ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36614026
ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://ppantip.com/topic/36616822
ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://ppantip.com/topic/36623531
ตอนที่ 3 Ushuaia วันแรกลุยฝน วันต่อมาผจญหิมะ
https://ppantip.com/topic/36633175
ตอนที่ 4 Glacier Perito Moreno ในวันฟ้าหม่น
https://ppantip.com/topic/36639881
ตอนที่ 5 Laguna Torre y Fitz Roy
https://ppantip.com/topic/36648556
เนื่องจากโรงแรมที่เรานอนคืนสุดท้ายที่ Fitz Roy แพงมาก เราจึงต้องใช้ให้คุ้ม นั่งหาข้อมูลพร้อมจองตั๋วสำหรับบางส่วนที่เหลือของทริปนี้ Punta Arenas – Santiago – Atacama ตอนจองนี่น้ำตาแทบไหลเพราะราคามันพุ่งพรวดยิ่งกว่าบั้งไฟยโสธร แต่ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องซื้อๆ ไป เสร็จแล้วก็ Check-out ประมาณ 11 โมงกว่าๆ เสร็จแล้วรีบเดินไปที่ Hostel ที่เราค้างเมื่อคืนก่อน (Hostel Pioneros del Valle) เพราะเราสามารถนั่งรถจากตรงนี้กลับไปยัง El Calafate ได้เลย (ป้าที่ Hostel บอกมา) แต่พอถึงที่ Hostel ปรากฏว่ารถออกไปแล้ว (ทำบุญมาไม่มากพอ) เราเลยต้องรีบเดินไปที่สถานี เพราะไม่รู้ว่ารถเที่ยวต่อไปกี่โมงกันแน่ พอถึงก็รีบจัดการซื้อตั๋วได้รอบบ่ายโมงตรง ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องรอนาน (ราคาตั๋ว 430 Peso )
รถออกตรงเวลา แต่ถึงที่หมายไม่ตรงเวลา มีแวะส่งคนที่สนามบินก่อนด้วย พอเราถึงสถานีเราก็ไปหารถที่จะข้ามฝั่งไปชิลี (Puerto Natales) แต่....ไม่มีรถแล้วค่ะ!!! ต้องรอพรุ่งนี้นะคะ ด้วยเหตุวันนี้เลยเป็นวันที่ชิวที่สุดในทริปนี้เลย เราเลยจัดแจงซื้อตั๋วของพรุ่งนี้รอบ 8:30น. (ราคา 460 Peso) แล้วเดินออกหาที่พัก ซึ่งก็ได้ที่พักไม่ไกลจากสถานีรถมาก (ไม่ต้องปีนขึ้นเขาเหมือนคืนแรกที่มาถึงที่นี่) ห้องพักเป็น Dorm สำหรับ 3 คน แต่เรานอนคนเดียว รู้สึกเหมือนมีห้องส่วนตัว ถึงจะต้องไปอาบน้ำข้างนอกก็เหอะ (ราคา 250 Peso)
เย็นนี้เราก็ว่าง ไม่มีอะไรเลยเดินออกไปหาที่ถ่ายรูปสำหรับทำวีซ่าโบลิเวีย วันนี้เรียกได้ว่าเดินทุกซอกทุกมุมของเมืองเลย แต่ไม่มีซะร้านที่รับถ่ายรูป (หรือเราสื่อสารกันไม่เข้าใจ?) เราเลยตัดในเดินเล่นแถวนั้นดีกว่า
ว่างมาก และบ้ามาก......อยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำจริงๆ เลยต้องหาเพื่อนเล่นด้วยแบบนี้
หลังจากที่เดินไปเดินมาอยู่นานก็เริ่มหิวละ เราไปเดินหาร้านอาหารดีกว่า เห็นร้านซูซิอยู่ร้านนึงน่ากินมาก เราก็เดินวนไปวนมารอร้านเปิด รอจนทุ่มนึงก็ไม่เปิดเลยตัดใจไปกินพิซซ่า (206 Peso) ก็ได้ กินเสร็จกลับห้องนอน
จากครั้งที่แล้วที่ตกรถเพราะมันออกเร็วกว่ากำหนด คราวนี้เราเลยรีบออกจากที่พักไปสถานีเร็วกว่าเวลารถออก 1 ชั่วโมง คราวนี้ไม่ยักจะออกก่อนเวลาแฮะ พอขึ้นรถปุ๊บกิจกรรมแรกที่ทำคือ “หลับ” เราหลับยาวๆ ไป 5 ชั่วโมงรถก็แวะจอดให้ได้ยืดเส้นยืดสาย เดินทางต่อไปได้อีกหน่อยเราก็มาถึงชายแดนเข้าแถวผ่านพิธีตรวจคนออกนอกเมือง ซึ่งมันก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเราขึ้นรถปุ๊บ เจ้าหน้าที่ขึ้นมาเรียกคนครึ่งรถ (รวมถึงเราด้วย) ให้ลงไปประทับตราอีกรอบ เพราะตราปั๊มมันตั้งวันไว้ผิด ตั้งว่าเราออกจากอาร์เจนติน่าปี 2017 ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมันเพิ่งปี 2016
พอข้ามมาฝั่งชิลีก็ต้องลงไปผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองอีก แต่ที่นี่เข้มงวดมากเรื่องของ คือกระเป๋าทุกใบจะต้องสแกน ไม่ใช่ดูว่ามียาเสพติดหรือเปล่า แต่ดูว่ามีของกิน มีพืช มีผักติดมาด้วยหรือเปล่า ถ้าติดมาต้อง “ทิ้ง” สถานเดียว เหตุผลคือป้องกันโรคพืชและแมลงมาแพร่ในชิลี เจ้าหน้าที่บอกว่าชิลีไม่เคยมีปัญหาเรื่องแมลงในพืชผลการเกษตรเลย!!! ชายแดนส่วนใหญ่ก็มีภูเขาขนาดใหญ่กั้น ส่วนอีกด้านที่ติดกับโบลิเวียมันก็หนักหนาสำหรับแมลง แมลงจะต้องมี DNA ของ เหล่า Super Hero อยู่ในสายเลือดเท่านั้นถึงจะบินผ่านโบลิเวียมาถึงนี่ได้ ไหนจะ Salt Flat ไหนจะน้ำพุร้อน แล้วยังจะความสูงจากระดับน้ำทะเลที่สูงมากๆ อีก เป็นอันว่าถ้าสามารถกักกันพืชจากด่านต่างๆ ได้ ชิลีก็จะปราศจาคโรคในพืช และแมลงในผักตลอดกาล แต่ใช่ว่าเครื่องสแกนจะมีประสิทธิภาพเสมอไป เพราะมีนักท่องเที่ยวหลายคนแอบเอาผลไม้ที่กินเหลือติดตัว ไม่เอามาเข้าเครื่องสแกน ดังนั้นที่ชายแดนจึงมีหน่วยสแกนพิเศษ คือ เจ้าหมาน้อย ที่คอยดมกลิ่นตามที่ต่างๆ นั่นเอง
สุนัขที่นี่ก็เหมือนข้าราชการคนหนึ่ง แต่ดูพิเศษกว่าตรงที่จะมีรูปสุนัขที่ปลดประจำการและตายแล้ว แปะไว้ข้างฝาผนัง พร้อมระบุวันเวลาที่รับราชการลงในนั้นด้วย เป็นสุนัขที่โก้สุดๆ ไปเลย
พอเสร็จพิธีแล้วเราก็ขึ้นรถแล้วนั่งมาเรื่อยๆ จนบ่ายสองโมงก็มาถึงท่ารถที่ Puerto Natales เราจอง Hostel จากในเนทมาแล้ว เป็นที่ที่คนไทยใน Pantip แนะนำ เราถามทางไปกับ Information Desk แล้วก็เดิน (ลงเขา) ไปที่พัก ที่พัก (22 USD)สามารถจัดหาทัวร์แบบวันเดียวไป Torres Del Paine ได้ (30,000 Peso) เราก็ซื้อกับที่พักนั่นแหละ (มันแอบแพงกว่าไปเดินหาข้างนอก) เสร็จแล้วก็ไปหาร้านแลกเงินจะได้มีเงินติดตัวไว้ใช้บ้าง
ร้านแลกเงินจะอยู่ถนนด้านหลังของโบสถ์นี้ ส่วนร้านถ่ายรูปก็อยู่ตรงข้ามเยื้องๆ ไปหน่อย
จากนั้นค่อยไปหาร้านถ่ายรูปเพื่อทำวีซ่าโบลิเวีย พอได้มาแล้วก็จัดการ Apply Online Visa เลย กว่าจะเสร็จก็หมดไปหนึ่งวันพอดี ตอนนี้ก็สบายใจแล้วว่าเราสามารถไปต่อได้ถึงที่โบลิเวียแน่นอน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ หาของอร่อยๆ กิน ตัวช่วยของเราวันนี้คือ Tripadvisor วิธีหาคือ หาร้านที่ใกล้ๆ ที่คนเค้าว่าดี
เราเดินไปทางที่คิดว่าร้านอาหารน่าจะอยู่ตรงนั้นแต่ก็หาไม่เจอ เลยเดินไปถ่ายรูปวิวแถวๆ นั้นเก็บไว้
พอฟ้าเริ่มมืดเราต้องหาร้านอาหารอย่างจริงจัง ปรากฏว่าร้านมันอยู่ตรงที่เราเดินผ่านนั่นแหละ แต่ไม่ทันได้มอง ทั้งๆ ที่มีปูตัวเป้งๆ อยู่หน้าร้าน พอเข้าไปนั่งได้พักนึงก็เหลือไปเห็นผู้ชายสเปนที่นั่งข้างๆ เราตอนอยู่บนรถ ลุงแกมาที่นี่บ่อย (เป็นคนเดินเรือ) บอกว่าร้านนี้สุดยอดแล้ว เราเลยจัดไปเต็มที่!!!!
หลังจากที่ไม่ปลื้มกับอาหารอาร์เจนติน่ามาหลายมื้อ วันนี้เหยียบแผ่นดินชิลีวันแรกก็หวังว่าจะได้เจออะไรดีๆ และที่นี่เอง Cafeteria Cangrejo Rojo มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเด็กขาดสารอาหารกำลังได้ลิ้มรสอาหารครั้งแรกในรอบเกือบสัปดาห์ รสชาตไม่อยากจะบอกต้องดูรูปเอาเอง (หมดไป 18,000 Peso)
กินเสร็จแล้วเราก็เดินกลับที่พัก วันนี้พัก Dorm แบบรวม 9 คน พอเข้าไปถึง อ้าว..เฮ้ย!!! นอนกับผู้ชายหมดเลย มีผู้ชาย USA มาชวนคุยบอกว่า “เตียงนู้นก็เป็นหญิงไทยนะยู” แล้วก็คุยนู่นนี่นั่นสักพักคนไทยก็กลับมา (เราเห็นเค้ารีวิวทริปนี้ด้วยเหมือนกัน
https://ppantip.com/topic/35236859) เลยชวนกันคุยต่ออีกหน่อย คราวนี้ผู้ชายเกาหลีก็มา ออสเตรเลียก็มา ห้องนี้อุดมไปด้วยผู้ชายจริงๆ เม้าท์มอยได้ไม่นานก็ต้องนอนแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องเดิทางแต่เช้า
[CR] ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “25 วันล่าฝันอเมริกาใต้” ตอนที่ 6 Torres Del Paine ในวันที่ฟ้าไม่สดใสแต่ยังคงงดงาม
ตอนที่ 0 สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36614026
ตอนที่ 1 Rio หนึ่งวันมันก็จะดูรีบๆ หน่อย
https://ppantip.com/topic/36616822
ตอนที่ 2 ลั่นล้าท้านละอองน้ำที่ Iguazu Falls (Brazil / Argentina)
https://ppantip.com/topic/36623531
ตอนที่ 3 Ushuaia วันแรกลุยฝน วันต่อมาผจญหิมะ
https://ppantip.com/topic/36633175
ตอนที่ 4 Glacier Perito Moreno ในวันฟ้าหม่น
https://ppantip.com/topic/36639881
ตอนที่ 5 Laguna Torre y Fitz Roy
https://ppantip.com/topic/36648556
เนื่องจากโรงแรมที่เรานอนคืนสุดท้ายที่ Fitz Roy แพงมาก เราจึงต้องใช้ให้คุ้ม นั่งหาข้อมูลพร้อมจองตั๋วสำหรับบางส่วนที่เหลือของทริปนี้ Punta Arenas – Santiago – Atacama ตอนจองนี่น้ำตาแทบไหลเพราะราคามันพุ่งพรวดยิ่งกว่าบั้งไฟยโสธร แต่ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องซื้อๆ ไป เสร็จแล้วก็ Check-out ประมาณ 11 โมงกว่าๆ เสร็จแล้วรีบเดินไปที่ Hostel ที่เราค้างเมื่อคืนก่อน (Hostel Pioneros del Valle) เพราะเราสามารถนั่งรถจากตรงนี้กลับไปยัง El Calafate ได้เลย (ป้าที่ Hostel บอกมา) แต่พอถึงที่ Hostel ปรากฏว่ารถออกไปแล้ว (ทำบุญมาไม่มากพอ) เราเลยต้องรีบเดินไปที่สถานี เพราะไม่รู้ว่ารถเที่ยวต่อไปกี่โมงกันแน่ พอถึงก็รีบจัดการซื้อตั๋วได้รอบบ่ายโมงตรง ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องรอนาน (ราคาตั๋ว 430 Peso )
รถออกตรงเวลา แต่ถึงที่หมายไม่ตรงเวลา มีแวะส่งคนที่สนามบินก่อนด้วย พอเราถึงสถานีเราก็ไปหารถที่จะข้ามฝั่งไปชิลี (Puerto Natales) แต่....ไม่มีรถแล้วค่ะ!!! ต้องรอพรุ่งนี้นะคะ ด้วยเหตุวันนี้เลยเป็นวันที่ชิวที่สุดในทริปนี้เลย เราเลยจัดแจงซื้อตั๋วของพรุ่งนี้รอบ 8:30น. (ราคา 460 Peso) แล้วเดินออกหาที่พัก ซึ่งก็ได้ที่พักไม่ไกลจากสถานีรถมาก (ไม่ต้องปีนขึ้นเขาเหมือนคืนแรกที่มาถึงที่นี่) ห้องพักเป็น Dorm สำหรับ 3 คน แต่เรานอนคนเดียว รู้สึกเหมือนมีห้องส่วนตัว ถึงจะต้องไปอาบน้ำข้างนอกก็เหอะ (ราคา 250 Peso)
เย็นนี้เราก็ว่าง ไม่มีอะไรเลยเดินออกไปหาที่ถ่ายรูปสำหรับทำวีซ่าโบลิเวีย วันนี้เรียกได้ว่าเดินทุกซอกทุกมุมของเมืองเลย แต่ไม่มีซะร้านที่รับถ่ายรูป (หรือเราสื่อสารกันไม่เข้าใจ?) เราเลยตัดในเดินเล่นแถวนั้นดีกว่า
ว่างมาก และบ้ามาก......อยู่คนเดียวไม่มีอะไรทำจริงๆ เลยต้องหาเพื่อนเล่นด้วยแบบนี้
หลังจากที่เดินไปเดินมาอยู่นานก็เริ่มหิวละ เราไปเดินหาร้านอาหารดีกว่า เห็นร้านซูซิอยู่ร้านนึงน่ากินมาก เราก็เดินวนไปวนมารอร้านเปิด รอจนทุ่มนึงก็ไม่เปิดเลยตัดใจไปกินพิซซ่า (206 Peso) ก็ได้ กินเสร็จกลับห้องนอน
จากครั้งที่แล้วที่ตกรถเพราะมันออกเร็วกว่ากำหนด คราวนี้เราเลยรีบออกจากที่พักไปสถานีเร็วกว่าเวลารถออก 1 ชั่วโมง คราวนี้ไม่ยักจะออกก่อนเวลาแฮะ พอขึ้นรถปุ๊บกิจกรรมแรกที่ทำคือ “หลับ” เราหลับยาวๆ ไป 5 ชั่วโมงรถก็แวะจอดให้ได้ยืดเส้นยืดสาย เดินทางต่อไปได้อีกหน่อยเราก็มาถึงชายแดนเข้าแถวผ่านพิธีตรวจคนออกนอกเมือง ซึ่งมันก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเราขึ้นรถปุ๊บ เจ้าหน้าที่ขึ้นมาเรียกคนครึ่งรถ (รวมถึงเราด้วย) ให้ลงไปประทับตราอีกรอบ เพราะตราปั๊มมันตั้งวันไว้ผิด ตั้งว่าเราออกจากอาร์เจนติน่าปี 2017 ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมันเพิ่งปี 2016
พอข้ามมาฝั่งชิลีก็ต้องลงไปผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองอีก แต่ที่นี่เข้มงวดมากเรื่องของ คือกระเป๋าทุกใบจะต้องสแกน ไม่ใช่ดูว่ามียาเสพติดหรือเปล่า แต่ดูว่ามีของกิน มีพืช มีผักติดมาด้วยหรือเปล่า ถ้าติดมาต้อง “ทิ้ง” สถานเดียว เหตุผลคือป้องกันโรคพืชและแมลงมาแพร่ในชิลี เจ้าหน้าที่บอกว่าชิลีไม่เคยมีปัญหาเรื่องแมลงในพืชผลการเกษตรเลย!!! ชายแดนส่วนใหญ่ก็มีภูเขาขนาดใหญ่กั้น ส่วนอีกด้านที่ติดกับโบลิเวียมันก็หนักหนาสำหรับแมลง แมลงจะต้องมี DNA ของ เหล่า Super Hero อยู่ในสายเลือดเท่านั้นถึงจะบินผ่านโบลิเวียมาถึงนี่ได้ ไหนจะ Salt Flat ไหนจะน้ำพุร้อน แล้วยังจะความสูงจากระดับน้ำทะเลที่สูงมากๆ อีก เป็นอันว่าถ้าสามารถกักกันพืชจากด่านต่างๆ ได้ ชิลีก็จะปราศจาคโรคในพืช และแมลงในผักตลอดกาล แต่ใช่ว่าเครื่องสแกนจะมีประสิทธิภาพเสมอไป เพราะมีนักท่องเที่ยวหลายคนแอบเอาผลไม้ที่กินเหลือติดตัว ไม่เอามาเข้าเครื่องสแกน ดังนั้นที่ชายแดนจึงมีหน่วยสแกนพิเศษ คือ เจ้าหมาน้อย ที่คอยดมกลิ่นตามที่ต่างๆ นั่นเอง
สุนัขที่นี่ก็เหมือนข้าราชการคนหนึ่ง แต่ดูพิเศษกว่าตรงที่จะมีรูปสุนัขที่ปลดประจำการและตายแล้ว แปะไว้ข้างฝาผนัง พร้อมระบุวันเวลาที่รับราชการลงในนั้นด้วย เป็นสุนัขที่โก้สุดๆ ไปเลย
พอเสร็จพิธีแล้วเราก็ขึ้นรถแล้วนั่งมาเรื่อยๆ จนบ่ายสองโมงก็มาถึงท่ารถที่ Puerto Natales เราจอง Hostel จากในเนทมาแล้ว เป็นที่ที่คนไทยใน Pantip แนะนำ เราถามทางไปกับ Information Desk แล้วก็เดิน (ลงเขา) ไปที่พัก ที่พัก (22 USD)สามารถจัดหาทัวร์แบบวันเดียวไป Torres Del Paine ได้ (30,000 Peso) เราก็ซื้อกับที่พักนั่นแหละ (มันแอบแพงกว่าไปเดินหาข้างนอก) เสร็จแล้วก็ไปหาร้านแลกเงินจะได้มีเงินติดตัวไว้ใช้บ้าง
ร้านแลกเงินจะอยู่ถนนด้านหลังของโบสถ์นี้ ส่วนร้านถ่ายรูปก็อยู่ตรงข้ามเยื้องๆ ไปหน่อย
จากนั้นค่อยไปหาร้านถ่ายรูปเพื่อทำวีซ่าโบลิเวีย พอได้มาแล้วก็จัดการ Apply Online Visa เลย กว่าจะเสร็จก็หมดไปหนึ่งวันพอดี ตอนนี้ก็สบายใจแล้วว่าเราสามารถไปต่อได้ถึงที่โบลิเวียแน่นอน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือ หาของอร่อยๆ กิน ตัวช่วยของเราวันนี้คือ Tripadvisor วิธีหาคือ หาร้านที่ใกล้ๆ ที่คนเค้าว่าดี
เราเดินไปทางที่คิดว่าร้านอาหารน่าจะอยู่ตรงนั้นแต่ก็หาไม่เจอ เลยเดินไปถ่ายรูปวิวแถวๆ นั้นเก็บไว้
พอฟ้าเริ่มมืดเราต้องหาร้านอาหารอย่างจริงจัง ปรากฏว่าร้านมันอยู่ตรงที่เราเดินผ่านนั่นแหละ แต่ไม่ทันได้มอง ทั้งๆ ที่มีปูตัวเป้งๆ อยู่หน้าร้าน พอเข้าไปนั่งได้พักนึงก็เหลือไปเห็นผู้ชายสเปนที่นั่งข้างๆ เราตอนอยู่บนรถ ลุงแกมาที่นี่บ่อย (เป็นคนเดินเรือ) บอกว่าร้านนี้สุดยอดแล้ว เราเลยจัดไปเต็มที่!!!!
หลังจากที่ไม่ปลื้มกับอาหารอาร์เจนติน่ามาหลายมื้อ วันนี้เหยียบแผ่นดินชิลีวันแรกก็หวังว่าจะได้เจออะไรดีๆ และที่นี่เอง Cafeteria Cangrejo Rojo มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเด็กขาดสารอาหารกำลังได้ลิ้มรสอาหารครั้งแรกในรอบเกือบสัปดาห์ รสชาตไม่อยากจะบอกต้องดูรูปเอาเอง (หมดไป 18,000 Peso)
กินเสร็จแล้วเราก็เดินกลับที่พัก วันนี้พัก Dorm แบบรวม 9 คน พอเข้าไปถึง อ้าว..เฮ้ย!!! นอนกับผู้ชายหมดเลย มีผู้ชาย USA มาชวนคุยบอกว่า “เตียงนู้นก็เป็นหญิงไทยนะยู” แล้วก็คุยนู่นนี่นั่นสักพักคนไทยก็กลับมา (เราเห็นเค้ารีวิวทริปนี้ด้วยเหมือนกัน https://ppantip.com/topic/35236859) เลยชวนกันคุยต่ออีกหน่อย คราวนี้ผู้ชายเกาหลีก็มา ออสเตรเลียก็มา ห้องนี้อุดมไปด้วยผู้ชายจริงๆ เม้าท์มอยได้ไม่นานก็ต้องนอนแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องเดิทางแต่เช้า