กู๊ดมอนิ่ง ชาว ขาS และ ขาL & ชาว Put,Call (17 Jul 17)

กระทู้สนทนา




สวัสดียามเช้าวันจันทร์ วันทำงานวันแรก ของสัปดาห์ ครับ พี่ๆน้องๆ ชาว ขาS และ ขาL & ชาว PutCall ทุกๆท่าน

เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี SET index ยังคงเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ (1575 - 1582 จุด) บรรยากาศการซื้อขาย
เป็นไปอย่างซบเซา แม้เมื่อคืนวันพุธ,พฤหัส Ms.Janet Yellen ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้แถลงการนโยบายต่อสภา Congress
โดยมีใจความหลักๆ "หากเศรษฐกิจยังไม่ดีพอ และเงินเฟ้อยังไม่ถึงเป้า FED อาจจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย" อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยนี้
ก็ไม่ได้ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย ให้มีการเคลื่อนไหวที่หวือหวาเท่าไรนัก และดัชนีปิดตัวไปที่ระดับ 1577 จุด -1.62 จุด วันนี้มาติดตามกันต่อ
ว่าดัชนีจะจเคลื่อนไหวแกว่งตัวหวือหวา หรือไม่

Fundamental

"เอเชียเช้านี้" ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดเพิ่มขึ้น 183.69 จุด หรือ +0.70% แตะที่ 26,572.92 จุดในวันนี้ สอดคล้อง
ทิศทางการปรับตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ อันเนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่ซบเซา

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ในวันนี้ และดัชนีราคาบ้านเดือนมิ.ย.ในวันพรุ่งนี้


"ฝั่งสหรัฐ" ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากข้อมูล
เงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐได้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สกัดแรงบวกในตลาด แม้ว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส และซิตี้กรุ๊ป
ได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใสก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,637.74 จุด เพิ่มขึ้น 84.65 จุด หรือ +0.39%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,459.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด หรือ +0.47%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,312.47 จุด เพิ่มขึ้น 38.03 จุด หรือ +0.61%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 2.6% และ ดัชนีS&P500 เพิ่มขึ้น 1.4%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ
และยอดค้าปลีกที่ซบเซา โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนมิ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์
คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 1.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2016

ทั้งนี้ ข้อมูล CPI ล่าสุดบ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำของสหรัฐ และอาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้น
ไปแล้วในเดือนมี.ค. และมิ.ย. ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อ
คณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังรายงานว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 และสวนทางกับที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ปรับตัวขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยหุ้นไมโครซอฟท์
พุ่งขึ้น 1.1% หุ้น NetApp พุ่งขึ้น 2.26% หุ้นซิมเมอร์ ไบโอเมท โฮลดิ้ง ทะยานขึ้น 2.7%

อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกจำกัดในระหว่างวัน เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้ธนาคารรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส,
ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก ได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใสก็ตาม หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลง 0.9% แม้ธนาคารเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2
อยู่ที่ 2.641 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.82 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 2.496 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร
1.58 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.5% แม้ธนาคารเปิดเผยรายได้ 1.790 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.28 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้จะอยู่ที่ระดับ 1.737 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.21 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.1% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ 2.217 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.07 ดอลลาร์/หุ้น ในไตรมาส 2 ขณะที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ที่ระดับ 2.247 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 1.01 ดอลลาร์/หุ้น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.4%
ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ค.  ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. หลังจากร่วงลง 0.2% ในเดือนเม.ย. ทางด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 93.1 ในเดือนก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 95.0


"ฝั่งยุโรป" ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) หลังหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันใน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ภายหลังธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรป
ในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นในรอบสัปดาห์

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,631.72 จุด ลดลง 9.61 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,235.31 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ -0.00%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,378.39 จุด ลดลง 35.05 จุด หรือ -0.47%
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 386.84 จุด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่สาม โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดหุ้นกรีซที่ปรับตัวขึ้น
สวนทางตลาดหุ้นหลักๆในภูมิภาค โดยนักลงทุนรอดูท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อตลาดพันธบัตร หลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้วกองทุนกลไกรักษา
เสถียรภาพยุโรป (ESM) ได้อนุมัติเงินกู้งวดใหม่ วงเงิน 8.5 พันล้านยูโร (9.6 พันล้านดอลลาร์) ให้กับกรีซ

สำหรับภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.8% นับเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยปัจจัยหลัก
นั้นมาจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ในส่วนของบรรยากาศการซื้อขายวันศุกร์นั้น หุ้นกลุ่มธนาคารในยุโรปปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกันกับหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐ หลังการเปิดเผย
ผลกำไรของเจพีมอร์แกน เชส, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก ที่แม้จะปรับตัวสูงขึ้น แต่รายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งกลับปรับตัวลดลงผิดไปจากที่
นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ ธนาคารรายใหญ่ในยุโรปมีกำหนดการเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์ต่อๆไป ซึ่งการเปิดเผยผลประกอบการที่ค่อนข้างน่าผิดหวังของ
ธนาคารสหรัฐเมื่อคืนนี้ทำให้นักลงทุนหันมาจับตามองธนาคารฝั่งยุโรปมากขึ้นหุ้นธนาคารรายใหญ่ในยุโรปอย่างดอยซ์แบงก์ ของเยอรมนี,
บังโค ซานตานเดร์ ของสเปน และ บีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศส ต่างปรับตัวลงเกือบ 1% และถ่วงดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารใน
ตลาดหุ้นยุโรปลดลง 0.7%

Credit : สำนักข่าวอินโฟวเควสท์


Technical Analysis

SET index TF Day : ตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ( 1574 - 1582 จุด) โดยภาพรวม
(กรอบเส้นสีน้ำเงิน) ยังคงมีแนวโน้ม Sideway ไร้ทิศทางแต่ถ้าหากมองอีกรูปแบบ ก็จะเห็นว่า ดัชนีนั้นกำลังเคลื่อนไหวในกรอบ
สามเหลี่ยมเลือกทาง "Symmetrical Triangle" มาลุ้นกันว่า ทิศทางที่ดัชนีเลือกจะไปในทิศทางใด หากทะลุกรอบบนขึ้นไป
มีแนวโน้มที่จะทดสอบระดับ 1600 อีกครั้ง // แต่ถ้าหากหลุด 1560 ลงมา ก็น่าจะเริ่มเข้าสู่โหมดพักฐาน กลับลงไปทดสอบ
เส้น EMA200 วัน หรือกรอบ Sideway กรอบล่าง ก็เป็นได้

S50U17 TF Day : ตลอดทั้งวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบๆ (992 - 993 จุด) โดยภาพรวม
ยังคงมีแนวโน้ม Sideway ไร้ทิศทาง คงต้องมาลุ้นกันว่า บริเวณแนวต้าน 998.2 ที่เคยทำไว้ จะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรือไม่
ถ้าผ่านขึ้นไปได้ ก็จะทำให้ภาพ Sideway นั้นหายไป และ Trend จะเริ่มมา //แต่ถ้าหากไม่สามารถผ่านทะลุ ขึ้นไปได้
ก็ให้ระวัง การย่อตัวลงมาทดสอบ EMA75 วัน หรือ กรอบ Sideway กรอบล่าง ก็เป็นได้

TF60 : เมื่อวานศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งตัว Sideway ในกรอบแคบมากๆ ( 992 -993 จุด) และดูเหมือนว่า
กำลังจะฟอร์มตัว เพื่อเป็นไหล่ขวา ของรูปแบบกลับตัว "Inverse Head & Shoulder" ซึ่งถ้าหากวันนี้ ดัชนีสามารถ
ยืนเหนือ 995+ ขึ้นไปได้ จะทำให้ภาพของรูปแบบกลับตัวชัดยิ่งขึ้น และ พร้อมทะยานขึ้นไปทดสอบ High ในวันถัดๆไป

Resistance 995 1000 1005 / 1580 1585 1590
Support 988 985 980 / 1573 1570 1566

*EOD End of day

ผิดพลาดประการใดโปรดชี้แนะ

สำหรับพี่ๆ น้องๆ ที่ เล่น Put,Call Option ครับ  ผมอาจจะไม่ ถนัดด้านนี้
แต่ ในกระทู้นี้ รับรองว่ามี จอมขมังเวทย์ Option เยอะครับ  เชิญแชร์ iDea เจ๋งๆ เด็ดๆ / หรือข้อสงสัย สอบถามกันตามสบายเลยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่