริ่มเวลาบ่าย 2 โมง โดยจุดแรกจะต้องแวะเสียค่าเข้าก่อน (11,000 CLP)
รูปปั้นหน้าทางเข้า

นั่งรถไปอีกแป้บนึงก็ถึง Valle De La Luna ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีภูเขาและหินรูปร่างประหลาด (ไกด์พาเดินราวๆ 1 ชม.)



ต่อจากนั้นก็จะพาไปอีกที่เพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ตก (มีอาหารว่างและไวน์ให้ทานระหว่างรอดูพระอาทิตย์ตกดิน)

ทัวร์ถึงแค่ 6 โมงเย็นก็กลับเข้ามาในตัวเมือง หลายคนที่มาถึง Atacama ก็มักจะไปดูดาวกัน แต่เราไม่ได้ไปคะ
Day 2 รถตู้มารับแต่เช้าไปยังสนามบิน El Loa ที่เมือง Calama เพื่อบินไป Santiago (เราจองรถตู้กับทัวร์ในราคา 20,000 CLP )
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

บ่าย 3 โมงครึ่งเราก็บินมาถึงสนามบิน Arturo Merino Benitez เรียก Uber ไปที่พักแถวย่าน Las Condes ( ย่านนี้ปลอดภัยไม่มี homeless
แต่ที่พักแพงคะ เราพัก Airbnb คืนละ 130 $ 🥹)
Day 3 วันนี้ไปเอเซียนมาร์ทหาวัตถุดิบทำอาหาร เพราะเราจะอยู่ที่ Santiago 1 สัปดาห์เพื่อรอบินไปเกาะอีสเตอร์

แถวๆมาร์ทเป็นย่านขายเสื้อผ้าราคาถูก

แวะซื้อไวน์ (ที่นี่ไวน์ราคาถูก)
Day 4 ไปเที่ยว Santiago เมืองหลวงของประเทศชิลีกันคะ
เริ่มกันที่ La Moneda Palace ที่ทำงานของประธานาธิบดีชิลี

ข

เดินไปเรื่อยๆจนถึง Plaza de Armas




บริเวณแถวๆ Plaza de armas จะเป็นถนนคนเดินมีแผงขายของเต็มไปทั้งสองฝั่งถนน

เดินไปจนถึงตลาด Mercado Central ซึ่งด้านในเป็นร้านอาหารซะส่วนใหญ่

จากนั้นก็เดินไปต่อที่ Cerro Santa Lucia เป็นป้อมปราการเก่าสามารถขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาได้ด้านบน
ระหว่างทางเดินไป

ถึงแล้ว Cerro Santa Lucia





วิวจากด้านบน

Day 5 วันนี้ออกไปเที่ยวเมืองท่า Valparaiso คะ เราใช้บริการของ Turbus ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง

เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมข้อมูลการเดินทางภายในเมืองนี้มา ก็เลยเดินเอาคะ เดินไกลมาก ที่แรกคือ Plaza Sotomayor

ไปต่อที่ Cerro Concepcion เพื่อขึ้น funicular

เดินชมวิวไปเรื่อยๆคะ





พักทานกลางวัน


สีสันสดใสทั้งเมือง





5 โมงกลับมารอขึ้นรถ ถึง Santiago เกือบๆ 2 ทุ่ม

วันอื่น เราพักผ่อนอยู่ที่พักคะ เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาเกือบ 4 เดือน
สำหรับการเดินทางใน Santiago ส่วนใหญ่เราใช้ Subway ซึ่งต้องมีบัตร Bip
Day 10 ตื่นแต่เช้าไปสนามบินเพื่อเดินทางไปยังเกาะอีสเตอร์โดยสายการบิน Latam (ผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว ราคาแพงยิ่งกว่าบินไปยุโรป )
ซึ่งต้องมาถึงสนามบินก่อนเวลาออกเดินทาง 3 ชั่วโมง และ ต้องกรอกข้อมูลออนไลน์ในระบบ Single Entry Form (FUI) เพื่อแสดงต่อ
เจ้าหน้าที่ PDI ที่สนามบิน
ผ่านช่องนี้และเจอเจ้าหน้าที่ PDI

หลังจากบินมาเกือบ 6 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Mataveri แห่งเกาะอีสเตอร์คะ (เวลาที่นี่ช้ากว่าที่ Santiago 2 ชม)

รอรับกระเป๋าที่สายพาน

พนง. Hostel มารับจากสนามบิน ไปที่พัก Hostel Tipanie Moana ใกล้ๆ สนามบิน (ห้องพักสะอาด พนง พูดภาษาอังกฤษได้ดี)

เก็บของเสร็จก็ออกไปจองทัวร์กันคะ เดิมทีเรามีแพลนจะเช่ารถขับเอง แต่หลังโควิดทางอุทยานออกกฏว่า การเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว
จะต้องมีไกด์พาไป และเราก็ไม่อยากเสียค่าจ้างไกด์เพิ่ม ก็เลยเปลี่ยนไปซื้อทัวร์แทน
เราจอง Half day tour 2 วัน ( วันละ 30,000 CLP) และ Full day Tour 1 วัน ( 55,000 CLP)
สำหรับซิมเน็ต บนเกาะมีช้อปของ entel ร้านเดียวแต่เราใช้ซิมของ movistar ตั้งแต่ที่ Atacama ก็มีสัญญานสามารถใช้บนเกาะได้คะ

จองทัวร์เสร็จก็ไป ซื้อตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติราปานุย(ราคา80 $)

แล้วก็ ไปเดินเล่นกันคะ

เดินไปจนถึง Ahu Tahai

Ahu Ko Te Riku ที่มีดวงตา

ละก็ไปชมวิวที่ Mirador Hanga Kioe เจอโมอายเดี่ยวๆอีกตัว

ที่นี่พระอาทิตย์ตกดินตอน 2 ทุ่ม แต่เราไม่ได้อยู่รอดู
Day 11 เริ่ม Half day tour วันแรก เวลา 9 โมงเช้า
จุดแรก ปากปล่องภูเขาไฟ Rano Kau มีต้น totora ซึ่งเป็นกกที่พบในทะเลสาบ Titicaca

จุดที่ 2 Orongo ซึ่งบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของชนชั้นสูง (บ้านจะเป็นแผ่นหินทับซ้อนกัน) และเป็นจุดที่ประลองหาผู้นำของที่นี่

จากจุดนี้สามารถมองเกาะ Moto Nui และ Moto Iti ได้

จุดที่ 3 Ahu Vinapu จะเจอโมอายถูกล้มหน้าคว่ำมากมายระหว่างสงครามแย่งชิงอำนาจของชนเผ่าพื้นเมือง นอกจากนั้น
กำแพงด้านหลังของ Ahu เป็นกำแพงที่ใช้หินวางเรียงชิดกัน โดยไม่ใช้ตัวเชื่อม แบบเดียวกับที่เจอที่ Cusco

จุดสุดท้าย ไปชมท่าเรือที่เป็นจุดขนส่งหลักของเกาะ ตรงนี้มีโมอายเดี่ยว 1 ตัว

จบทัวร์วันแรกเวลาเที่ยงตรง ก็กลับไปพักผ่อน
Day 12 Full day tour เริ่ม 9 โมงเช่นเดิม
จุดแรก Vaihu ไปดูบ้านจำลองของชนพื้นเมือง ซึ่งบ้านจะรูปร่างรีรีคล้ายเรือ ทำจากพืชพันธุ์ไม้ หวายและ ต้น totora เรียกว่า hare-vaka

จุดที่ 2 Akahanga ชมซากของหมู่บ้านเก่าและมีโมอาย ที่ถูกล้มลง ซึ่งบริเวณนี้เชื่อว่าเป็น สุสานของกษัตริย์องค์แรกของที่นี่

มีถ้ำเล็กๆ สำหรับชาวประมงเพื่อหลบฝนหรือพักค้างคืน
-ต่อที่คอมเม้นท์ด้านล่างนะคะ-😄😄
[CR] แบกเป้เที่ยวไปเรื่อยๆ @ Chile
ต่อจากกระทู้ที่แล้วที่ Bolivia 🇧🇴 https://m.ppantip.com/topic/42958763?
หลังจากนั่งรถข้ามชายแดนจากโบลิเวียมายังชิลีเราก็มาถึง เมืองเล็กๆที่ชื่อว่า San Pedro de Atacama ตอนเที่ยงพอดี
เช็คอินที่พักเรียบร้อยก็ออกไปซื้อทัวร์ Valle De La Luna (ค่าทัวร์ 40,000 CLP) ระหว่างรอทัวร์เริ่ม ก็ไปทานข้าวกันก่อนคะ
ทัวร์เริ่มเวลาบ่าย 2 โมง โดยจุดแรกจะต้องแวะเสียค่าเข้าก่อน (11,000 CLP)
รูปปั้นหน้าทางเข้า
นั่งรถไปอีกแป้บนึงก็ถึง Valle De La Luna ซึ่งเป็นทะเลทรายที่มีภูเขาและหินรูปร่างประหลาด (ไกด์พาเดินราวๆ 1 ชม.)
ต่อจากนั้นก็จะพาไปอีกที่เพื่อไปรอดูพระอาทิตย์ตก (มีอาหารว่างและไวน์ให้ทานระหว่างรอดูพระอาทิตย์ตกดิน)
ทัวร์ถึงแค่ 6 โมงเย็นก็กลับเข้ามาในตัวเมือง หลายคนที่มาถึง Atacama ก็มักจะไปดูดาวกัน แต่เราไม่ได้ไปคะ
Day 2 รถตู้มารับแต่เช้าไปยังสนามบิน El Loa ที่เมือง Calama เพื่อบินไป Santiago (เราจองรถตู้กับทัวร์ในราคา 20,000 CLP )
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
บ่าย 3 โมงครึ่งเราก็บินมาถึงสนามบิน Arturo Merino Benitez เรียก Uber ไปที่พักแถวย่าน Las Condes ( ย่านนี้ปลอดภัยไม่มี homeless
แต่ที่พักแพงคะ เราพัก Airbnb คืนละ 130 $ 🥹)
Day 3 วันนี้ไปเอเซียนมาร์ทหาวัตถุดิบทำอาหาร เพราะเราจะอยู่ที่ Santiago 1 สัปดาห์เพื่อรอบินไปเกาะอีสเตอร์
แถวๆมาร์ทเป็นย่านขายเสื้อผ้าราคาถูก
แวะซื้อไวน์ (ที่นี่ไวน์ราคาถูก)
Day 4 ไปเที่ยว Santiago เมืองหลวงของประเทศชิลีกันคะ
เริ่มกันที่ La Moneda Palace ที่ทำงานของประธานาธิบดีชิลี
เดินไปเรื่อยๆจนถึง Plaza de Armas
บริเวณแถวๆ Plaza de armas จะเป็นถนนคนเดินมีแผงขายของเต็มไปทั้งสองฝั่งถนน
เดินไปจนถึงตลาด Mercado Central ซึ่งด้านในเป็นร้านอาหารซะส่วนใหญ่
จากนั้นก็เดินไปต่อที่ Cerro Santa Lucia เป็นป้อมปราการเก่าสามารถขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาได้ด้านบน
ระหว่างทางเดินไป
ถึงแล้ว Cerro Santa Lucia
วิวจากด้านบน
Day 5 วันนี้ออกไปเที่ยวเมืองท่า Valparaiso คะ เราใช้บริการของ Turbus ใช้เวลาเดินทางราวๆ 2 ชั่วโมง
เนื่องจากเราไม่ได้เตรียมข้อมูลการเดินทางภายในเมืองนี้มา ก็เลยเดินเอาคะ เดินไกลมาก ที่แรกคือ Plaza Sotomayor
ไปต่อที่ Cerro Concepcion เพื่อขึ้น funicular
เดินชมวิวไปเรื่อยๆคะ
พักทานกลางวัน
สีสันสดใสทั้งเมือง
5 โมงกลับมารอขึ้นรถ ถึง Santiago เกือบๆ 2 ทุ่ม
วันอื่น เราพักผ่อนอยู่ที่พักคะ เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาเกือบ 4 เดือน
สำหรับการเดินทางใน Santiago ส่วนใหญ่เราใช้ Subway ซึ่งต้องมีบัตร Bip
Day 10 ตื่นแต่เช้าไปสนามบินเพื่อเดินทางไปยังเกาะอีสเตอร์โดยสายการบิน Latam (ผูกขาดแต่เพียงเจ้าเดียว ราคาแพงยิ่งกว่าบินไปยุโรป )
ซึ่งต้องมาถึงสนามบินก่อนเวลาออกเดินทาง 3 ชั่วโมง และ ต้องกรอกข้อมูลออนไลน์ในระบบ Single Entry Form (FUI) เพื่อแสดงต่อ
เจ้าหน้าที่ PDI ที่สนามบิน
ผ่านช่องนี้และเจอเจ้าหน้าที่ PDI
หลังจากบินมาเกือบ 6 ชั่วโมงก็มาถึงสนามบิน Mataveri แห่งเกาะอีสเตอร์คะ (เวลาที่นี่ช้ากว่าที่ Santiago 2 ชม)
รอรับกระเป๋าที่สายพาน
พนง. Hostel มารับจากสนามบิน ไปที่พัก Hostel Tipanie Moana ใกล้ๆ สนามบิน (ห้องพักสะอาด พนง พูดภาษาอังกฤษได้ดี)
เก็บของเสร็จก็ออกไปจองทัวร์กันคะ เดิมทีเรามีแพลนจะเช่ารถขับเอง แต่หลังโควิดทางอุทยานออกกฏว่า การเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว
จะต้องมีไกด์พาไป และเราก็ไม่อยากเสียค่าจ้างไกด์เพิ่ม ก็เลยเปลี่ยนไปซื้อทัวร์แทน
เราจอง Half day tour 2 วัน ( วันละ 30,000 CLP) และ Full day Tour 1 วัน ( 55,000 CLP)
สำหรับซิมเน็ต บนเกาะมีช้อปของ entel ร้านเดียวแต่เราใช้ซิมของ movistar ตั้งแต่ที่ Atacama ก็มีสัญญานสามารถใช้บนเกาะได้คะ
จองทัวร์เสร็จก็ไป ซื้อตั๋วเข้าอุทยานแห่งชาติราปานุย(ราคา80 $)
แล้วก็ ไปเดินเล่นกันคะ
เดินไปจนถึง Ahu Tahai
Ahu Ko Te Riku ที่มีดวงตา
ละก็ไปชมวิวที่ Mirador Hanga Kioe เจอโมอายเดี่ยวๆอีกตัว
ที่นี่พระอาทิตย์ตกดินตอน 2 ทุ่ม แต่เราไม่ได้อยู่รอดู
Day 11 เริ่ม Half day tour วันแรก เวลา 9 โมงเช้า
จุดแรก ปากปล่องภูเขาไฟ Rano Kau มีต้น totora ซึ่งเป็นกกที่พบในทะเลสาบ Titicaca
จุดที่ 2 Orongo ซึ่งบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของชนชั้นสูง (บ้านจะเป็นแผ่นหินทับซ้อนกัน) และเป็นจุดที่ประลองหาผู้นำของที่นี่
จากจุดนี้สามารถมองเกาะ Moto Nui และ Moto Iti ได้
จุดที่ 3 Ahu Vinapu จะเจอโมอายถูกล้มหน้าคว่ำมากมายระหว่างสงครามแย่งชิงอำนาจของชนเผ่าพื้นเมือง นอกจากนั้น
กำแพงด้านหลังของ Ahu เป็นกำแพงที่ใช้หินวางเรียงชิดกัน โดยไม่ใช้ตัวเชื่อม แบบเดียวกับที่เจอที่ Cusco
จุดสุดท้าย ไปชมท่าเรือที่เป็นจุดขนส่งหลักของเกาะ ตรงนี้มีโมอายเดี่ยว 1 ตัว
จบทัวร์วันแรกเวลาเที่ยงตรง ก็กลับไปพักผ่อน
Day 12 Full day tour เริ่ม 9 โมงเช่นเดิม
จุดแรก Vaihu ไปดูบ้านจำลองของชนพื้นเมือง ซึ่งบ้านจะรูปร่างรีรีคล้ายเรือ ทำจากพืชพันธุ์ไม้ หวายและ ต้น totora เรียกว่า hare-vaka
จุดที่ 2 Akahanga ชมซากของหมู่บ้านเก่าและมีโมอาย ที่ถูกล้มลง ซึ่งบริเวณนี้เชื่อว่าเป็น สุสานของกษัตริย์องค์แรกของที่นี่
มีถ้ำเล็กๆ สำหรับชาวประมงเพื่อหลบฝนหรือพักค้างคืน
-ต่อที่คอมเม้นท์ด้านล่างนะคะ-😄😄
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้